* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Saturday, January 11, 2025

ตำนานรักต้องห้าม: อโฟรไดต์และแอรีส

ตำนานรักต้องห้าม: อโฟรไดต์และแอรีส

ตำนานรักบทใหม่ของอโฟรไดต์และแอรีส

สร้างภาพและเล่าเรื่องราวและกล่าวเสริมข้อมูลโดย: ChatGPT & GEMINI [AI] 
©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม.


ปฐมบท: กำเนิดแห่งเทพธิดาแห่งราคะ

เหนือม่านหมอกแห่งความมืดมิด ณ จุดที่มหาสมุทรแห่งจักรวาลบรรจบกับขอบฟ้าของโลก ไม่มีเสียงใดดังแว่ว มีเพียงความเงียบงันที่ปกคลุมไปด้วยอากาศอบอวลแห่งปริศนา สายลมแห่งดวงดาวพัดพาเกลียวคลื่นอันเย้ายวนให้แสงจันทร์สะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ ราวกับผืนผ้าทอด้วยเพชรน้ำงามจากสรวงสวรรค์

ในใจกลางมหาสมุทรนั้น คลื่นบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างอ่อนโยน แสงสีทองอันเร่าร้อนเจิดจ้าค่อยๆ แทรกผ่านม่านน้ำและเปล่งประกายออกมาในยามค่ำคืน ราวกับว่ามันถือกำเนิดจากหัวใจของจักรวาลเอง

ทันใดนั้น เสียงกังวานแห่งจักรวาลดังขึ้น—ไม่ใช่เสียงธรรมดา แต่เป็นเสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่หา ทุกตัวโน้ตเปล่งออกมาเหมือนสายลมพัดผ่านผิวหนังของผู้ฟัง ปลุกอารมณ์ทุกอณูให้ตื่นตัว เสียงดนตรีนั้นเหมือนเชิญชวนโลกทั้งใบให้หยุดนิ่ง เพื่อเป็นพยานต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ในหมู่คลื่นที่เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ฟองคลื่นสีขาวนวลผุดขึ้นกลางมหาสมุทร ก่อตัวเป็นดอกบัวขนาดมหึมา กลีบดอกบัวนั้นงดงามดุจผ้าไหมบางเบา มีกลิ่นหอมอันลึกลับที่ไม่อาจบรรยายได้ ทันทีที่กลีบแรกค่อยๆ คลี่ออก แสงสีทองที่ล้อมรอบกลีบก็บดบังทุกสิ่งอื่นในสายตา

ท่ามกลางแสงอันเจิดจ้า ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น—ร่างของหญิงสาวผู้มีความงามเกินจินตนาการ นางค่อยๆ โผล่ขึ้นจากดอกบัว กลีบดอกห่อหุ้มร่างกายของนางราวกับผ้าคลุมอันบางเบา ผิวของนางเปล่งประกายเหมือนมุกน้ำทะเล เนียนนุ่มไร้ที่ติ ทุกเส้นโค้งเว้าบนร่างกายของนางเหมือนถูกปั้นแต่งด้วยมือของเทพเจ้า เส้นผมสีทองอร่ามพลิ้วไหวอย่างอิสระ ราวกับพลังของมหาสมุทรกำลังเล้าโลมนาง

นัยน์ตาสีอำพันของนางฉายแววแห่งความปรารถนาอันลึกล้ำ ริมฝีปากแดงระเรื่อของนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สามารถสะกดหัวใจของทุกผู้ที่ได้เห็น นางคือ อโฟรไดท์ เทพธิดาแห่งความงาม ความรัก และราคะ

ดอกบัวที่รองรับร่างของนางพลันค่อยๆ หายไปในอากาศ ราวกับมันเป็นเพียงเวทีสำหรับการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตผู้เป็นดั่งสมบัติแห่งจักรวาล เมื่อนางเหยียบย่างลงบนผิวน้ำ ทุกย่างก้าวของนางสร้างระลอกคลื่นสีทองที่แผ่กระจายออกไปในทุกทิศทาง ราวกับว่านางคือศูนย์กลางของพลังแห่งการสร้างและทำลายล้าง

"ข้าคือความปรารถนา" นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา แต่กลับกังวานสะท้อนในหัวใจของทุกสิ่งมีชีวิต "และข้าถือกำเนิดเพื่อเติมเต็มโลกใบนี้ด้วยความงดงามและความเร่าร้อนอันไม่มีที่สิ้นสุด"

สายลมแห่งสวรรค์พลันหยุดนิ่ง ดวงดาวราวกับโน้มตัวเข้ามาใกล้ เพื่อมองเห็นเทพธิดาผู้นี้อย่างชัดเจน ทุกชีวิตในจักรวาลรู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่กระจายออกมาจากตัวนาง—พลังที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนและความดึงดูดใจ

จากนี้ไป นางจะเป็นดั่งหัวใจที่เต้นอยู่ในทุกความรัก ทุกความปรารถนา และทุกเสี้ยวของความงดงามที่โลกนี้จะได้สัมผัส บทเพลงแห่งการกำเนิดของอโฟรไดท์ยังคงก้องอยู่ในอากาศ ประกาศถึงการเริ่มต้นของเรื่องราวอันเข้มข้นที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกตลอดกาล

และนี่คือปฐมบท—เพียงจุดเริ่มต้นของความลุ่มหลงที่ไม่มีวันจบสิ้น…

บทที่ 1: การก้าวเข้าสู่โอลิมปัสของอโฟรไดท์

เหนือยอดเขาโอลิมปัส สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพเจ้า บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสง่างามและความลึกลับ ผืนฟ้าสีทองอร่ามส่องประกายเมื่อแสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาบนวิหารอันงดงาม วิหารแต่ละหลังตั้งตระหง่านด้วยเสาหินอ่อนแกะสลักลวดลายวิจิตร ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ

เมื่ออโฟรไดท์ก้าวย่างขึ้นมายังโอลิมปัส นางนำพากลิ่นหอมแห่งเสน่หาติดตัวมาด้วย เสียงกระซิบของสายลมคล้ายบทกวีแห่งรัก ดวงตาสีอำพันของนางทอดมองไปยังสรวงสวรรค์แห่งนี้ด้วยความรู้สึกผสมผสาน ทั้งหลงใหลและระมัดระวัง ทุกย่างก้าวของนางสะกดสายตาของเหล่าเทพและเทพธิดาที่เฝ้ามองจากมุมต่างๆ ของโอลิมปัส

ในหมู่พวกเขานั้น ผู้ที่ไม่อาจละสายตาได้มากที่สุดคือ เซอุส เทพเจ้าสูงสุดแห่งโอลิมปัส ผู้ซึ่งเฝ้ามองอโฟรไดท์ตั้งแต่แรกพบ ใบหน้าคมสันของเขาเปื้อนรอยยิ้มที่ซ่อนความเจ้าชู้ไว้ในแววตา เส้นผมสีทองประกายและดวงตาสีฟ้าลุ่มลึกของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งเทพผู้ทรงอำนาจที่สุดในจักรวาล

เซอุสเฝ้ารอจังหวะจนกระทั่งอโฟรไดท์ก้าวเข้าสู่สวนแห่งสวรรค์ ที่ซึ่งหมู่ดอกไม้และต้นไม้ผลิดอกออกผลด้วยมนตรา สวนแห่งนี้คือสถานที่ที่ความลับของเหล่าเทพมักถูกเก็บซ่อนไว้ และมันคือที่ที่เซอุสเลือกจะลอบพบกับเทพธิดาผู้งดงาม

"เทพธิดาอโฟรไดท์" เสียงของเซอุสดังขึ้น ราวกับเสียงฟ้าร้องที่อ่อนโยนแต่น่าหวั่นเกรง

อโฟรไดท์หันกลับมา ใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความระมัดระวัง "เซอุส จอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ ท่านมีธุระอันใดกับข้ากันเล่า?"

เซอุสก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาสีฟ้าของเขาจับจ้องไปยังใบหน้าของอโฟรไดท์ด้วยความหลงใหล "ข้าอยากให้เจ้ารับรู้ถึงความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้า อโฟรไดท์ เจ้าคือผู้ที่งดงามที่สุดในสรวงสวรรค์ และข้าปรารถนาจะได้ครอบครองหัวใจของเจ้า"

คำพูดของเซอุสเต็มไปด้วยความจริงใจและแรงปรารถนา อโฟรไดท์รู้สึกถึงพลังแห่งเสน่ห์ของเขา แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น นางก้าวถอยหลังเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มจางลง

"เซอุส ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเฮรา ราชินีของท่าน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจของท่าน จะยอมรับได้หรือที่ท่านแสดงความรู้สึกเช่นนี้ต่อข้า?"

เซอุสหัวเราะเบาๆ "เฮราอาจเป็นราชินีของข้า แต่เจ้าคือเปลวไฟที่เผาไหม้หัวใจของข้า อโฟรไดท์ อย่าปล่อยให้ความหวาดกลัวมาขวางกั้นระหว่างเราเลย"

อโฟรไดท์นิ่งเงียบ ความรู้สึกสับสนและอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของนาง แม้ว่าจะรู้สึกถึงความดึงดูดที่เซอุสมีต่อเธอ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเดินไปตามเส้นทางนี้อาจนำพาความขัดแย้งและโศกนาฏกรรม

"ข้าต้องการเวลาเพื่อคิดทบทวน" อโฟรไดท์กล่าวในที่สุด "ท่านคือเทพผู้ยิ่งใหญ่ แต่ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ในทันที"

เซอุสยิ้ม "ข้าจะให้เวลาเจ้าตามที่เจ้าต้องการ แต่ในระหว่างนี้ ข้าขอให้เจ้าอยู่ที่นี่ บนโอลิมปัส ข้าจะจัดการให้เจ้ามีที่พำนักที่สมเกียรติ"

งานแต่งที่ไม่เต็มใจ
เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัยจากเฮรา เซอุสได้วางแผนให้อโฟรไดท์แต่งงานกับ ฮีเฟตุส เทพแห่งการช่างและไฟ แม้ฮีเฟตุสจะเป็นเทพผู้ทรงปัญญา แต่รูปลักษณ์อันไม่สมบูรณ์แบบของเขาทำให้เขาเป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของเทพอื่น

อโฟรไดท์ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของเซอุสได้ แต่นางรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง นางคือเทพธิดาแห่งความงามและราคะ—และนางไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกจับคู่กับเทพที่ไม่มีสิ่งใดสอดคล้องกับตัวนาง

ในงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและเครื่องดื่ม นางได้พบกับ อาเรส เทพแห่งสงคราม ชายผู้มีเสน่ห์เร่าร้อนและแววตาที่ฉายความปรารถนา

ทันทีที่สายตาของอโฟรไดท์สบเข้ากับอาเรส หัวใจของนางเต้นแรง ความดึงดูดระหว่างพวกเขาเหมือนแรงแม่เหล็กที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยไฟแห่งราคะและความลับ...

บทที่ 2: ราตรีแรกแห่งการลอบพบของอโฟรไดท์และอาเรส

ค่ำคืนแห่งโอลิมปัสช่างเงียบสงบ ดวงจันทร์สีเงินลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงดาวนับล้านระยิบระยับราวกับอัญมณีบนพรมกำมะหยี่สีดำ เสียงสายลมแผ่วเบาพัดผ่านต้นไม้และดอกไม้ในสวนสวรรค์ ท่ามกลางความเงียบงันนั้น คือค่ำคืนที่เทพธิดาอโฟรไดท์และเทพแห่งสงคราม อาเรส ได้ลอบมาพบกันเป็นครั้งแรก

อโฟรไดท์ยังคงอยู่ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์จากพิธีแต่งงาน ซึ่งแม้จะงดงามจับใจ แต่กลับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจของนาง นางยืนอยู่กลางสวน ดวงตาสีอำพันทอดมองไปยังท้องฟ้าราวกับกำลังค้นหาคำตอบให้กับหัวใจที่ปั่นป่วน ภายในหัวใจของนางเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความโกรธที่ถูกจับให้แต่งงานกับฮีเฟตุส และความปรารถนาที่นางรู้สึกต่ออาเรส

เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันกลับไป และพบกับร่างของชายผู้ที่หัวใจของนางเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็น

อาเรส เทพแห่งสงคราม ก้าวเข้ามาในแสงจันทร์ ร่างของเขาสูงใหญ่สง่างาม ผิวสีทองแดงเปล่งประกายยามต้องแสง ดวงตาสีดำสนิทของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์และปรารถนา ริมฝีปากหยักโค้งของเขาแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

“เจ้าดูงดงามแม้ในค่ำคืนที่ควรจะเป็นของผู้อื่น” เสียงของอาเรสทุ้มลึกและเปี่ยมเสน่ห์

อโฟรไดท์มองเขา ดวงตาฉายความรู้สึกหลากหลายที่ไม่อาจปิดบังได้ “ข้าคิดว่าท่านจะไม่มา...” นางเอ่ยเสียงเบา

“ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าผ่านค่ำคืนแรกในสถานะที่ไม่สมควรจะเป็นของเจ้าโดยลำพังได้” อาเรสตอบ พลางเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น

อโฟรไดท์หัวเราะเบาๆ แต่ในเสียงหัวเราะนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความขมขื่น “ท่านคิดว่าข้าสมควรเป็นของใคร หากไม่ใช่ของฮีเฟตุส?”

อาเรสหยุดอยู่ตรงหน้านาง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน “เจ้าเป็นของใครไม่ได้นอกจากของข้า อโฟรไดท์”

คำพูดของเขาทำให้อโฟรไดท์สะดุ้งเล็กน้อย นางรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน อาเรสก้าวเข้ามาใกล้อีก จนระยะห่างระหว่างพวกเขาแทบจะไม่มี นางสามารถสัมผัสถึงความร้อนจากร่างกายของเขา และกลิ่นอายของเขาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง

“อาเรส...” นางเอ่ยเรียกชื่อเขาเบาๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาจับมือของนาง

“เจ้ารู้สึกถึงสิ่งที่ข้ารู้สึกหรือไม่?” เขากระซิบใกล้ๆ เสียงของเขาเหมือนกับเปลวไฟที่แผดเผาภายในใจของนาง

อโฟรไดท์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยอมรับความจริงที่หัวใจของนางไม่อาจปฏิเสธได้ “ใช่...”

อาเรสยิ้มอย่างพึงพอใจ “หากเช่นนั้น ทำไมเราต้องปล่อยให้โซ่ตรวนที่ผู้ใดวางไว้ขัดขวางเรา?”

“เพราะมันคือสิ่งที่โลกคาดหวังจากข้า” นางตอบ แต่คำพูดนั้นเหมือนกับการพยายามโน้มน้าวตัวเองมากกว่าจะเป็นการปฏิเสธเขา

“เจ้าคือเทพธิดาแห่งความงามและราคะ เจ้าสร้างกฎ ไม่ใช่ถูกมันกำหนด” อาเรสกระซิบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของนางอย่างแผ่วเบา

ความอบอุ่นจากสัมผัสของเขาทำให้อโฟรไดท์หลับตาลง ริมฝีปากของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ และเมื่อพวกเขาสัมผัสกันเป็นครั้งแรก มันเหมือนกับเปลวไฟที่ลุกโชนในค่ำคืนอันมืดมิด

จูบของพวกเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความลุ่มหลง ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้ในขณะนั้น อโฟรไดท์รู้สึกว่าความกดดันและความโกรธที่สะสมอยู่ในใจของนางสลายไปหมดสิ้นในอ้อมแขนของอาเรส

...

ค่ำคืนดำเนินไปด้วยบทเพลงแห่งราคะและความลับในสวนสวรรค์ พวกเขาใช้เวลาทั้งคืนอยู่ด้วยกัน ลืมเลือนทุกกฎเกณฑ์และพันธนาการ

และนี่คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ลึกลับและซับซ้อนที่สุดของโอลิมปัส เรื่องราวที่เต็มไปด้วยไฟแห่งราคะ และความรักที่ไม่มีวันดับ...

(นำเข้าสู่บทต่อไป: "การเผชิญหน้าของอโฟรไดท์และเฮรา")

บทที่ 3: การเผชิญหน้าของอโฟรไดท์ เฮรา และอาเรส

รุ่งอรุณบนโอลิมปัสมาถึงพร้อมกับแสงทองของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วสวรรค์อันงดงาม แต่สำหรับอโฟรไดท์ ค่ำคืนแห่งความลับที่นางใช้ร่วมกับอาเรสยังคงหลงเหลือร่องรอยไว้ในหัวใจ ความเร่าร้อนจากอ้อมกอดและจุมพิตของอาเรสทำให้นางรู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ความลับในคืนที่ผ่านมากลับไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่พวกเขาคิด

ในขณะที่อโฟรไดท์กำลังชื่นชมวิวทิวทัศน์ยามเช้าจากห้องพำนักของนาง เสียงประตูที่เปิดออกโดยไม่คาดคิดทำให้นางสะดุ้ง หญิงที่ยืนอยู่ตรงประตูนั้นไม่ใช่ใครอื่น นางคือเฮรา ราชินีแห่งโอลิมปัส

เฮราก้าวเข้ามาในห้องด้วยความสง่างามที่ปกปิดความกราดเกรี้ยวในแววตาของนาง เส้นผมสีทองที่ถูกรวบไว้อย่างประณีตตัดกับอาภรณ์สีแดงเข้มที่ส่งเสริมอำนาจของนาง ทุกก้าวของเฮราเหมือนดั่งเสียงฟ้าคำรามในยามสงบ

“อโฟรไดท์” เสียงของเฮรานุ่มลึก แต่เต็มไปด้วยพลังที่ทำให้อโฟรไดท์รู้สึกกดดัน “ข้าได้ยินข่าวลือบางอย่างเมื่อคืนนี้... ข้าอยากฟังคำตอบจากปากเจ้าด้วยตัวข้าเอง”

อโฟรไดท์สูดลมหายใจลึก พยายามคุมสติและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงที่สุด “ข่าวลืออะไรหรือ เฮรา? ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงสิ่งใด”

ดวงตาของเฮราหรี่ลง ขณะที่นางเดินเข้ามาใกล้ “เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือว่าเมื่อคืนเจ้าอยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร?”

คำพูดนั้นทำให้อโฟรไดท์นิ่งงัน หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวที่ถูกจับได้ นางพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม แต่ก่อนที่นางจะตอบ เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นที่ด้านหลังของเฮรา

อาเรสปรากฏตัวตรงประตู ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยพลังที่ทำให้ห้องทั้งห้องดูเล็กลงในทันที

“เฮรา” อาเรสกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำที่แฝงความท้าทาย “ข้าขอให้เจ้าปล่อยอโฟรไดท์ไปเสีย นางไม่มีความผิด”

เฮราหันไปหาอาเรส ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เจ้ากล้าดีอย่างไร อาเรส? เจ้าคิดหรือว่าข้าจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้?”

อาเรสยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้าไม่ได้มาขอความเมตตา ข้ามาเพื่อบอกเจ้าให้รู้ว่า ข้าไม่เสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และข้าจะไม่ปล่อยให้อโฟรไดท์ต้องทนทุกข์กับการแต่งงานที่นางไม่ได้เลือก”

คำพูดของอาเรสทำให้เฮราอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่นางจะหัวเราะเบาๆ แต่เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “เจ้ากล้าท้าทายกฎเกณฑ์ของโอลิมปัสเพียงเพื่อหญิงสาวคนหนึ่งหรือ? อาเรส เจ้าควรจะรู้ว่าผลลัพธ์ของสิ่งนี้จะนำพาหายนะมาสู่ตัวเจ้าและนาง”

“หากเจ้าคิดว่าข้าจะยอมรับสิ่งที่เจ้าเรียกว่ากฎเกณฑ์โดยไม่ต่อสู้ เจ้าก็ไม่รู้จักข้าดีพอ เฮรา” อาเรสตอบกลับ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยไฟแห่งความดื้อรั้น

อโฟรไดท์มองทั้งสองคนด้วยความกังวล นางรู้สึกว่าความตึงเครียดในห้องนี้อาจระเบิดออกได้ทุกเมื่อ แต่ก่อนที่เฮราจะตอบอะไรกลับมา นางตัดสินใจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“เฮรา ได้โปรด ข้ารู้ว่าท่านเป็นราชินีที่ยิ่งใหญ่ เป็นเทพเจ้าแห่งการแต่งงานและครองเรือน และข้าเคารพท่านอย่างสุดหัวใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน... มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดจะทำลายเกียรติยศของท่านหรือใคร ข้าเพียงแค่ทำตามหัวใจของข้าเท่านั้น”

คำพูดของอโฟรไดท์ทำให้เฮรานิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาของนางมองไปยังอโฟรไดท์ด้วยความสงสัยและลังเล

อาเรสเห็นโอกาสที่จะทำให้สถานการณ์นี้สงบลง เขาก้าวเข้าไปใกล้เฮราเล็กน้อย และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น “เฮรา เราต่างรู้ดีว่าเจ้ามีภาระหนักหนาในฐานะราชินี ข้าไม่ได้มาเพื่อท้าทายเจ้า ข้าเพียงแค่ต้องการให้เจ้าเข้าใจว่า ความรักไม่ควรถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์”

คำพูดนั้นทำให้เฮราครุ่นคิด นางไม่ได้ตอบอะไรทันที แต่ในดวงตาของนางเริ่มมีประกายของความเห็นใจ

หลังจากความเงียบงันที่ยาวนาน เฮรากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ข้าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเซอุส แต่พวกเจ้าทั้งสองต้องรู้ไว้ว่าความลับนี้จะต้องไม่มีผู้ใดล่วงรู้ หากข้าพบว่ามันถูกเปิดเผย ข้าจะไม่ลังเลที่จะใช้พลังของข้าเพื่อปกป้องโอลิมปัส”

อโฟรไดท์และอาเรสมองหน้ากัน ก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้าอย่างเงียบงัน เฮราหันหลังกลับและจากไป ทิ้งพวกเขาไว้ในความเงียบที่เต็มไปด้วยความโล่งใจและความหวาดหวั่น

...

บทที่ 4: แผนลับของอาเรสและอโฟรไดท์เพื่อปลดปล่อยพันธนาการ

ภายหลังการเผชิญหน้ากับเฮรา อโฟรไดท์และอาเรสพบว่าพวกเขาไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป พันธนาการที่สร้างขึ้นโดยกฎเกณฑ์ของโอลิมปัสไม่เพียงแต่กดดันพวกเขา แต่ยังขัดขวางความสุขที่พวกเขาสมควรได้รับ

ภายในห้องลับที่อยู่ลึกเข้าไปในเขาวงกตแห่งโอลิมปัส อาเรสและอโฟรไดท์นั่งอยู่ด้วยกันใกล้ชิด ใต้แสงคบไฟที่พลิ้วไหว สายตาของอาเรสจ้องมองอโฟรไดท์อย่างลึกซึ้ง มือของเขาเอื้อมไปสัมผัสปลายนิ้วของนางเบาๆ

“อโฟรไดท์” เขากล่าวเสียงต่ำและแฝงด้วยความมุ่งมั่น “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องทนอยู่ในกรงทองอีกต่อไป เจ้าสมควรได้เลือกเส้นทางชีวิตของตนเอง”

นางเงยหน้ามองเขา ดวงตาสีอำพันของนางสะท้อนความกังวล “แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากเราลงมือทำสิ่งใด มันอาจนำภัยมาสู่พวกเราและโลกทั้งใบ?”

อาเรสหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงของเขาแฝงความเจ้าเล่ห์ “เจ้ากำลังพูดกับเทพแห่งสงคราม ข้าเกิดมาเพื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรค หากมันหมายถึงการได้เห็นเจ้าเป็นอิสระ ข้ายินดีเสี่ยงทุกอย่าง”

คำพูดของเขาทำให้หัวใจของอโฟรไดท์เต้นแรง นางไม่เคยรู้สึกมีคนปกป้องและพร้อมจะต่อสู้เพื่อความสุขของนางเช่นนี้มาก่อน

“แล้วเจ้ามีแผนอย่างไร?” นางถามเสียงเบา

อาเรสยิ้ม รอยยิ้มของเขาชวนให้หัวใจเต้นไหว “เราจะขโมยเครื่องรางแห่งอำนาจของเฮรา ‘มงกุฎแห่งการครองเรือน’ สิ่งนั้นคือสัญลักษณ์ที่ค้ำจุนกฎเกณฑ์ทั้งหมดของโอลิมปัส หากไม่มีมัน เฮราจะไม่สามารถบังคับใช้กฎเหล่านั้นกับเราได้”

อโฟรไดท์อ้าปากค้าง “นั่นเป็นการท้าทายอำนาจของเฮราโดยตรง เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอันตรายแค่ไหน?”

“ข้าย่อมรู้” อาเรสกล่าว ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าคุ้มค่ากับทุกความเสี่ยง”

เริ่มปฏิบัติการ

คืนนั้น พวกเขาลอบเข้าไปในวิหารส่วนตัวของเฮรา ซึ่งตั้งอยู่กลางสวนต้องห้ามของโอลิมปัส สวนแห่งนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ที่เปล่งประกายด้วยแสงจันทร์ และกลิ่นหอมที่ล่อหลอกให้ผู้ที่ย่างกรายเข้ามาหลงทาง

อาเรสเดินนำหน้า ดาบของเขาพร้อมในมือ ขณะที่อโฟรไดท์เดินตามหลังด้วยท่วงท่าที่ระมัดระวัง นางยกชายกระโปรงของตนขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เกะกะ แต่ถึงอย่างนั้นความงามของนางก็ยังคงสะกดทุกสิ่งรอบตัว

“ข้ารู้สึกเหมือนเราเป็นคู่รักที่หลบหนีจากเทพนิยาย” อโฟรไดท์กระซิบแผ่วเบา

“ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นคู่รักที่ท้าทายชะตากรรม” อาเรสตอบพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อพวกเขาเข้าสู่ภายในวิหาร เสียงสะท้อนจากฝีเท้าของพวกเขาทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน แต่พวกเขาก็ยังคงก้าวเดินต่อไปจนถึงแท่นบูชากลางห้อง

ที่นั่น มงกุฎแห่งการครองเรือนวางอยู่อย่างสง่างาม เปล่งประกายด้วยอำนาจที่สัมผัสได้

“เราต้องรีบ” อาเรสกล่าว ขณะที่เขาก้าวไปหยิบมงกุฎ แต่ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะไม่รู้ถึงการกระทำของพวกเจ้า?”

ทั้งสองหันกลับไป และพบกับเฮราที่ยืนอยู่ตรงประตู นางมองพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่ก็แฝงด้วยความสง่างาม

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว อาเรส อโฟรไดท์ แต่เจ้าก็ยังเลือกที่จะท้าทายข้า”

อโฟรไดท์ก้าวไปข้างหน้า น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอ้อนวอน “เฮรา ได้โปรดฟังเรา ข้าไม่ต้องการทำลายอะไร แต่ข้าอยากเป็นอิสระ ข้าอยากเลือกชีวิตของข้าเอง”

เฮรามองอโฟรไดท์อย่างพิจารณา นางเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้ากล้าพูดเรื่องอิสระ ทั้งที่เจ้ากำลังทำลายความสมดุลของโอลิมปัส?”

“ความสมดุลที่เจ้าพูดถึง คือโซ่ตรวนที่พันธนาการพวกเราไว้ ข้าเชื่อว่าความสมดุลที่แท้จริงคือการที่ทุกคนได้เลือกเส้นทางของตัวเอง” อาเรสกล่าวแทรก

การตัดสินใจของเฮรา

เฮรานิ่งไปครู่หนึ่ง นางมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้า อาเรส และอโฟรไดท์ ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีอิสระตราบใดที่มันไม่ทำลายโอลิมปัส”

อโฟรไดท์ยิ้ม ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความสุข “ขอบคุณ เฮรา...”

อาเรสก้าวเข้ามาใกล้ และจับมืออโฟรไดท์ไว้แน่น พวกเขารู้ว่าการเดินทางของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้น แต่ครั้งนี้ พวกเขาจะเดินไปด้วยกัน

...

บทที่ 5: ความลับที่ไหลเข้าหูของอีเฟตัส

ในขณะที่อาเรสและอโฟรไดท์เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน พวกเขาไม่รู้เลยว่าความสงบสุขของพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะในเงามืดของโอลิมปัส ความลับบางอย่างได้ไหลเข้าไปในหูของอีเฟตัส เทพผู้มากด้วยฝีมือในงานช่างและการวางแผน

---

วิหารแห่งไฟ

อีเฟตัสยืนอยู่กลางห้องทำงานของเขา ที่ซึ่งไฟแห่งการสร้างสรรค์ลุกโชนไม่เคยหยุด ดวงตาที่แฝงด้วยอารมณ์ลึกล้ำจับจ้องมงกุฎเหล็กกล้าชิ้นใหม่ที่เขาสร้างขึ้น มันเปล่งประกายราวกับมีชีวิต

เสียงของเทียมพี่เลี้ยงนกสีทองที่เขาเลี้ยงไว้ดังขึ้น “นายท่าน อะไรทำให้ท่านดูเคร่งขรึมเช่นนี้?”

อีเฟตัสหัวเราะเบาๆ เสียงของเขาเย็นชาและเจือไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “เจ้าไม่เข้าใจหรอกเทียม ข้าได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน”

เขาเดินไปหยุดหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ใบหน้าของเขาสะท้อนในเงาวาว เผยถึงแผลเป็นเล็กๆ ที่ริมขอบคิ้วด้านซ้าย ดวงตาสีดำลึกดูน่ากลัวแต่ก็ชวนค้นหา

“อาเรสและอโฟรไดท์...” เขาพึมพำชื่อทั้งสองราวกับมันเป็นพิษที่ลอยค้างในอากาศ

---

ความลับที่ถูกเปิดเผย

ไม่กี่วันก่อนหน้า อีเฟตัสได้รับข้อความจากเทพผู้หนึ่งที่ไม่มีใครรู้ชื่อ ข้อความที่เขียนด้วยหมึกสีทองบอกเล่าถึงแผนการของอาเรสและอโฟรไดท์ ความพยายามของพวกเขาที่จะขโมยมงกุฎแห่งการครองเรือน

“พวกเขาคิดว่าไม่มีใครล่วงรู้... แต่ข้ารู้ทุกอย่าง” อีเฟตัสกระซิบพลางยิ้มอย่างชั่วร้าย

ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอโฟรไดท์เคยเป็นเรื่องราวที่สะเทือนโอลิมปัส การแต่งงานที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ความรักที่ไม่สมหวัง และความแค้นที่ยังคงอยู่ในใจของเขา

“อโฟรไดท์... เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะหนีพ้นจากข้าได้?”

---

ความใกล้ชิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ขณะที่อาเรสและอโฟรไดท์หลบซ่อนในหุบเขาทางใต้ พวกเขาพบความสงบชั่วคราว แต่ทุกคืนที่ผ่านไปก็เต็มไปด้วยความปรารถนาและความลึกซึ้งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ในห้องพักเล็กๆ ที่ปูด้วยพรมขนสัตว์ อโฟรไดท์นั่งอยู่หน้าเตาผิง ไฟอ่อนๆ ส่องให้เห็นเส้นผมสีทองของนางที่เปล่งประกาย อาเรสนั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาของเขาจับจ้องนางอย่างไม่ละสายตา

“ข้ารู้สึกเหมือนเรากำลังหลบหนีจากโลกทั้งใบ” นางกระซิบ

“บางทีเราอาจเป็นเช่นนั้น” อาเรสกล่าวพลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมของนางเบาๆ “แต่ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้า”

มือของเขาลูบไล้ไปยังลำคอของนาง อโฟรไดท์ปิดเปลือกตาลง ความอบอุ่นจากสัมผัสของเขาทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกละลาย

“เจ้าทำให้ข้าอ่อนแอ” นางพึมพำ น้ำเสียงแฝงด้วยความอ่อนไหว

“ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าเข้มแข็ง” อาเรสตอบ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา “ข้าต้องการเห็นเจ้าเป็นของข้า”

---

เงามืดที่เคลื่อนไหว

ในเวลาเดียวกัน อีเฟตัสได้ส่งคำสั่งลับไปยังเหล่าสมุนของเขาให้ตามรอยอาเรสและอโฟรไดท์ ทั่วโอลิมปัสเต็มไปด้วยเสียงกระซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต้องห้าม

แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ อีเฟตัสไม่ได้ต้องการเพียงแก้แค้น เขาต้องการมากกว่านั้น

“หากข้าไม่อาจมีอโฟรไดท์... ไม่มีใครจะได้ครอบครองนาง”

---

การพบกันโดยไม่คาดฝัน

คืนหนึ่ง อาเรสและอโฟรไดท์กำลังนั่งเคียงข้างกันที่ลานกว้าง ดวงดาวบนท้องฟ้าเปล่งแสงระยิบระยับเหมือนกำลังอวยพร

“เจ้าคิดว่าเราจะมีชีวิตแบบนี้ได้นานแค่ไหน?” อโฟรไดท์ถาม น้ำเสียงแฝงความกังวล

“ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าจะปกป้องเจ้า” อาเรสตอบอย่างหนักแน่น

แต่ก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากเงามืด

“ข้าคิดว่าเจ้าทั้งสองคงมีเรื่องสนุกที่ยังไม่ได้บอกข้า”

เสียงนั้นเป็นของอีเฟตัส เขาก้าวออกมาพร้อมกับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความโกรธและเจ้าเล่ห์

“อีเฟตัส...” อโฟรไดท์พึมพำ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจ

อีเฟตัสยิ้ม “เจ้าไม่คิดหรือว่าถึงเวลาที่เราต้องคุยกันแล้ว?”

---

บทที่ 6: เกมแห่งเสน่หาในเงาไฟ

---

การพบกันในเงามืด

ลมหนาวพัดผ่านลานกว้างของหุบเขาที่ซ่อนเร้น แสงจันทร์ลอดผ่านเมฆหนา ส่องลงบนร่างของอีเฟตัสที่ยืนตระหง่านกลางเงาไฟ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความโกรธ แต่ก็ซ่อนแววเจ้าเล่ห์ไว้อย่างแนบเนียน

อาเรสยืนกอดอก ใบหน้าของเขาบึ้งตึง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจ้องมองอีเฟตัสราวกับเตรียมพร้อมสำหรับศึก อโฟรไดท์ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังอาเรส ความงามของนางยังคงสะกดสายตาทุกคน แม้ในยามที่ความกลัวและความกังวลท่วมท้นอยู่ในใจ

“อีเฟตัส...” อโฟรไดท์เอ่ยเสียงแผ่ว น้ำเสียงของนางแฝงด้วยความลังเล “เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?”

“ข้าควรถามคำถามนั้นกับเจ้า” อีเฟตัสตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “เจ้าและอาเรสคิดหรือว่าเจ้าจะหนีพ้นความจริงได้ตลอดกาล?”

อาเรสก้าวไปข้างหน้า มือของเขาเอื้อมไปแตะด้ามดาบที่สะพายอยู่ข้างหลัง “ถ้าเจ้ามีปัญหา ให้มันเป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าดึงอโฟรไดท์เข้ามาเกี่ยว”

อีเฟตัสหัวเราะในลำคอ “ปัญหางั้นหรือ? ข้าคิดว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นนานแล้ว ตั้งแต่วินาทีที่เจ้าขโมยภรรยาของข้า”


---

เกมแห่งความท้าทาย

“ข้าไม่ใช่สมบัติที่ใครจะครอบครองได้!” อโฟรไดท์ตวาดออกมา ความกล้าที่นางสะสมไว้มานานเริ่มแสดงออกผ่านดวงตาอันเป็นประกาย นางก้าวออกมายืนกลางลานระหว่างอาเรสและอีเฟตัส

“เจ้าไม่เคยเห็นข้าเป็นอะไรมากไปกว่าสัญลักษณ์ของชัยชนะ อีเฟตัส” นางกล่าว น้ำเสียงของนางหนักแน่น “แต่กับอาเรส เขาเห็นข้า...เป็นข้า”

คำพูดของอโฟรไดท์ทำให้อีเฟตัสนิ่งไปชั่วขณะ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความสับสน แต่ไม่นาน ความโกรธก็กลับเข้ามาแทนที่

“เช่นนั้นหรือ? หากเจ้าต้องการอิสระนัก เรามาเล่นเกมกัน” อีเฟตัสกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ากลัว “หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าและอาเรสไปตามทางของเจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้...เจ้าจะกลับมาอยู่กับข้าในฐานะภรรยาของข้าอีกครั้ง”

“นี่ไม่ใช่การเจรจา!” อาเรสตะโกน ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความโกรธ มือของเขาขยับจับดาบอย่างแน่นหนา

“หยุดเถิด อาเรส” อโฟรไดท์กล่าวพลางจับมือของเขาไว้ นางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอน “ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง”

---

เกมแห่งเสน่หาเริ่มต้น

ในห้องโถงที่สร้างขึ้นอย่างประณีตโดยอีเฟตัส มีโต๊ะยาวตั้งอยู่กลางห้อง ไฟจากโคมทองแดงส่องแสงสลัวทั่วบริเวณ โต๊ะนี้ไม่ได้ถูกใช้สำหรับการกินดื่ม แต่มันคือสนามแห่งเกมที่อีเฟตัสเตรียมไว้เพื่อทดสอบอโฟรไดท์

“เกมนี้เรียบง่าย” อีเฟตัสกล่าวพลางนั่งลงที่ปลายโต๊ะ เขายื่นกล่องทองคำขนาดเล็กให้กับอโฟรไดท์ “ข้างในนี้มีเพชร 10 เม็ด เจ้าเพียงต้องเดาว่าเพชรเม็ดไหนคือเพชรจริงและเพชรปลอม หากเจ้าเลือกถูกต้องมากกว่าข้า เจ้าจะเป็นอิสระ”

อโฟรไดท์มองกล่องในมือของตน นางรู้ว่านี่ไม่ใช่เกมที่ง่าย แต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นางพยักหน้าอย่างเงียบงัน

---

เสน่หาในทุกสัมผัส

ขณะที่เกมดำเนินไป ออร่าแห่งความตึงเครียดปกคลุมห้อง อีเฟตัสใช้ความชำนาญของเขาในการแยกแยะเพชร ขณะที่อโฟรไดท์พยายามใช้สัมผัสและสัญชาตญาณของนาง

อาเรสยืนมองอยู่ข้างๆ ร่างสูงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ดวงตาของเขาจับจ้องอโฟรไดท์ทุกการเคลื่อนไหว

ในระหว่างเกม อีเฟตัสเริ่มพูดจาท้าทาย “เจ้าแน่ใจหรือว่าอาเรสคือคนที่เจ้าต้องการจริงๆ? หรือเขาเป็นเพียงแค่คนที่ทำให้เจ้ารู้สึกตื่นเต้นชั่วคราว?”

อโฟรไดท์เงยหน้าขึ้นมองอีเฟตัส นางยิ้มอย่างมั่นคง “เจ้าอาจสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้มากมาย แต่เจ้าจะไม่มีวันเข้าใจหัวใจของข้า”

คำพูดนั้นทำให้อาเรสยิ้มเล็กๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความภูมิใจ

---

ชัยชนะและการปลดปล่อย

ในที่สุด หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง เกมก็มาถึงเม็ดเพชรสุดท้าย อโฟรไดท์เลือกได้ถูกต้องอีกครั้ง นางชนะ

อีเฟตัสนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะหัวเราะออกมา “เจ้าเอาชนะข้าได้จริงๆ อโฟรไดท์ ข้าคงไม่มีอะไรจะพูดนอกจากยอมรับความพ่ายแพ้”

นางยิ้ม น้ำตาคลอเบ้า “ขอบคุณที่ให้ข้าได้เป็นอิสระ”

อีเฟตัสยืนขึ้น เขาเดินไปหานางและอาเรส ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “จงใช้ชีวิตของเจ้าตามที่เจ้าปรารถนา ข้าจะไม่ขัดขวางอีก”

---

เมื่ออีเฟตัสจากไป อาเรสดึงอโฟรไดท์เข้ามากอดแน่น เขากระซิบที่ข้างหูของนาง “ข้าบอกแล้วว่าไม่มีอะไรจะพรากเราจากกันได้”

อโฟรไดท์ยิ้มทั้งน้ำตา นางเงยหน้ามองเขา “ตราบใดที่ข้ามีเจ้า ข้าก็พร้อมจะเผชิญทุกสิ่ง”

ทั้งสองคนจุมพิตกันใต้แสงจันทร์ การเดินทางของพวกเขาอาจยังไม่สิ้นสุด แต่พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะไม่เผชิญมันเพียงลำพังอีกต่อไป

---

บทที่ 7: การปรากฏตัวของเทพลึกลับ
---

หมอกแห่งความลับ

หลายสัปดาห์ผ่านไปตั้งแต่เหตุการณ์ที่อโฟรไดท์และอาเรสได้รับอิสรภาพ ทั้งสองเดินทางลึกเข้าไปในป่าที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา เพื่อตามหาที่พักพิงแห่งใหม่ซึ่งไกลจากเงื้อมมือของเทพองค์อื่น

แสงจันทร์ลอดผ่านหมู่ไม้สูง ราวกับสร้างเส้นทางแห่งแสงนำพวกเขา อาเรสจูงมืออโฟรไดท์แน่น ร่างสูงใหญ่ของเขาให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย แม้รอบด้านจะเต็มไปด้วยเสียงประหลาดและความมืดมิด

“ข้าไม่คิดว่าเราจะพบความสงบง่ายๆ ในโอลิมปัส” อาเรสพูดขึ้นขณะมองรอบตัว “แต่ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเจ้าจากข้าอีก”

อโฟรไดท์หยุดเดินชั่วครู่ นางมองอาเรสด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก “ข้ารู้ว่าเจ้าจะปกป้องข้าเสมอ อาเรส ข้ารู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับเจ้า”

อาเรสดึงนางเข้ามาใกล้ จูบหน้าผากนางอย่างอ่อนโยน “ข้ารักเจ้าอโฟรไดท์ และไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ข้าจะยอมให้มาแยกเราสองคน”

---

เสียงแห่งความลึกลับ

ขณะพวกเขาเดินต่อไป เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากหมอก เสียงนั้นลึกลับและเย้ายวน เสียงของใครบางคนที่ไม่ใช่มนุษย์

“ดูเหมือนว่าเจ้าทั้งสองจะมีกลิ่นอายของความรักที่หวานล้ำเสียจนข้าต้องออกมาทักทาย”

อโฟรไดท์สะดุ้งเล็กน้อย นางจับมืออาเรสแน่นขึ้น “ใครอยู่ที่นั่น?”

เงาร่างของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้นจากหมอก เขาเป็นชายหนุ่มที่งดงามราวกับแกะสลักจากหินอ่อน ผมยาวสีเงินของเขาเปล่งประกายราวกับแสงดาว และดวงตาสีม่วงลึกลับนั้นจับจ้องไปที่อโฟรไดท์ด้วยความสนใจ

“ข้าเรียกตัวเองว่าเอรีโอน” ชายหนุ่มกล่าวเสียงนุ่ม เขายิ้มอย่างลึกลับ “เทพที่เจ้าสองคนตามหาอาจไม่ใช่ข้า แต่ข้าคิดว่าโชคชะตานำพาให้เรามาพบกัน”

อาเรสขยับตัวไปยืนขวางอโฟรไดท์ “เจ้าต้องการอะไรจากเรา?”

เอรีโอนหัวเราะเบาๆ “อย่าระแวงไปเลย ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้รบ ข้ามาที่นี่เพราะข้าสนใจในความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของพวกเจ้า”

อโฟรไดท์ขมวดคิ้ว “ความสัมพันธ์ของเรามันเกี่ยวอะไรกับเจ้า?”

“ทุกอย่าง” เอรีโอนกล่าวพลางยิ้มกว้าง “เจ้าไม่รู้หรือว่าในโอลิมปัส ความรักที่แท้จริงเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง และความรักของพวกเจ้าทำให้เทพองค์อื่นอิจฉา”

---

การทดลองใหม่

เอรีโอนก้าวเข้าใกล้ ทั้งอาเรสและอโฟรไดท์ต่างจับจ้องเขาด้วยความสงสัยและระวังตัว “ข้ามาที่นี่เพื่อเสนอสิ่งหนึ่ง”

“เสนออะไร?” อาเรสถามเสียงเข้ม

“เกมอีกครั้ง” เอรีโอนกล่าว ดวงตาของเขาเปล่งประกาย “แต่เกมนี้ไม่ใช่การต่อสู้ หรือการวัดความฉลาด ข้าอยากเห็นความลึกซึ้งในความสัมพันธ์ของพวกเจ้า”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” อโฟรไดท์ถามอย่างสงสัย

“ง่ายมาก” เอรีโอนยิ้ม “ข้าจะสร้างภาพลวงตาที่ทำให้เจ้าทั้งสองต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่ลึกที่สุดของเจ้า ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะมันได้ ข้าจะมอบของขวัญที่ไม่มีใครสามารถให้ได้”

อาเรสขบกรามแน่น “แล้วถ้าเราแพ้?”

“เจ้าจะเสียสิ่งที่เจ้ารักที่สุด”

---

เผชิญหน้ากับความกลัว

ทันทีที่เอรีโอนสะบัดมือ หมอกหนาก็กลายเป็นภาพลวงตาที่โอบล้อมอาเรสและอโฟรไดท์

อโฟรไดท์พบว่าตัวเองยืนอยู่กลางวิหารร้างแห่งหนึ่ง เสียงของเทพธิดาและเทพองค์อื่นๆ กระซิบใส่หูนาง

“เจ้าไม่คู่ควรกับอาเรส”
“ความรักของเจ้าไม่มีทางยืนยาว”
“เจ้าเป็นเพียงความงามที่ไร้ค่า”

น้ำตาของอโฟรไดท์ไหลอาบแก้ม นางหันไปมองหาอาเรส แต่ไม่พบ

ขณะเดียวกัน อาเรสพบว่าตัวเองอยู่ในสนามรบที่เงียบงัน เขาเห็นภาพอโฟรไดท์ถูกพรากจากเขา ภาพนั้นทำให้เขาหวาดกลัวและทรมาน

---

คำมั่นแห่งรักแท้

เสียงหัวใจของอโฟรไดท์ดังก้องในหู “ข้าจะไม่ยอมให้ใครพรากข้าและอาเรสจากกัน” นางตะโกนสุดเสียง

ในขณะเดียวกัน อาเรสตะโกนก้อง “ข้าจะปกป้องอโฟรไดท์ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”

เสียงของทั้งสองคนประสานกัน ภาพลวงตาสลายไปในพริบตา ทั้งคู่กลับมาพบกันกลางป่า

เอรีโอนปรากฏตัวอีกครั้ง เขายิ้ม “ข้าพอใจในคำตอบของเจ้า เจ้าทั้งสองพิสูจน์แล้วว่าความรักของเจ้าคือสิ่งแท้จริง”

เขาสะบัดมือ และหมอกทั้งหมดก็สลายไป

“จงมีความสุขในรักของเจ้า ข้าขออวยพรให้มันยืนยาว”

---

บทที่ 8: การเปิดเผยความลับของเอรีโอน

เงาของอดีต

หลังจากการเผชิญหน้ากับภาพลวงตาของเอรีโอน ความสัมพันธ์ของอโฟรไดท์และอาเรสแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แต่ความสงสัยในตัวเอรีโอนยังคงคุกรุ่นในใจของทั้งสองคน

ค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่พวกเขาหยุดพักในกระท่อมไม้เล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา อาเรสยืนมองเปลวไฟในเตาผิง ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความคิดที่หนักอึ้ง

“เจ้าคิดว่าเขาต้องการอะไรกันแน่?” อาเรสถามขณะหันไปหาอโฟรไดท์ที่กำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเล็กๆ ใกล้หน้าต่าง

อโฟรไดท์วางหวีลง นางถอนหายใจเบาๆ “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ความรู้สึกของข้าบอกว่าเขาไม่ใช่แค่เทพธรรมดา”

อาเรสขยับเข้ามานั่งข้างๆ นาง มือของเขาลูบไหล่นางเบาๆ “ข้าสัญญา หากเขาคิดร้ายต่อเจ้า ข้าจะไม่ยอมให้เขามีโอกาสได้ทำเช่นนั้น”

อโฟรไดท์ยิ้ม ดวงตาของนางอ่อนโยนแต่แฝงความเข้มแข็ง “ข้าเชื่อเจ้า อาเรส แต่ข้ารู้สึกว่าเราต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับเขาให้ได้”

---

ความใกล้ชิดที่เร่าร้อน

กลางดึก อาเรสดึงอโฟรไดท์เข้ามาในอ้อมแขนของเขาขณะนอนอยู่บนเตียงไม้เล็กๆ เขาจูบที่หน้าผากนางเบาๆ ก่อนที่จะไล่ลงมาที่แก้มและซอกคอ

“เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก” อาเรสกระซิบ น้ำเสียงของเขาแฝงความหลงใหล

อโฟรไดท์หัวเราะเบาๆ พลางดันเขาเบาๆ “เจ้าไม่เคยหยุดทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าสำคัญเลย”

“เพราะเจ้าคือทุกสิ่งของข้า” เขาตอบก่อนจะจูบนางอย่างลึกซึ้ง

เปลวไฟในเตาผิงยังคงลุกโชน แต่ความร้อนในห้องไม่ได้มาจากไฟเพียงอย่างเดียว ทั้งสองมอบความรักให้กันในค่ำคืนนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาหนึ่งคู่กำลังเฝ้ามองอยู่ในเงามืด

---

การปรากฏตัวอีกครั้ง

เช้ารุ่งขึ้น เอรีโอนปรากฏตัวอีกครั้ง ร่างสูงสง่าของเขายืนอยู่ตรงทางเข้ากระท่อม สายตาของเขาจับจ้องที่อโฟรไดท์และอาเรสที่เพิ่งก้าวออกมาด้านนอก

“เจ้าต้องการอะไรจากเรากันแน่?” อาเรสถามเสียงเข้ม มือข้างหนึ่งจับด้ามดาบแน่น

เอรีโอนยกมือขึ้น “ใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำร้ายเจ้า”

อโฟรไดท์ขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้น เจ้าต้องการอะไร?”

เอรีโอนหัวเราะเบาๆ “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกความจริงแก่เจ้า”

---

ความลับที่ถูกเปิดเผย

เอรีโอนพาทั้งสองไปยังลำธารใสที่อยู่ไม่ไกลจากกระท่อม เขาหยุดยืนตรงหน้าผาน้ำตกเล็กๆ และหันกลับมามองพวกเขา

“ข้าคือใคร? นั่นอาจเป็นคำถามที่พวกเจ้าต้องการคำตอบ” เอรีโอนกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกลับ

“พูดมา” อาเรสพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

เอรีโอนยิ้มบางๆ “ข้าคือบุตรที่ถูกลืมของซุสและนิกซ์ เทพแห่งราตรี ข้าคือผลพวงของความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครต้องการให้ปรากฏ”

อโฟรไดท์ตกตะลึง “เจ้าหมายความว่าเจ้าเป็นเทพครึ่งหนึ่งที่เกิดจากความลับของโอลิมปัส?”

เอรีโอนพยักหน้า “ใช่ และนั่นเป็นเหตุผลที่ข้าถูกซ่อนจากสายตาของทุกคน”

---

เกมสุดท้าย

“เจ้าสองคนมีสิ่งที่ข้าไม่เคยได้รับ—ความรักที่แท้จริง” เอรีโอนกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“แล้วเจ้าต้องการอะไรจากเรา?” อโฟรไดท์ถาม

“ข้าต้องการเห็นว่าความรักของเจ้าทั้งสองแข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะทุกสิ่ง” เอรีโอนตอบ “ข้าจะจัดการทดลองสุดท้าย หากเจ้าสามารถผ่านมันไปได้ ข้าจะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความสงบหรือพลังใดๆ”

“แล้วถ้าเราแพ้?” อาเรสถาม

เอรีโอนยิ้มลึกลับ “เจ้าจะต้องแยกจากกันชั่วนิรันดร์”

---

ความรักที่ไร้พ่าย

ทั้งอโฟรไดท์และอาเรสยอมรับการทดลองนั้น แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่พวกเขาเชื่อมั่นในความรักของตนเอง

หลังจากผ่านการทดสอบที่ยากลำบาก ทั้งคู่พิสูจน์ให้เอรีโอนเห็นว่าความรักที่แท้จริงสามารถเอาชนะทุกสิ่ง

เอรีโอนมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ “เจ้าเป็นตัวอย่างของสิ่งที่ข้าไม่เคยมี ข้าขออวยพรให้เจ้าทั้งสองมีความสุขตลอดไป”

---

เมื่อการทดลองจบลง เอรีโอนหายตัวไปในเงามืด ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอบอุ่นและความสุขในใจของอโฟรไดท์และอาเรส ทั้งคู่รู้ว่าพวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่โลกจะขว้างเข้ามาได้ ตราบใดที่พวกเขามีซึ่งกันและกัน

บทที่ 9: ความลับแห่งพลังของอโฟรไดท์
---

ประกายแห่งอดีตกาล

เช้าของวันใหม่มาถึงพร้อมกับความเงียบสงบ อโฟรไดท์และอาเรสนั่งเคียงข้างกันริมหน้าผาที่มองเห็นหุบเขาเขียวชอุ่ม ดวงอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงอุ่น ๆ ลงมา แสงสะท้อนจากผิวของอโฟรไดท์ราวกับไข่มุกเรืองรอง

“เจ้าคิดว่าเอรีโอนหายไปจริง ๆ แล้วหรือ?” อาเรสถาม ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลเล็กน้อย

อโฟรไดท์มองออกไปยังขอบฟ้า นางไม่ตอบในทันที แต่ในใจของนางยังคงก้องไปด้วยคำพูดสุดท้ายของเอรีโอน “เจ้าเป็นตัวอย่างของสิ่งที่ข้าไม่เคยมี” นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะตอบว่า “ข้ารู้สึกว่าเขายังอยู่…แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาจะปรากฏตัวอีกเมื่อใด”

อาเรสเอื้อมมือไปจับมือนาง “ไม่ว่ามันจะเป็นเช่นไร ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”

อโฟรไดท์ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันมามองเขา “ข้ารู้ ขอบคุณนะ อาเรส”

ทันใดนั้น สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน ทำให้ใบไม้ร่วงโรยราวกับเต้นระบำในอากาศ พร้อมกับเสียงกระซิบเบา ๆ ที่เหมือนจะดังมาจากทุกทิศ

“อโฟรไดท์…เจ้าจำได้หรือไม่ว่าพลังของเจ้ามาจากที่ใด?”

---

เสียงจากอดีต

อโฟรไดท์สะดุ้งเล็กน้อย นางหันไปมองรอบ ๆ แต่ไม่พบใคร เสียงนั้นฟังดูคล้ายกับเสียงของเทพีเฮรา สหายเก่าแก่ของนาง นางหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิและทันใดนั้นภาพอดีตพลันปรากฏขึ้นในจิตใจของนาง

มันเป็นวันที่อโฟรไดท์เพิ่งถือกำเนิดขึ้นจากฟองคลื่นแห่งทะเล เสียงของเหล่าเทพธิดาและเทพหนุ่มดังขึ้นเป็นคำสรรเสริญ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนาง

เสียงกระซิบแผ่วเบาจากน้ำทะเลเรียกนางให้เดินเข้าไปใกล้ นางจึงได้พบกับไข่มุกขนาดใหญ่ที่ส่องประกายด้วยแสงสีชมพูอ่อน ไข่มุกนั้นเปล่งพลังงานที่อบอุ่นและทรงอำนาจ

“นี่คือของขวัญจากเทพีไกอา เจ้าแม่แห่งผืนโลก” เสียงลึกลับกล่าว “มันคือแก่นแท้แห่งความรักและความปรารถนา เจ้าจะใช้มันเพื่อสร้างความสุขหรือทำลายหัวใจใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับเจ้า”

ในตอนนั้น อโฟรไดท์ยังเยาว์วัยเกินกว่าจะเข้าใจถึงพลังที่แท้จริงของไข่มุกนั้น

---

ความจริงที่ถูกปิดบัง

อโฟรไดท์ลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ นางไม่เคยลืมไข่มุกนั้น แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพลังอันยิ่งใหญ่ของนางมาจากสิ่งของภายนอก

“อโฟรไดท์?” อาเรสเรียกนางด้วยความเป็นห่วง

นางหันกลับมามองเขา “ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเอรีโอนจึงสนใจในตัวข้า พลังของข้า…มันไม่ได้มาจากข้าโดยตรง”

อาเรสขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”

อโฟรไดท์เล่าถึงไข่มุกแห่งไกอาและพลังอันลึกลับที่มันมอบให้นาง “ข้าเชื่อว่าเอรีโอนรู้ความจริงนี้ และบางที…เขาอาจกำลังตามหาสิ่งเดียวกัน”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน” อาเรสกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่ว่าจะเป็นเพราะพลังนั้นหรือไม่ ข้ารักเจ้าในแบบที่เจ้าเป็น”

อโฟรไดท์ยิ้มด้วยความซาบซึ้ง แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยคำถาม

---

การเดินทางสู่จุดกำเนิด

ด้วยความปรารถนาที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับพลังของตน อโฟรไดท์และอาเรสจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปยังสถานที่ที่นางถือกำเนิดขึ้น—ชายฝั่งทะเลเอเจียน

พวกเขามาถึงชายหาดที่เงียบสงบและเปล่าเปลี่ยว อโฟรไดท์ยืนอยู่ตรงจุดที่นางเคยพบไข่มุกแห่งไกอา น้ำทะเลส่องประกายราวกับเรียกนาง

“ข้ารู้สึกได้…” อโฟรไดท์กระซิบ นางก้าวเข้าไปในน้ำอย่างช้า ๆ

ทันใดนั้น กระแสน้ำก็เริ่มหมุนวนรอบตัวนาง เสียงของไกอาดังก้องขึ้นจากเบื้องลึก “อโฟรไดท์ เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าความรักแท้จริงนั้นมาจากหัวใจ ไม่ใช่พลังของไข่มุก เจ้าไม่ต้องการมันอีกต่อไป”

---

บทสรุปแห่งพลัง

ไข่มุกแห่งไกอาปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันเปล่งแสงเจิดจ้าก่อนที่จะสลายไปในอากาศ ทิ้งไว้เพียงความสงบในจิตใจของอโฟรไดท์

“ข้าคือข้าเอง” นางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มมั่นใจ “พลังของข้ามาจากความรักที่ข้ามี ไม่ใช่สิ่งใดอื่น”

อาเรสยิ้มและดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน “ข้าภูมิใจในตัวเจ้า”

ในที่สุด ทั้งคู่กลับมายังโอลิมปัสพร้อมกับความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับพลังและความรักของพวกเขา

---

บทที่ 10: การท้าทายของเทพีเฮรา
---

สายฟ้าแห่งโอลิมปัส

เมื่ออโฟรไดท์และอาเรสกลับมาถึงโอลิมปัส ความเงียบสงบที่พวกเขาคาดหวังกลับถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศแห่งความตึงเครียด เทพทุกองค์รวมตัวกันที่หอประชุมใหญ่ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หญิงงามและเทพสงครามที่ยืนเคียงข้างกัน

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” เสียงทรงอำนาจของเทพีเฮราดังก้องในห้อง นางก้าวออกมาจากเงามืด รัศมีแห่งอำนาจล้อมรอบตัวนาง ทำให้ทุกคนรู้ว่านี่ไม่ใช่แค่การต้อนรับกลับธรรมดา

“เฮรา…” อโฟรไดท์กล่าว น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “มีเรื่องใดที่ต้องการจากพวกเรา?”

“เรื่องที่เจ้าต้องตอบแทนโอลิมปัส” เฮรากล่าว ดวงตาของนางเป็นประกายด้วยแผนการที่ซ่อนเร้น “เจ้าอาจคิดว่าการเดินทางของเจ้าเพื่อค้นหาตัวตนจบลงแล้ว แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหลบเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้ง่าย ๆ”

อาเรสขยับเข้ามาข้างอโฟรไดท์ มือของเขาแตะไหล่นางเบา ๆ เพื่อแสดงการสนับสนุน “เจ้าต้องการอะไรจากเรา เฮรา?”

เทพีเฮรายิ้มบาง ๆ “ข้าต้องการทดลองความรักของพวกเจ้าอีกครั้ง…ในแบบที่โอลิมปัสไม่เคยเห็นมาก่อน”

---

คำท้าทายอันยั่วเย้า

เฮราก้าวเข้ามาใกล้ทั้งคู่ นางพูดช้า ๆ ราวกับกำลังกลั่นคำพูดทุกคำให้แทงลึกถึงหัวใจ “ข้าจะให้เจ้าทั้งสองผ่านบททดสอบที่ข้าเตรียมไว้ หากเจ้าผ่านได้ ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในโอลิมปัสตลอดกาล แต่หากล้มเหลว…” นางหยุดเพื่อเพิ่มความหนักแน่น “เจ้าจะต้องแยกจากกันตลอดนิรันดร์”

อโฟรไดท์หันมาสบตาอาเรส นางเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของเขา “พวกเราจะยอมรับคำท้าของเจ้า”

เฮรายิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก เช่นนั้นเราจะเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน…”

---

การทดสอบแรก: ความอดทนในไฟแห่งตัณหา

อโฟรไดท์และอาเรสถูกพาไปยังห้องโถงอันเงียบสงบ แต่บรรยากาศในนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ลึกลับ กลิ่นหอมหวานอบอวลในอากาศ และรอบ ๆ ตัวพวกเขามีหมอกบาง ๆ ที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต

“ในห้องนี้ ข้าจะปลุกความปรารถนาในตัวพวกเจ้าให้ตื่นขึ้น” เฮรากล่าวพร้อมกับโบกมือเบา ๆ หมอกหนาทึบก่อตัวขึ้นรอบตัวทั้งสอง และภาพลวงตาอันเย้ายวนก็ปรากฏขึ้น

ภาพของอโฟรไดท์ในชุดผ้าโปร่งบางที่เผยผิวพรรณขาวนวลปรากฏขึ้นตรงหน้าอาเรส ขณะที่เขาเห็นเธอเดินเข้ามาหาเขาช้า ๆ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

ในเวลาเดียวกัน อโฟรไดท์เองก็ถูกล้อมรอบด้วยภาพของอาเรสในร่างกายที่แข็งแกร่งและแฝงเสน่ห์เร่าร้อน เขาเดินเข้ามาใกล้นาง กระซิบคำพูดที่กระตุ้นหัวใจของนางอย่างลึกล้ำ

“เจ้าต้องอดทน” เสียงของเฮราดังก้องในอากาศ “อย่ายอมแพ้ต่อแรงปรารถนานี้ มิฉะนั้นเจ้าจะล้มเหลว”

อาเรสหลับตาลงพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ขณะที่อโฟรไดท์กำมือแน่นและพยายามสงบใจ แต่ความเย้ายวนกลับยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

---

ความรักที่เอาชนะทุกสิ่ง

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงที่เต็มไปด้วยความทรมาน ทั้งสองกลับสามารถควบคุมตนเองได้ พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่แท้จริงของพวกเขาไม่อาจถูกครอบงำด้วยตัณหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

เฮรายืนมองด้วยความประหลาดใจ “ข้าประทับใจในความเข้มแข็งของเจ้า…แต่การทดสอบยังไม่จบ”

---

การทดสอบที่สอง: ความซื่อสัตย์ต่อหัวใจ

เฮราส่งอโฟรไดท์ไปพบกับอดีตรักในวัยเยาว์ของนาง ขณะที่อาเรสถูกล่อลวงด้วยเทพีที่งดงามที่สุดในโอลิมปัส พวกเขาทั้งสองต้องเผชิญกับสิ่งล่อลวงที่อาจทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา

อโฟรไดท์ยืนมองชายที่เคยเป็นรักแรกของนาง เขายังคงยิ้มในแบบที่ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหว แต่หัวใจของนางกลับมั่นคง “ข้ารู้ว่าเจ้าคืออดีต และข้าก็ยอมรับมัน แต่หัวใจของข้าตอนนี้เป็นของอาเรส”

ในขณะเดียวกัน อาเรสปฏิเสธความเย้ายวนของเทพีสาวสวยด้วยคำพูดหนักแน่น “ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับอโฟรไดท์ของข้า”
---

บททดสอบสุดท้าย: พิสูจน์ความเสียสละ

ในที่สุด เฮรานำทั้งสองไปสู่การตัดสินสุดท้าย นางมอบทางเลือกให้พวกเขา หากคนหนึ่งเสียสละพลังทั้งหมดที่มีเพื่อช่วยอีกฝ่าย พวกเขาจะได้รับชัยชนะ

อโฟรไดท์และอาเรสมองตากัน และโดยไม่ลังเล ทั้งสองกล่าวพร้อมกัน “ข้ายอมเสียทุกสิ่งเพื่ออีกคนหนึ่ง”

เฮราถอนหายใจยาว “เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าความรักของเจ้านั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะถูกทำลาย ข้ายอมรับในความรักของเจ้า และข้าขออวยพรให้เจ้าทั้งสองมีชีวิตที่สงบสุขในโอลิมปัส”
---

อโฟรไดท์และอาเรสก้าวออกจากหอประชุมพร้อมกับความรักที่มั่นคงยิ่งกว่าเดิม พวกเขารู้ว่าต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใดในอนาคต พวกเขาจะก้าวผ่านมันไปได้ด้วยกัน
---

บทที่ 11: การรวมตัวแห่งโอลิมปัส
---

งานเฉลิมฉลองแห่งรักและศักดิ์ศรี

ท้องฟ้าของโอลิมปัสในวันนี้กลับมาสดใสอีกครั้ง ภายใต้การประกาศของซุส เทพเจ้าแห่งสายฟ้าให้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่อโฟรไดท์และอาเรสที่สามารถพิสูจน์ความรักที่แท้จริงได้สำเร็จ งานครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่ร่วมฉลอง เหล่ามนุษย์ครึ่งเทพ วิญญาณแห่งธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการต่างหลั่งไหลขึ้นสู่โอลิมปัสเพื่อร่วมเป็นสักขีพยาน

อโฟรไดท์ในชุดราตรีสีทองโปร่งบางที่ถูกออกแบบให้โอบรับเรือนร่างอันงดงามของนาง เดินเคียงข้างอาเรสที่สวมชุดเกราะสีแดงเข้มแวววาว เขาดูสง่างามราวกับเทพแห่งสงครามที่พร้อมจะพิทักษ์รักแท้ของเขาให้ยืนยาวตลอดกาล

“เจ้าดูงดงามยิ่งกว่าแสงดาวในค่ำคืน” อาเรสกระซิบข้างหูนาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความชื่นชม

อโฟรไดท์ยิ้มอย่างขวยเขินก่อนจะหันมาตอบ “และเจ้าก็ยังคงทำให้หัวใจของข้าเต้นแรงเช่นเคย”

---

สายตาที่จับจ้องและเสียงกระซิบ

เมื่อทั้งสองเดินเข้าสู่มหาวิหารโอลิมปัส ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังพวกเขา ความเงียบชั่วขณะหนึ่งเกิดขึ้น ก่อนจะถูกทำลายด้วยเสียงปรบมือและโห่ร้องของเหล่าเทพเจ้าและผู้มาร่วมงาน

“ข้าไม่เคยเห็นโอลิมปัสมีความครึกครื้นเช่นนี้มาก่อน” อโฟรไดท์กระซิบเบา ๆ

“เพราะวันนี้คือวันของเรา” อาเรสตอบพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ เขาประคองมือของอโฟรไดท์แน่นขึ้น

แต่ในมุมหนึ่ง เสียงกระซิบยังคงดังขึ้น

“เจ้าว่าไหม ความรักของพวกเขาช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก”
“แปลกแต่ทรงพลัง ดูเหมือนความรักของพวกเขาจะไม่มีสิ่งใดทำลายได้”

อโฟรไดท์ได้ยินเสียงเหล่านั้น แต่แทนที่จะรู้สึกอึดอัด นางกลับภูมิใจ นางบีบมือของอาเรสเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร พวกเขาก็จะเดินหน้าต่อไปด้วยกัน

---

เฮราปรากฏตัวอีกครั้ง

ท่ามกลางงานเฉลิมฉลอง เสียงแห่งอำนาจดังขึ้น “ทุกคน จงเงียบ!” เทพีเฮราเดินออกมาจากกลุ่มเทพผู้ยิ่งใหญ่ในชุดคลุมสีเขียวเข้มประดับด้วยลวดลายทอง นางยืนตรงกลางมหาวิหารพร้อมกับจ้องมองอโฟรไดท์และอาเรส

“ข้าขอแสดงความยินดีต่อเจ้าทั้งสอง” เฮรากล่าว น้ำเสียงของนางสงบแต่แฝงไปด้วยอำนาจ “เจ้าทั้งสองพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความรักที่แท้จริงสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง แม้กระทั่งบททดสอบของข้า”

เสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่ผู้ร่วมงาน เฮรายกมือขึ้นเพื่อให้ทุกคนเงียบ “แต่…ข้าไม่ใช่คนที่มอบชัยชนะให้เจ้า ความรักของเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ชนะ”

---

การเต้นรำแห่งความรัก

เมื่อเฮรากล่าวจบ เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น อโฟรไดท์ถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนของอาเรส ทั้งสองเริ่มเต้นรำกลางมหาวิหาร เสียงดนตรีที่แฝงด้วยมนต์เสน่ห์ทำให้บรรยากาศรอบตัวพวกเขาดูราวกับอยู่ในความฝัน

“ข้ารู้สึกเหมือนเป็นคืนแรกที่เราได้พบกัน” อโฟรไดท์กล่าวขณะสบตากับอาเรส

“แต่ครั้งนี้แตกต่าง เพราะเรารู้แล้วว่าความรักของเรานั้นแข็งแกร่งเพียงใด” อาเรสตอบ

การเต้นรำของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงการเคลื่อนไหวของร่างกาย แต่เป็นการแสดงออกถึงความรัก ความเชื่อมั่น และคำสัญญาที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย

---

คำอวยพรของซุส

เมื่อดนตรีสิ้นสุดลง ซุสลุกขึ้นจากบัลลังก์ของเขา เขาก้าวออกมาพร้อมกับถือสายฟ้าในมือ “อโฟรไดท์ อาเรส วันนี้ข้าขอมอบของขวัญพิเศษให้กับพวกเจ้า”

เขายกสายฟ้าขึ้นฟ้า แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นก่อนจะกลายเป็นดวงดาวสองดวงที่เคลื่อนเข้ามาใกล้กัน “ดวงดาวนี้จะเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของพวกเจ้า มันจะส่องสว่างบนท้องฟ้าตลอดกาล ไม่มีสิ่งใดทำลายได้”

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสองก้มศีรษะเป็นการขอบคุณซุส ก่อนจะหันมามองกันด้วยรอยยิ้ม

---

บทส่งท้าย: ความรักที่คงอยู่ตลอดไป

เมื่อค่ำคืนสิ้นสุดลงและเหล่าผู้ร่วมงานเริ่มทยอยกลับ อโฟรไดท์และอาเรสเดินออกไปยังระเบียงของมหาวิหาร ที่นั่นพวกเขามองเห็นดวงดาวคู่ที่ซุสมอบให้พวกเขาส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า

“ข้ารู้สึกว่าชีวิตของเรากำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” อโฟรไดท์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ข้าสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ” อาเรสตอบ

พวกเขาจูบกันเบา ๆ ภายใต้แสงดาว ความรักของพวกเขาไม่เพียงเป็นนิทานที่เล่าขานบนโอลิมปัส แต่ยังเป็นบทเรียนที่แสดงให้เห็นว่าความรักแท้จริงนั้นสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้

(จบภาค - ความรักของอโฟรไดท์และอาเรส)

ตำนานรักต้องห้าม: อโฟรไดต์ และ อาเรส

ความรักต้องห้ามของเทพีแห่งความงามและเทพแห่งสงคราม

คู่ครองต้องห้ามของอโฟรไดต์
ตำนานรักต้องห้าม: อโฟรไดต์และแอรีส
อโฟรไดต์และแอรีส
ตำนานรักต้องห้าม: อโฟรไดต์และแอรีส

หากกล่าวถึงเทพีอโฟรไดต์ หลายคนคงนึกถึงความงามและความรักอันบริสุทธิ์ แต่ในตำนานเทพเจ้ากรีก เรื่องราวความรักของนางกลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความขัดแย้ง โดยเฉพาะความรักต้องห้ามกับ อาเรส เทพแห่งสงคราม

อโฟรไดต์: เทพีแห่งความรักและความงาม ผู้มีเสน่ห์ดึงดูดใจจนเทพเจ้าองค์อื่นๆ ต่างหลงใหล แต่ด้วยพระประสงค์ของซุส พระนางจึงต้องสมรสกับฮิฟีสตัส เทพแห่งไฟและช่างตีเหล็กที่มีรูปลักษณ์ผิดเพี้ยนไปจากเทพเจ้าองค์อื่น

อาเรส: เทพแห่งสงคราม ผู้แข็งแกร่งและดุร้าย แต่ก็มีความหลงใหลในความงามของอโฟรไดต์อย่างลึกซึ้ง ทั้งสองต่างตกหลุมรักกันอย่างหมดหัวใจ แต่ความรักของพวกเขากลับเป็นสิ่งที่สังคมเทพเจ้าไม่ยอมรับ

ความรักที่ต้องปิดบัง: ความรักระหว่างอโฟรไดต์และอาเรสเป็นความรักที่ต้องปิดบัง เพราะทั้งคู่ต่างมีพันธะผูกพันกับผู้อื่น การที่เทพีแห่งความรักมีความสัมพันธ์กับเทพแห่งสงครามเป็นเรื่องที่ขัดแย้งและสร้างความแตกแยกในโอลิมปัส

ผลกระทบของความรัก: ความรักของอโฟรไดต์และอาเรสส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่ายและผู้คนรอบข้าง อาเรสกลายเป็นคนโหดร้ายและก้าวร้าวมากขึ้น ส่วนอโฟรไดต์ก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ใจจากการที่ต้องรักในสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ

บทเรียนจากตำนาน: เรื่องราวของอโฟรไดต์และอาเรสสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของความรัก ความปรารถนา และผลกระทบที่ความรักเหล่านี้มีต่อชีวิตของเรา ความรักที่ผิดศีลธรรมอาจนำมาซึ่งความทุกข์และความเสียหาย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์

ประเด็นที่น่าสนใจ:

  • ความรักที่ขัดแย้งกับสังคม: ความรักของอโฟรไดต์และอาเรสเป็นตัวอย่างของความรักที่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคทางสังคม
  • ผลกระทบของอารมณ์ต่อการกระทำ: ความรักที่รุนแรงของอาเรสส่งผลต่อพฤติกรรมของเขา
  • ความงามและความรุนแรง: การรวมตัวกันของเทพีแห่งความงามและเทพแห่งสงครามเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจ

สรุป: ตำนานรักของอโฟรไดต์และอาเรสเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัดแย้ง เป็นบทเรียนที่สอนให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของความรัก และผลกระทบที่ความรักมีต่อชีวิตของเรา

หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอเรื่องราวตำนานเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะวิเคราะห์เชิงลึกทางจิตวิทยาหรือปรัชญา

หากต้องการศึกษาเพิ่มเติม: สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทพปกรณัมกรีกได้จากหนังสือ ตำรา หรือเว็บไซต์ต่างๆ

คำสำคัญ: อโฟรไดต์, อาเรส, เทพปกรณัมกรีก, ความรัก, ความงาม, สงคราม, ความขัดแย้ง

#ตำนานเทพเจ้ากรีก #อโฟรไดต์ #อาเรส #ความรัก #สงคราม


[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ เมื่อความรักต้องห้ามระ...