* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Wednesday, January 22, 2025

ลำนำรัก..แดนทรายไอยคุปต์ [01] มนตรานูเบีย

ลำนำรัก..แดนทรายไอยคุปต์

🍹
ลำนำรัก..แดนทรายไอยคุปต์

โดย
หมื่นล้านคำรัก และ AI

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

มนตรานูเบีย

บทที่ 1
เงาแห่งดวงจันทร์

ในค่ำคืนที่ดวงจันทร์สีเงินลอยสูงเหนือท้องฟ้าแห่งเมมฟิส สายลมอันอบอุ่นของทะเลทรายกระซิบไหวเหมือนเสียงพร่ำบอกเรื่องราวแห่งความลับ เสียงกลองพิธีดังสะท้อนผ่านพระราชวังของฟาโรห์อัคเนเตน ร่างของนักเต้นและทาสหนุ่มหลากเผ่าพันธุ์ค้อมกายด้วยความนอบน้อมต่อพระบารมีของราชวงศ์อันสูงส่ง เสียงซึงของพิณอียิปต์และเสียงกังวานของไซทรัมร้อยรัดท่วงทำนองแห่งความลึกลับในค่ำคืนพิธีเฉลิมฉลองที่เปี่ยมด้วยเวทมนตร์

แต่ทุกสายตาก็ต้องหยุดนิ่งทันที เมื่อเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในโถงพิธีนั้น

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมเสื้อคลุมบางเบาสีดำสนิทประดับด้วยสร้อยทองคำเปล่งประกาย ขับเน้นผิวสีทองแดงเข้มของเขาให้ยิ่งดูดุดัน ดวงตาคมลึกเหมือนผืนทรายที่เก็บซ่อนมรดกแห่งสงครามและความทรงจำอันลึกลับ เส้นผมของเขาดำขลับราวกับหยาดน้ำมัน ถูกมัดรวบอย่างประณีตเพื่อเผยลำคอแข็งแรง รูลล์ ก้าวเข้าสู่โถงพระราชพิธีราวกับนักล่าที่รู้ซึ้งถึงอำนาจของตน

ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความสง่างามแต่แฝงไว้ด้วยความท้าทาย เขาไม่ได้ค้อมกายต่ำเหมือนทาสทั่วไป แต่กลับยืนหยัดด้วยท่าทีที่เกินกว่าใครจะกล้าห้ามปราม กลิ่นหอมของกำยานที่ลอยอบอวลในอากาศช่างดูจางหายไป เมื่อสายตาของเขา สบกับฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่โดยปราศจากความเกรงกลัว

“รูลล์... ทหารจากดินแดนที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย” เสียงของโฆษกผู้ประกาศนำเขาเข้าสู่สายตาของเหล่าข้าราชบริพารดังขึ้น เสียงนั้นดังก้อง แต่มันไม่มีน้ำหนักเทียบเท่ากับพลังของชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามา

เขาคือผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยสาบานว่าจะไม่ยอมโค้งคำนับให้กับใคร แต่ค่ำคืนนี้ กลับต้องสวมบทบาทเป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงเนฟราแห่งอียิปต์ รูลล์คือชายที่ถูกขายจากเผ่าของเขาให้กลายเป็นทาสในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย แต่น่าแปลกที่เขากลับไม่แสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย

“เงยหน้าขึ้น รูลล์” เสียงของฟาโรห์อัคเนเตนทรงบัญชา แต่แทนที่จะปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความกลัวเหมือนทาสทั่วไป เขากลับเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีดำสนิทเปล่งประกายดุดัน เผชิญหน้ากับอำนาจที่ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทาย ความทระนงนั้นทำให้ผู้ที่มองเห็นต่างต้องชะงัก

เหล่าสตรีในโถงต่างกลั้นลมหายใจ แม้แต่ราชธิดาเนฟราผู้สูงศักดิ์ก็ยังคงมองจากเงามืดด้วยดวงตาที่ไม่อาจหลีกเร้นจากเสน่ห์อันดิบเถื่อนของชายหนุ่มผู้นี้

“เจ้าไม่กลัวข้าหรือ ทาส?” ฟาโรห์ตรัสพร้อมรอยยิ้มบางที่เหมือนจะซ่อนอะไรไว้

“ข้าไม่รู้จักความกลัว กระหม่อมรู้จักเพียงแต่อำนาจและหน้าที่” รูลล์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่หนักแน่น ราวกับอากาศรอบกายเย็นลงในทันที ความเงียบงันปกคลุมทุกมุมของโถงพิธี ราวกับคำพูดของเขาได้แทรกซึมเข้าไปในจิตใจของทุกผู้คน

ในวินาทีนั้น ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า รูลล์ ไม่ใช่เพียงทาสที่ไร้ค่า เขาคือผู้ชายที่มีพลังดึงดูดและอำนาจบางอย่างที่ทำให้ผู้คนรอบข้างไม่อาจละสายตาได้

โถงพิธีแห่งราชสำนักกลายเป็นเหมือนสมรภูมิเล็กๆ เมื่อสายตาของฟาโรห์และทาสหนุ่มผู้นี้ปะทะกัน

...นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบทเพลงแห่งความรักต้องห้ามที่กำลังจะคลี่คลาย ความรักที่ลึกลับ ดิบเถื่อน และเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาในค่ำคืนที่ดวงจันทร์เฝ้ามองอย่างสงบนิ่ง

บทที่ 2
สวนแห่งจันทร์

ดวงจันทร์ลอยสูงในฟากฟ้า ทอแสงนวลลงมาอาบไล้สวนหลวงแห่งเมมฟิส ต้นปาล์มและดอกไม้สีสันหลากหลายเรียงรายอยู่สองข้างทางเดินหิน เสียงน้ำพุในสระกลางสวนดังแผ่วเบา ราวกับเป็นท่วงทำนองบรรเลงเพื่อขับกล่อมค่ำคืนให้ลุ่มหลงในมนตร์สะกด เจ้าหญิงเนฟรา ผู้เป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าของราชวงศ์ราเมเซส ก้าวเดินไปตามเส้นทางนั้นด้วยท่วงท่าที่เปี่ยมด้วยความสง่างาม

เธอสวมชุดผ้าลินินบางเบาสีขาวสะอาด ประดับด้วยสร้อยทองคำและอัญมณีที่ส่องประกายราวกับดวงดาวเรืองรองบนผิวสีน้ำผึ้งละเอียด ผมสีดำสนิทของเธอถูกรวบขึ้นอย่างประณีต เผยให้เห็นลำคอระหงและลาดไหล่ที่งดงาม เธอเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ แต่สายตาที่ทอดมองดวงจันทร์กลับแฝงไว้ด้วยความเหงาและไฟปรารถนาที่ใครยากจะเข้าถึง

เนฟราไม่ใช่เพียงเจ้าหญิงผู้อ่อนหวาน เธอคือหญิงสาวที่ทั้งกล้าหาญ หยิ่งในศักดิ์ศรี และมีเสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทานได้ ใต้ความงดงามดุจเทพธิดานั้น มีความปรารถนาเร่าร้อนที่ถูกซ่อนเร้นไว้ เธอรักอิสระ และในคืนที่โลกทั้งใบเงียบสงัด เธอเพียงต้องการหลีกหนีจากความเป็นเจ้าหญิงเพื่อตามหาตัวตน

เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาตามหลังมา ไม่อาจเล็ดลอดไปจากประสาทสัมผัสของเธอได้

“เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะซ่อนตัวจากข้าได้?” เนฟรากล่าวขึ้นโดยไม่หันกลับไป น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน แต่ทว่าก็เจือด้วยความขี้เล่น

จากเงามืดที่ถูกแสงจันทร์แทรกไล่ รูลล์ ก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของสวน ร่างสูงใหญ่ของเขาเปล่งประกายลางๆ ภายใต้แสงจันทร์ ผ้าคลุมบางเบาสีเข้มพริ้วไหวไปตามลม เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่งใต้ผิวสีทองแดง

“กระหม่อมเพียงปฏิบัติหน้าที่ของทาส พะย่ะค่ะ” เขาตอบเสียงเรียบ แต่ดวงตาสีดำสนิทของเขาไม่อาจปกปิดความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่

เนฟราหันกลับมาช้าๆ ดวงตาสีอำพันของเธอจ้องมองเขาราวกับจะมองทะลุทุกความลับที่เขาพยายามปิดบัง เธอยิ้มบาง ยิ้มที่ทั้งดึงดูดและน่าเกรงขาม

“เจ้า... รูลล์ ทาสผู้ทระนง” เธอกล่าวชื่อของเขาราวกับจะทดสอบพลังของมัน “ข้าจำได้ว่าเจ้าคือชายผู้ไม่ค้อมศีรษะต่อฟาโรห์ในวันนี้”

“กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาลบหลู่พระองค์ท่าน กระหม่อมเพียง...”

“เพียงซื่อสัตย์ต่อความทระนงของตนเองใช่หรือไม่?” เธอขัดขึ้น น้ำเสียงของเธอไม่ใช่การตำหนิ แต่กลับแฝงความสนใจที่ทำให้เขาชะงัก

รูลล์สบตากับเธอ ความเงียบงันในอากาศช่างยาวนานแต่กลับเต็มไปด้วยแรงดึงดูดบางอย่าง เนฟราเดินเข้าใกล้เขา ร่างของเธอเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำ เธอหยุดยืนตรงหน้าเขาเพียงแค่ปลายมือเอื้อมถึง

“ข้าชอบคนที่มีความกล้า... โดยเฉพาะคนที่กล้ามองข้าโดยไม่หวาดกลัว” เธอกล่าวเบาๆ แต่อำนาจในน้ำเสียงของเธอทำให้เขาไม่อาจหันสายตาหนี

“กระหม่อมไม่ได้มองเพราะไม่หวาดกลัว...” รูลล์ตอบ แต่เสียงของเขาเบาลงเมื่อเธอก้าวเข้ามาใกล้อีก

“แล้วเจ้ามองเพราะอะไร?” เธอถามพลางเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามจนแทบหยุดลมหายใจ

“เพราะกระหม่อมไม่อาจห้ามตัวเองได้” คำตอบของเขาแผ่วเบา แต่หนักแน่นพอที่จะทำให้หัวใจของเนฟราสะดุด

รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากของเธอ เธอหมุนตัวกลับ เดินทอดน่องไปตามเส้นทางในสวน ปล่อยให้เขายืนอยู่ท่ามกลางแรงปรารถนาที่เขาไม่อาจต้านทาน

“ตามมาเถิด รูลล์” เธอเอ่ยโดยไม่หันกลับมา “ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล... และข้าอยากรู้ว่าเจ้ามีความกล้าเพียงใด”

(ติดตามต่อในบทถัดไป: เกมแห่งอำนาจและหัวใจในสวนหลวง)

บทที่ 3
เกมแห่งอำนาจและหัวใจในสวนหลวง

เสียงฝีเท้าของเจ้าหญิงเนฟราดังเบาๆ บนทางเดินหินในสวนหลวง เธอไม่ได้เร่งรีบ และนั่นทำให้ทุกก้าวที่เธอก้าวยิ่งดึงดูดสายตาของรูลล์ที่เดินตามหลังอยู่ในระยะพอเหมาะ เงาของเธอทอดยาวอยู่ใต้แสงจันทร์ที่ทอแสงนวล เธอคือสัญลักษณ์แห่งความสง่างามและความลึกลับที่ซ่อนเร้น

รูลล์รู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ ความเงียบของค่ำคืนนี้ไม่ได้ช่วยให้เขาสงบลงแม้แต่น้อย มันกลับทำให้ทุกย่างก้าวของเขาเหมือนจมลึกลงไปในหล่มแห่งความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

“เจ้าคิดว่าข้ากำลังพาเจ้าไปที่ใดหรือ?” เสียงของเนฟราทำลายความเงียบ น้ำเสียงของเธอไม่เร่งเร้าแต่เต็มไปด้วยอำนาจ

“กระหม่อมไม่อาจคาดเดาพระประสงค์ของพระองค์ได้” รูลล์ตอบ น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง แต่ลึกลงไปในใจเขาเต็มไปด้วยคำถามและความปรารถนาที่พยายามระงับไว้

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าในสวนแห่งนี้ มีดอกไม้อยู่ดอกหนึ่งที่สามารถฆ่าคนได้?” เนฟราถามพลางหยุดเดิน เธอเอื้อมมือไปสัมผัสดอกไม้สีแดงสดดอกหนึ่งที่เบ่งบานอยู่ริมทาง

“ดอกไม้ที่งดงามที่สุด มักมีพิษร้ายแรงที่สุด” รูลล์กล่าว พลางจ้องมองเธอ ดวงตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เนฟรายิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ “เจ้ากำลังเปรียบข้ากับดอกไม้นั้นหรือไม่ รูลล์?”

เขาชะงักไปชั่วครู่ แต่สายตาของเขายังคงไม่หลบเลี่ยงจากเธอ “หากกระหม่อมจะกล่าวเช่นนั้น กระหม่อมก็ยินดีที่จะเสี่ยง”

เธอหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเธอเหมือนสายลมที่พัดผ่านผิวกาย ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น “เจ้ากล้ากว่าที่ข้าคิด” เธอกล่าว พลางหมุนตัวมาหาเขา ดวงตาสีอำพันของเธอจ้องตรงมาที่เขาเหมือนต้องการอ่านความคิดทั้งหมดในหัวใจของเขา

“กระหม่อมเพียงปฏิบัติหน้าที่” เขาตอบ แต่เสียงของเขากลับเบาลง

“หน้าที่หรือ? แล้วหัวใจของเจ้าล่ะ?” เธอถามพร้อมก้าวเข้ามาใกล้เขา ความใกล้ชิดนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหายไป

“กระหม่อมเป็นเพียงทาส... ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีหัวใจ” คำตอบของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น

เนฟรายกมือขึ้นแตะที่อกของเขา ลมหายใจของเขาสะดุดในทันทีที่ปลายนิ้วของเธอสัมผัสผิวกายของเขาผ่านเนื้อผ้าบางเบา “หัวใจของเจ้าเต้นแรงกว่าที่เจ้าคิด รูลล์ และข้าคิดว่า... มันไม่ได้เป็นของเจ้าอีกต่อไป”

คำพูดของเธอเหมือนคำประกาศอำนาจที่ทำให้เขาไม่อาจตอบโต้ เขาเพียงจ้องมองเธอ ดวงตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน เธอคือเจ้าหญิง คือผู้ที่เขาไม่อาจแตะต้อง แต่ทุกวินาทีที่อยู่ใกล้เธอ เขากลับต้องการเพียงแค่ก้าวเข้าไปหา

“ข้าไม่ใช่คนที่เจ้าควรจะรัก” รูลล์เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด

เนฟรายิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มที่ทั้งอ่อนโยนและท้าทาย “ข้าไม่ต้องการใครมาบอกว่าข้าควรหรือไม่ควรรักใคร ข้าคือเจ้าหญิง ข้าคือผู้กำหนดทุกสิ่งในชีวิตของข้าเอง”

เธอขยับเข้ามาใกล้จนลมหายใจของทั้งสองแทบจะผสมผสานกัน เธอเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ทำให้เขาแทบไม่อาจขยับตัวได้

“ค่ำคืนนี้เป็นของข้า และข้าต้องการเพียงแค่... เจ้า” เธอกระซิบ

ในวินาทีนั้น รูลล์รู้สึกเหมือนทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง มีเพียงเขาและเธอเท่านั้นที่อยู่ในโลกใบนี้ เขารู้ดีว่าการก้าวไปข้างหน้าจะเป็นการทำลายทุกกฎเกณฑ์ที่เขายึดถือ แต่เขากลับไม่อาจหันหลังกลับได้อีก

เนฟราไม่ได้รอคำตอบ เธอก้าวเข้าไปใกล้จนริมฝีปากของเธอสัมผัสกับริมฝีปากของเขา...

(ติดตามต่อในบทถัดไป: ความปรารถนาในเงาจันทร์)

บทที่ 4
ความปรารถนาในเงาจันทร์

เงาจันทร์ทอดยาวผ่านสวนหลวง เสียงสายลมพัดผ่านยอดไม้เบาๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งเหมือนตกอยู่ในมนตร์สะกด รูลล์ยืนนิ่ง ริมฝีปากยังคงอุ่นร้อนจากสัมผัสแรกของเนฟรา เขาควรจะถอยหนี กลับไปยึดมั่นในหน้าที่ของเขาในฐานะทาสผู้รับใช้ แต่ทุกเสี้ยววินาทีที่เขามองเธอ ความตั้งใจนั้นกลับเลือนหายไป

เนฟราเพียงมองเขา ดวงตาสีอำพันเปล่งประกายราวกับสามารถสะกดจิตชายหนุ่มให้ละทิ้งเหตุผล เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับบ่งบอกถึงความมั่นใจที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย

“เจ้าหวาดกลัวอะไรหรือ รูลล์?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่กลับสะกิดใจเขาให้สั่นไหว

“กระหม่อมไม่ได้กลัว...” เขาตอบ น้ำเสียงนั้นมั่นคง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้ง

เนฟรายิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากกว่าคำพูด “งั้นจงพิสูจน์ให้ข้าเห็น ว่าเจ้าไม่ได้กลัว”

เธอเอื้อมมือไปแตะที่มือของเขา สัมผัสนั้นเบาบางแต่กลับทรงพลัง รูลล์มองมือตนเองที่สั่นเล็กน้อยเมื่อมือของเธอสัมผัสเข้ามา เธอดึงเขาให้เดินตามไปยังมุมลับตาของสวนหลวง สระน้ำใสสะอาดที่สะท้อนภาพของดวงจันทร์เป็นฉากหลัง

“ที่นี่ไม่มีใคร ไม่มีฟาโรห์ ไม่มีข้าราชบริพาร... มีเพียงข้าและเจ้า” เธอกล่าวเบาๆ ขณะปล่อยมือจากเขา แต่สายตายังคงจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขา

“กระหม่อมเป็นเพียงทาส... หากผู้ใดล่วงรู้...” รูลล์เอ่ยขึ้น แต่เธอกลับยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของเขาให้หยุดพูด

“ในคืนนี้ เจ้าไม่ได้เป็นทาส... เจ้าเป็นเพียงชายคนหนึ่ง และข้าเป็นเพียงหญิงคนหนึ่งที่เลือกจะอยู่กับเจ้าที่นี่”

คำพูดนั้นทำให้ความรู้สึกในใจของเขาถูกปลดปล่อย รูลล์ขยับเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง ดวงตาสีดำสนิทของเขาสะท้อนแสงจันทร์พร้อมด้วยเปลวไฟแห่งความปรารถนา เขายกมือขึ้นจับที่แก้มของเธอ นิ้วมือหยาบกร้านแต่สัมผัสนั้นกลับอ่อนโยน

“พระองค์รู้หรือไม่ ว่ากำลังเล่นกับไฟ” เขากระซิบ

เนฟรายิ้มกว้างขึ้น รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย “แล้วเจ้ากล้าหรือไม่ ที่จะปล่อยให้มันลุกไหม้?”

ในวินาทีนั้น รูลล์ไม่อาจต่อต้านความปรารถนาที่เอ่อล้นได้อีกต่อไป เขาก้มลงจุมพิตเธอ ริมฝีปากที่ประกบกันนั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความอ่อนหวาน และความดุดันที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เนฟราตอบรับจุมพิตนั้นด้วยความกระหายที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนเองมี

อ้อมแขนของเขาโอบรัดเธอแน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดลอยไป ดวงจันทร์และดวงดาวบนฟากฟ้าดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เฝ้ามองคู่รักต้องห้ามที่กำลังปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บกดไว้

“เจ้าคือไฟ... และข้าไม่กลัวที่จะถูกเผา” เนฟรากระซิบขณะที่เขาเลื่อนริมฝีปากลงไปสัมผัสที่ลาดไหล่ของเธอ

ค่ำคืนแห่งความปรารถนาดำเนินไปในความลับของสวนหลวง ทั้งสองปลดปล่อยหัวใจให้ล่องลอยไปกับแรงปรารถนาที่มิอาจหักห้ามได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็คือการเริ่มต้นของเกมแห่งความรักต้องห้าม ที่เต็มไปด้วยอันตราย

(ติดตามต่อในบทถัดไป: เปลวไฟแห่งความรักที่มิอาจดับ)

บทที่ 5
เปลวไฟแห่งความรักที่มิอาจดับ

รุ่งอรุณที่เมมฟิสกำลังจะมาเยือน แต่ในสวนหลวงที่ซ่อนตัวจากสายตาผู้อื่น ยังมีเพียงเงาจันทร์และแสงดาวที่เป็นพยานให้กับคืนแห่งความลับ รูลล์ยืนอยู่ใต้ต้นปาล์ม ร่างสูงใหญ่ของเขาดูสง่างามแม้ในยามเงียบงัน ส่วนเนฟรา เจ้าหญิงผู้เปี่ยมด้วยอำนาจและความงดงาม ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ราวกับเทพธิดาที่เพิ่งก้าวลงมาจากสรวงสวรรค์

ทั้งสองต่างเงียบงัน ทว่าความรู้สึกระหว่างกันกลับรุนแรงเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ รูลล์สบตากับเนฟรา ดวงตาสีดำสนิทของเขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา

“พระองค์ทราบหรือไม่ว่า สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น” รูลล์กล่าว น้ำเสียงของเขาแม้จะนิ่งสงบ แต่กลับสะท้อนถึงความหวาดหวั่นที่ซ่อนอยู่

เนฟราเพียงยิ้ม รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและการท้าทาย “ความรักไม่เคยมีคำว่า ‘ควร’ หรือ ‘ไม่ควร’ รูลล์ ข้าเลือกเจ้า... และข้าจะไม่เสียใจกับการเลือกนี้”

เธอก้าวเข้าไปใกล้เขา ร่างเล็กบางของเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างทระนง เธอเอื้อมมือไปจับมือของเขา นิ้วเรียวบางของเธอประสานกับนิ้วมือหยาบกร้านของเขา สัมผัสนั้นราวกับจุดประกายเปลวไฟในใจของเขา

“กระหม่อมไม่อาจมอบสิ่งใดให้พระองค์ได้ นอกจากชีวิตที่ไร้ค่า...” รูลล์กล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น

“ชีวิตของเจ้ามีค่ามากกว่าที่เจ้าคิด รูลล์” เนฟรากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้าไม่ต้องการทองคำ อัญมณี หรืออำนาจใดๆ สิ่งที่ข้าต้องการ... คือเจ้า”

คำพูดของเธอทำให้หัวใจของเขาสั่นสะเทือน เขารู้ดีว่าการรักเธอหมายถึงการท้าทายต่อทุกสิ่งที่เขาเคยยึดมั่นในชีวิต แต่ในวินาทีนั้น เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจถอยกลับได้อีก

“หากพระองค์ต้องการข้า... ข้าจะเป็นของพระองค์” เขากล่าว ดวงตาของเขามองเธอด้วยความมุ่งมั่น

เนฟรายิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะและความสุข เธอเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา นิ้วของเธอลูบไล้เบาๆ ราวกับต้องการจดจำทุกส่วนของเขา

“ค่ำคืนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น รูลล์” เธอกล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น “ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความรักของเรากลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้”

ในขณะที่เธอกล่าวเช่นนั้น เสียงระฆังยามรุ่งอรุณดังขึ้นจากพระราชวัง การแจ้งเตือนว่าหน้าของวันใหม่ได้เริ่มขึ้น รูลล์รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล และแม้ว่าอนาคตจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เขาก็พร้อมที่จะเดินไปเคียงข้างเธอ

เขาค้อมศีรษะลงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “กระหม่อมสาบานด้วยชีวิต กระหม่อมจะอยู่เคียงข้างพระองค์เสมอ ไม่ว่าต้องเผชิญกับสิ่งใด”

เนฟรายิ้มตอบ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความหวังและแรงบันดาลใจ เธอเอื้อมมือไปจับมือของเขาอีกครั้ง และทั้งสองก็ก้าวออกจากเงาสวนหลวง ไปสู่โลกแห่งความจริงที่เต็มไปด้วยอันตรายและความท้าทาย แต่ในหัวใจของพวกเขา พวกเขารู้ดีว่าเปลวไฟแห่งความรักนี้ไม่มีวันดับ

(ติดตามต่อในบทถัดไป: แผนการแห่งรักและการปลดปล่อย)

บทที่ 6
แผนการแห่งรักและการปลดปล่อย

เช้าวันใหม่ที่พระราชวังเมมฟิสเต็มไปด้วยเสียงของเหล่าข้าราชบริพารที่เร่งรีบปฏิบัติหน้าที่ ทุกซอกมุมของวังดูเหมือนจะซ่อนเร้นความเคลื่อนไหวบางอย่าง ด้านในห้องส่วนตัวของเจ้าหญิงเนฟรา แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านม่านบางเบา เผยให้เห็นร่างงามของเธอในชุดคลุมผ้าลินินเนื้อบางประดับด้วยทองคำ

รูลล์ยืนอยู่ใกล้ประตู ดวงตาสีดำสนิทของเขาจ้องมองเนฟราอย่างเคร่งขรึม เขายังสวมเครื่องแต่งกายของทาสทหาร แต่น้ำหนักของสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกโซ่ตรวนหนักอึ้งกดทับ

“เจ้าพร้อมหรือไม่ รูลล์?” เนฟราถามขณะเดินเข้ามาใกล้ เธอเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของเขา การสัมผัสนั้นเบา แต่กลับแฝงด้วยความมั่นใจและความอ่อนโยน

“กระหม่อมไม่แน่ใจว่าคำว่า ‘พร้อม’ ใช้ได้ในสถานการณ์นี้หรือไม่” เขาตอบ ดวงตาของเขาสบกับเธอ “แต่หากพระองค์มีความเชื่อมั่น กระหม่อมก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้สิ่งนี้สำเร็จ”

เนฟรายิ้ม รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะเล็กซึ่งมีแผนผังของพระราชวังและพื้นที่รอบๆ วางอยู่ เธอชี้ไปยังจุดหนึ่งในแผนที่ ซึ่งเป็นทางลับที่พวกเขาสามารถใช้หลบหนีได้

“หากเราจะหลีกหนีจากสายตาของฟาโรห์และข้าราชบริพาร เราต้องใช้เส้นทางนี้” เธอกล่าว ดวงตาสีอำพันของเธอเปล่งประกาย “ข้าไม่ต้องการใช้ชีวิตในกรงทองอีกต่อไป รูลล์ ข้าต้องการอิสรภาพ... และข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดีกว่านี้”

รูลล์พยักหน้า แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถามและความกังวล “พระองค์จะทิ้งทุกอย่าง... เพื่อกระหม่อมอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ใช่เพียงเพื่อเจ้า” เธอกล่าว น้ำเสียงของเธอหนักแน่น “แต่เพื่อชีวิตที่ข้าเลือกเอง เพื่อความรักที่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้”

ทั้งสองวางแผนกันอย่างรอบคอบ เนฟราใช้ความเฉลียวฉลาดของเธอในการวางเส้นทางหนี โดยใช้เส้นทางลับที่เชื่อมต่อระหว่างพระราชวังและพื้นที่นอกกำแพงเมือง ในขณะเดียวกัน รูลล์ก็เตรียมอาวุธและสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินทาง


คืนแห่งการหลบหนี

ในคืนที่เงียบสงัด แสงจันทร์สาดส่องเหนือพระราชวัง เมมฟิสดูเหมือนหลับใหล แต่ในมุมหนึ่งของวัง มีเงาของสองร่างกำลังเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง

รูลล์เดินนำหน้า มือของเขากุมดาบแน่น ดวงตาของเขาสอดส่องไปในความมืด ขณะที่เนฟราเดินตามเขา เธอสวมผ้าคลุมสีเข้มเพื่อพรางตัว แสงจันทร์สะท้อนที่ดวงตาของเธอเป็นประกาย แต่เธอก็ยังคงก้าวเดินด้วยความมั่นใจ

“ข้ารู้ว่าเรากำลังเสี่ยง... แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะพาข้าปลอดภัย” เธอกระซิบ

รูลล์หันมามองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “กระหม่อมจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาทำร้ายพระองค์”

พวกเขาเดินผ่านเส้นทางลับที่เต็มไปด้วยเงามืดและเสียงลมหายใจของตนเอง เสียงฝีเท้าของพวกเขาเบาเหมือนกระซิบในความเงียบ

เมื่อพวกเขาไปถึงประตูทางออกสุดท้าย เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เหล่าทหารที่ติดตามคำสั่งของฟาโรห์เข้ามาล้อมพวกเขาไว้ รูลล์ดึงดาบออกมา เตรียมต่อสู้ “เจ้าหญิง ไปเถิด กระหม่อมจะถ่วงเวลาไว้!”

แต่เนฟราไม่ถอย เธอก้าวมายืนข้างเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกล้าหาญ “ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า รูลล์”

เสียงดาบกระทบกันดังก้อง รูลล์ต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ ขณะที่เนฟราใช้ความฉลาดของเธอในการล่อหลอกและหาทางออก จนในที่สุด พวกเขาสามารถหนีรอดออกมาได้


รุ่งอรุณแห่งอิสรภาพ

เมื่อพวกเขาออกมาจากเขตกำแพงเมืองและมาถึงพื้นที่เปิดโล่ง รูลล์และเนฟราเงยหน้ามองพระอาทิตย์ยามเช้า แสงแรกของวันใหม่เหมือนเป็นสัญญาณแห่งอิสรภาพ

เนฟราหันมามองรูลล์ เธอยิ้มกว้าง รอยยิ้มนั้นเปี่ยมด้วยความสุขและความหวัง “เราทำได้แล้ว รูลล์”

รูลล์มองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “กระหม่อมสัญญาว่า จะปกป้องพระองค์และความรักของเราตลอดไป”

เธอเอื้อมมือไปจับมือของเขา ทั้งสองมองไปยังขอบฟ้าที่รอคอยพวกเขาอยู่ เปลวไฟแห่งความรักที่มิอาจดับได้ในหัวใจของพวกเขา จะนำพาพวกเขาไปสู่ชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและอิสรภาพ

(ติดตามต่อในบทถัดไป: การสร้างอนาคตแห่งรัก)

บทที่ 7
การสร้างอนาคตแห่งรัก

ท้องฟ้าเหนือทะเลทรายเปล่งประกายด้วยแสงตะวันยามเช้า ขอบฟ้าสีทองดูเหมือนจะเปิดรับชีวิตใหม่ที่รอคอยอยู่ รูลล์และเนฟรายืนอยู่บนเนินทราย สายลมพัดเส้นผมของพวกเขาปลิวไสว เนฟราเงยหน้ามองเขา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจปรากฏบนใบหน้าที่งดงามราวกับเทพธิดา

“เจ้าคิดว่าเราจะทำได้หรือไม่ รูลล์? สร้างชีวิตใหม่ในดินแดนที่ไม่เคยมีใครรู้จักเรา?” เธอถาม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง

รูลล์ยกมือขึ้นแตะแก้มของเธอ สัมผัสนั้นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความหมาย “หากเรามีกันและกัน กระหม่อมเชื่อว่าเราจะทำได้ทุกสิ่ง”

หลังจากหลบหนีจากพระราชวังเมมฟิส พวกเขาเดินทางผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ฝ่าฟันความยากลำบากและอันตรายมานับไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเผชิญกับอุปสรรค ความรักและความเชื่อมั่นในกันและกันกลับยิ่งแข็งแกร่ง


เริ่มต้นชีวิตใหม่

ในที่สุด พวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ ริมแม่น้ำไนล์ หมู่บ้านที่สงบสุขและไร้การควบคุมจากอำนาจของฟาโรห์ ที่นั่น ชาวบ้านต้อนรับพวกเขาในฐานะนักเดินทางผู้แปลกหน้า เนฟราใช้ทักษะความฉลาดของเธอในการสอนเด็กๆ ในหมู่บ้านเกี่ยวกับการอ่านและเขียน ขณะที่รูลล์ใช้แรงกายและความชำนาญในการต่อสู้ของเขาช่วยปกป้องหมู่บ้านจากโจรทะเลทราย

ในทุกๆ วัน ความสัมพันธ์ของพวกเขายิ่งแน่นแฟ้น รูลล์มองเนฟราในขณะที่เธอหัวเราะกับเด็กๆ รอยยิ้มของเธอทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้พบความหมายที่แท้จริงของชีวิต ส่วนเนฟราเองก็หลงใหลในความทุ่มเทและความซื่อสัตย์ของเขา

คืนหนึ่ง ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ริมแม่น้ำ เนฟราเอนกายพิงไหล่ของรูลล์ เสียงแม่น้ำไหลเบาๆ และดวงดาวที่ส่องประกายบนท้องฟ้าสร้างบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบ

“รูลล์... เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าฝันถึงช่วงเวลานี้มานานแค่ไหน” เธอกระซิบ

“กระหม่อมก็เช่นกัน พระองค์เป็นแสงสว่างเดียวที่นำพากระหม่อมออกจากความมืดมิด” เขาตอบพร้อมกับจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากของเธอ


การเผชิญหน้ากับอดีต

แต่ความสงบสุขนั้นไม่อาจคงอยู่ได้นานนัก ข่าวการหลบหนีของเจ้าหญิงเนฟราและองครักษ์ชาวนูเบียเริ่มแพร่สะพัดไปถึงพระราชวัง ฟาโรห์ส่งกองทหารตามล่าพวกเขา และในไม่ช้า หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ก็กลายเป็นเป้าหมาย

คืนหนึ่ง ขณะที่ชาวบ้านกำลังหลับใหล เสียงฝีเท้าหนักๆ ของกองทหารดังขึ้น รูลล์รีบปลุกเนฟรา เขาจับดาบแน่นในมือ ขณะที่เธอยืนเคียงข้างเขาด้วยความกล้าหาญ

“พวกเขามาเพื่อพาเจ้ากลับไป” รูลล์กล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

“แต่ข้าจะไม่ยอมกลับไป” เนฟราตอบ ดวงตาของเธอเปล่งประกาย “ข้าจะสู้เพื่อชีวิตของเรา”

ทั้งสองร่วมมือกับชาวบ้าน วางแผนป้องกันการโจมตี แม้กองทหารจะมีกำลังมากกว่า แต่ความกล้าหาญและความรักของพวกเขากลับเป็นพลังที่ไม่มีใครคาดคิด ในที่สุด พวกเขาก็สามารถเอาชนะและปกป้องหมู่บ้านไว้ได้


อนาคตที่มั่นคง

หลังจากการต่อสู้ ฟาโรห์ทรงยอมรับในความกล้าหาญของพวกเขา และส่งสารว่าพระองค์จะไม่ตามล่าพวกเขาอีกต่อไป เนฟราและรูลล์สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหมู่บ้านแห่งนี้

ปีต่อมา เนฟราให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เด็กน้อยที่มีดวงตาสีอำพันเหมือนแม่และผิวเข้มเหมือนพ่อ รูลล์อุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมแขน ขณะที่เนฟรายืนอยู่ข้างๆ เขา

“นี่คือผลลัพธ์ของความรักของเรา” เธอกล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสุข

“กระหม่อมสัญญา... ว่าจะปกป้องครอบครัวของเราตลอดไป” รูลล์ตอบ

ทั้งสามยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า เปลวไฟแห่งความรักที่ครั้งหนึ่งเคยต้องห้าม บัดนี้ได้กลายเป็นแสงสว่างที่นำพาพวกเขาไปสู่อนาคตที่มั่นคงและเปี่ยมด้วยความสุข

(จบบริบูรณ์)

จบภาค 1



[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ เมื่อความรักต้องห้ามระ...