* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Tuesday, January 14, 2025

คลั่งรัก..เล่ห์พยศ เพื่อนพ่อรสเผ็ด! [01] คาเมรอนและโซฟี-แอนน์

🍹
คลั่งรัก..เล่ห์พยศ: เพื่อนพ่อรสเผ็ด!

โดย
หมื่นล้านคำรัก และ AI

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

(คาเมรอนและโซฟี-แอนน์)

ตอนเดียวจบ

เสียงเครื่องยนต์กระบะสีดำเงาวาวดังแผ่วเบาขณะมันเลี้ยวเข้ามาในไร่องุ่นกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ทอดตัวลงบนผืนดินสีทอง ไร่องุ่นพันธุ์ดีแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ที่ดินสำหรับเกษตรกรรม แต่มันคืออาณาจักรของ คาเมรอน วัฒนากร พ่อหม้ายหนุ่มเชื้อสายไทย-อเมริกัน วัย 40 ปี ผู้ชายที่เหมือนถูกสลักมาจากประติมากรรมชั้นเอก

เขาก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยพลังดึงดูดที่ยากจะละสายตา เรือนร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นแนวกระดูกไหปลาร้าที่เด่นชัด รอยแผลเป็นเล็กๆ บริเวณกรามซ้ายยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมคายดูมีเสน่ห์แปลกตา เส้นผมสีดำสนิทถูกจัดทรงลวกๆ แต่กลับดูเข้ากับบุคลิกอันแข็งแกร่ง

สายตาคมดั่งเหยี่ยวของเขาจับจ้องไปยังผืนไร่ที่กำลังเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยว สายลมอ่อนๆ พัดพากลิ่นหอมขององุ่นสุกงอมอบอวลในอากาศ เสียงโทรศัพท์ในมือดังขึ้นขัดจังหวะความสงบ เขากดรับสายพร้อมขยับแว่นกันแดดลงมาเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“บอกพวกเขาว่า ถ้าอยากได้พันธุ์องุ่นใหม่ของเรา พวกเขาต้องเสนอราคาที่คุ้มค่ากับเวลาของผม” เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่ทุ้มต่ำและทรงอำนาจ

เขาเดินผ่านแถวองุ่นที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจของชายผู้เคยผ่านทั้งความสำเร็จและความเจ็บปวดมามากมาย คาเมรอนคือบุรุษที่แม้แต่ธรรมชาติยังต้องหยุดนิ่งเมื่อเขาปรากฏตัว

เพราะเขาไม่ได้เป็นเพียงเจ้าของไร่องุ่นระดับโลก แต่ยังเป็นชายที่มีหัวใจซ่อนเร้นเบื้องหลังรอยยิ้มที่ดึงดูดใจผู้คน หากใครได้ลองมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา จะพบว่ามันซ่อนความลึกลับและปริศนาที่รอคอยการไขคำตอบ…


... ⋆。♔˚ ...


ขณะเดียวกัน อีกฟากฝั่งหนึ่งของโลก เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังเป็นจังหวะเร่งรีบไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์สไตล์ฝรั่งเศสคลาสสิก หญิงสาวเรือนร่างอรชรในชุดกระโปรงไหมซาตินสีแดงสดที่ตัดเย็บอย่างพอดีตัว เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบ ริมฝีปากของเธอเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเบอร์กันดี เข้ากันดีกับผิวเนียนละเอียดดุจพอร์ซเลนและดวงตาสีเฮเซลที่มีเสน่ห์ราวกับสามารถสะกดใจผู้ที่มอง

เธอคือ "โซฟี-แอนน์ เดอ วาลองซ์" บุตรสาวคนเดียวของมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสผู้ทรงอิทธิพล และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้หญิงที่มีทั้งความงามและจริตศิลป์อันเป็นธรรมชาติ

เธอผลักประตูห้องทำงานของบิดาเข้าไปด้วยความเร่าร้อนในน้ำเสียงและท่าทีที่ฉายชัดถึงความไม่พอใจ

“พ่อคะ! นี่มันอะไรกัน? ทำไมคุณคาเมรอนถึงพานางแบบคนนั้นไปออกงานด้วย?”

บิดาของเธอซึ่งกำลังนั่งพิจารณาเอกสารหันมามองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนปนเหนื่อยใจ เขารู้ดีว่าลูกสาวคนเดียวของเขาไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งที่เธอต้องการ

“โซฟี-แอนน์ เขามีชีวิตของเขาเอง เธออย่าทำตัวดื้อรั้นเกินไปเลย”

แต่เธอไม่สนใจคำพูดนั้น ดวงตาของเธอเปล่งประกายแห่งความมุ่งมั่น เธอเชิดคางขึ้นเล็กน้อย และก้าวเข้ามายืนต่อหน้าบิดา ท่าทางของเธอเปี่ยมด้วยพลังแห่งความมั่นใจ

“พ่อคะ เขาไม่ควรใช้เวลาของเขากับคนที่ไม่มีค่าแบบนั้น! ถ้าเขายังคิดว่าไร่ของเขาสำคัญ เขาก็ต้องการคนที่เข้าใจเขาอย่างแท้จริงอยู่เคียงข้าง”

บิดาของเธอเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจและวางปากกาลง “แล้วเธอคิดจะทำอะไรล่ะ โซฟี-แอนน์?”

หญิงสาวยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปากเล็กน้อย ราวกับผู้ชนะในเกมที่เธอวางแผนมาแล้ว

“ฉันจะไปเป็นเลขาส่วนตัวของเขาเองค่ะ ถ้าเขายังไม่เห็นคุณค่าของฉัน... ฉันจะทำให้เขารู้ว่าฉันนี่แหละคนที่เขาขาดไม่ได้”

น้ำเสียงของเธอเยือกเย็นแต่หนักแน่น รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไม่ได้สะท้อนถึงความเย่อหยิ่งอย่างเดียว แต่ยังแฝงไว้ด้วยความท้าทาย และพลังของหญิงสาวผู้ไม่ยอมให้ใครมาขโมยสิ่งที่เธอปรารถนา

บิดาของเธอส่ายหน้าเบาๆ แต่ไม่ได้เอ่ยค้านใดๆ เพราะเขารู้ว่าลูกสาวคนนี้ ไม่มีใครหยุดเธอได้ เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว

โซฟี-แอนน์ เดินออกจากห้องทำงานของบิดาด้วยก้าวเดินที่มุ่งมั่น เธอยกผมสีดำขลับดุจเส้นไหมของเธอขึ้นมัดหลวมๆ ด้วยมือเปล่า ปล่อยปอยผมเล็กๆ ลงมาระกรอบหน้า เธอรู้ตัวดีว่า ทุกย่างก้าวของเธอสร้างความสนใจแก่ผู้ที่มอง แต่ในเวลานี้ เธอสนใจเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น... คาเมรอน วัฒนากร ชายผู้ที่เธอจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป!


... ⋆。♔˚ ...


ไฟ .. ไร่ .. และหัวใจ


ค่ำคืนที่ไร่องุ่นของคาเมรอนเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเงียบสงบ ท้องฟ้าสีครามเข้มประดับด้วยดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ เสียงลมพัดผ่านแถวองุ่นดังเบาๆ เป็นจังหวะ ขณะที่คาเมรอน วัฒนากร นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ในศาลากลางไร่ เขาจิบไวน์จากแก้วคริสตัล มองดูผืนดินของเขาด้วยสายตาครุ่นคิด

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นไม้ของศาลาดังขึ้นเรียกความสนใจ คาเมรอนหันไปมอง ก่อนที่สายตาคมกริบของเขาจะจับจ้องไปยังร่างของโซฟี-แอนน์ เดอ วาลองซ์

เธอยืนอยู่ตรงนั้น ดวงไฟในศาลาส่องกระทบชุดเดรสผ้าชีฟองสีดำที่แนบเนื้อ เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของร่างกายอย่างชัดเจน ผมยาวดำขลับถูกรวบขึ้นอย่างลวกๆ เหลือเพียงปอยผมสองข้างที่ไหลลงมากรอบหน้า ริมฝีปากสีแดงสดขับผิวขาวเนียนละเอียดของเธอให้ยิ่งโดดเด่น

“คุณไม่ได้เชิญ แต่ฉันก็มา” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ผสมระหว่างความท้าทายและเสน่ห์

คาเมรอนเอนหลังพิงเก้าอี้ มือหนาถือแก้วไวน์ในท่าทีผ่อนคลาย แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องอยู่ที่นี่ โซฟี-แอนน์”

เธอแต้มรอยยิ้มไว้ที่ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและยั่วยวนในคราวเดียวกัน ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เขา ท่าทีของเธอช่างเย้ายวนเกินกว่าจะละสายตาได้

“คุณแน่ใจหรือคะว่าฉันไม่มีเหตุผล?” เธอถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม แต่ขาของเธอไขว้กันอย่างมีจริต มือเรียวเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์อีกใบที่วางอยู่บนโต๊ะ เทไวน์ลงในแก้ว และจิบมันอย่างอ้อยอิ่ง

“ฉันมาที่นี่เพราะคุณคาเมรอน ฉันอยากรู้ว่า ทำไมคุณถึงเลือกใช้เวลาไปกับคนที่ไม่เข้าใจคุณอย่างที่ฉันเข้าใจ” น้ำเสียงของเธอนุ่มลึก แต่แฝงความท้าทายอย่างไม่ปิดบัง

คาเมรอนจ้องเธอด้วยสายตาดุดัน แต่แววตาของเขามีร่องรอยของความสนใจอย่างปฏิเสธไม่ได้ “ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเข้าใจฉัน โซฟี เธอควรจะกลับไป”

“ไม่ค่ะ” เธอพูดสวนทันที น้ำเสียงหนักแน่น เธอลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะมาหาเขา ก่อนจะโน้มตัวลงจนใบหน้าของเธออยู่ใกล้กับใบหน้าของเขา กลิ่นน้ำหอมจางๆ ของเธอลอยมากระทบจมูก

“คุณรู้ตัวไหมว่าคุณไม่เคยผลักฉันออกไปจริงๆ เลยสักครั้ง? คุณแค่พยายามทำตัวเย็นชา ทั้งที่ความจริงแล้ว คุณรู้ว่าคุณต้องการฉัน”

คาเมรอนเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาสบกับดวงตาของเธอ ความมั่นใจที่เธอเปล่งออกมาราวกับพลังที่กดดันเขา แต่ก็เป็นพลังที่ดึงดูดเขาในเวลาเดียวกัน

“โซฟี เธอกำลังเล่นกับไฟ” เขาพูดช้าๆ เสียงต่ำ แต่แฝงไปด้วยอันตราย

“แล้วถ้าฉันชอบความร้อนล่ะคะ?” เธอกระซิบกลับ พร้อมกับยกมือเรียวขึ้นสัมผัสเบาๆ ที่แนวกรามของเขา รอยแผลเป็นเล็กๆ บนนั้นทำให้เธอแต้มรอยยิ้มไว้ที่ “แผลนี้ คุณได้มาจากอะไรคะ?”

คาเมรอนคว้ามือของเธอไว้ แต่ไม่ทันที่จะผลักออก เธอกลับขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเธอแทบจะชิดกับของเขา

“คุณหนีฉันไม่ได้หรอกคาเมรอน ฉันจะอยู่ตรงนี้... จนกว่าคุณจะยอมรับว่าฉันคือคนที่คุณต้องการ”

บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่อธิบายไม่ได้ คาเมรอนมองเธอด้วยสายตาเย็นชา แต่ลึกๆ เขารู้ว่าเธอได้บุกเข้ามาในพื้นที่ที่เขาพยายามปิดกั้นไว้

“เธอดื้อรั้นเกินไป” เขาพูด แต่เสียงของเขาเริ่มอ่อนลง

“ฉันเรียกมันว่า...ความมุ่งมั่นค่ะ” เธอกระซิบตอบ ก่อนจะยิ้มหวานให้เขาอย่างเหนือชั้น ราวกับเธอรู้ว่าเขากำลังจะยอมจำนนต่อไฟที่เธอจุดขึ้นในหัวใจของเขาเอง...


... ⋆。♔˚ ...


เช้าวันใหม่ที่ไร่องุ่นของคาเมรอน วัฒนากร อากาศสดชื่นผสานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่าที่ปลูกริมถนนดินแดง โซฟี-แอนน์ เดอ วาลองซ์ ในชุดสูทกระโปรงสีเบอร์กันดีที่พอดีตัว ก้าวลงจากรถเอสยูวีสีดำที่เธอขับมาด้วยตัวเอง ส้นรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นอย่างมั่นใจในทุกย่างก้าว

เธอถือแฟ้มเอกสารในมือ พร้อมกับโน้ตแพดและแท็บเล็ตที่จัดเตรียมข้อมูลการประชุมไว้พร้อม เธอรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่คาเมรอนต้องต้อนรับตัวแทนจากบริษัทคู่ค้า เธอจึงไม่พลาดที่จะเตรียมทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ

ภายในห้องประชุมเล็กๆ ในไร่ คาเมรอนนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนและกางเกงสแลคสีดำ ใบหน้าคมคายของเขาขรึมอยู่ในที ขณะสายตาจับจ้องไปที่โน้ตของตัวเอง เขาไม่ทันสังเกตว่าโซฟี-แอนน์ก้าวเข้ามา

“กาแฟดำสำหรับคุณค่ะ” เธอเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมวางแก้วกาแฟบนโต๊ะ ก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารออกวางตรงหน้าเขา “นี่เป็นรายงานการผลิตองุ่นประจำเดือน พร้อมกับตัวเลขคาดการณ์ของปีหน้า และนี่—” เธอเลื่อนแท็บเล็ตให้เขาดูข้อมูลกราฟที่เธอจัดเรียงไว้อย่างประณีต “ฉันสรุปตัวเลขเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดกับต้นทุนการผลิตของเรา เพื่อช่วยคุณในการตัดสินใจเรื่องการเจรจาราคากับตัวแทนวันนี้ค่ะ”

คาเมรอนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แปลกใจที่เธอสามารถรวบรวมข้อมูลได้ละเอียดและครอบคลุมเพียงนี้ในเวลาแค่ไม่กี่วัน เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดูโดยไม่พูดอะไร

“ฉันยังเตรียมแผนสำรองไว้ด้วยค่ะ ในกรณีที่พวกเขาเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติม” เธอกล่าวต่อพลางยกมุมปากยิ้มบางๆ

“แผนสำรอง?” เขาถามเสียงเรียบ แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนแววสนใจ

“ใช่ค่ะ ถ้าพวกเขาพยายามกดราคามากเกินไป ฉันแนะนำให้ใช้สิทธิ์ของเราที่จะถอนตัวจากการเจรจา แล้วหันไปทำตลาดกับบริษัทจากฝรั่งเศสที่ฉันมีคอนเนคชั่นอยู่... พวกเขาพร้อมจ่ายราคาสูงกว่าแน่นอนค่ะ”

คาเมรอนวางแท็บเล็ตลง สายตาคมจับจ้องเธอราวกับจะอ่านความตั้งใจในดวงตาของหญิงสาว เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม สายลมพัดผ่านหน้าต่างทำให้ปอยผมข้างแก้มของเธอปลิวไหวเล็กน้อย

“เธอดูจะมั่นใจเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มงาน” เขาเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความน่าหวั่นเกรง

“ฉันไม่เคยทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ค่ะ คุณคาเมรอน” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่หนักแน่น ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อหยิบเอกสารจากโต๊ะ ใบหน้าของเธอจึงอยู่ใกล้กับเขาเพียงคืบ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเธอลอยมากระทบจมูกเขา

คาเมรอนเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้หลงไปกับแรงดึงดูดที่เธอสร้างขึ้น แต่หัวใจของเขากลับเต้นผิดจังหวะโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าคุณยังไม่เชื่อในความสามารถของฉัน... ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็น” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ชัดเจนพอที่จะทำให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาที่เขาจะปฏิเสธได้ง่ายๆ

คาเมรอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแต้มรอยยิ้มไว้ที่น้อยๆ อย่างคนที่ยอมรับความท้าทาย “งั้นเรามาดูกันว่าเธอจะทำได้ดีแค่ไหน”

หลังการประชุมเสร็จสิ้น ตัวแทนจากบริษัทคู่ค้ากล่าวชื่นชมในความชัดเจนและข้อมูลที่ครบถ้วนของโซฟี-แอนน์ คาเมรอนเดินเคียงข้างเธอไปยังรถโดยมีแสงแดดยามบ่ายส่องกระทบเส้นผมของเธอจนเปล่งประกาย 

“วันนี้เธอทำได้ดีมาก” เขาเอ่ยขึ้น

“ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าฉันจะพิสูจน์ตัวเอง” เธอตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหนือคำบรรยาย

เขาหยุดเดิน หันมามองเธอเต็มตา “แต่บางที... เธออาจจะพิสูจน์อะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น”

โซฟี-แอนน์สบตาเขา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและอ่อนโยนในคราวเดียว “บางครั้ง เราก็ต้องเดิมพันเพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการ... คุณว่าไหมคะ?”

คาเมรอนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก “เธอชอบเล่นกับไฟจริงๆ”

“แล้วคุณกลัวไฟหรือเปล่าล่ะคะ?” เธอกลับถามพร้อมก้าวเข้าใกล้เขาอีกนิด ราวกับท้าทายให้เขาแสดงความรู้สึกออกมา

เขามองเธออย่างลึกซึ้ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น “ถ้าฉันกลัว... ฉันคงไม่ยืนอยู่ตรงนี้”

แรงดึงดูดระหว่างทั้งสองชัดเจนจนไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม ขณะที่ดวงตาของพวกเขาสบกันในความเงียบงันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่กำลังจะปะทุขึ้น

ขณะที่ดวงตาของพวกเขาสบกันในความเงียบงันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่กำลังจะปะทุขึ้น…


... ⋆。♔˚ ...


ไฟในใจที่ลุกโชน:

กลางดึกคืนนั้น บรรยากาศในไร่องุ่นเงียบสงัด แสงจันทร์ส่องลงบนผืนดินราวกับโรยด้วยเงิน ด้านในคฤหาสน์สไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่กลางไร่ คาเมรอนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนตัว ไฟสีส้มอ่อนจากโคมไฟสร้างบรรยากาศอบอุ่นขณะเขาพลิกดูแฟ้มเอกสารในมือ

เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น ก่อนที่โซฟี-แอนน์จะเดินเข้ามาโดยไม่รอให้เขาอนุญาต เธออยู่ในชุดเดรสไหมพรมสีครีมบางเบาที่เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างพอเหมาะ ขณะเธอก้าวเข้ามา ท่ามกลางกลิ่นหอมหวานของน้ำหอมประจำตัวที่คาเมรอนเริ่มจำได้ดี

“ยังทำงานอยู่อีกหรือคะ คุณคาเมรอน?” เธอถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงความท้าทาย

“งานของคนที่มีไร่ขนาดนี้มันไม่มีวันจบง่ายๆ” เขาตอบเรียบๆ สายตายังจดจ่ออยู่กับเอกสาร

เธอแต้มรอยยิ้มไว้ที่เล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ยกแก้วไวน์ในมือขึ้นจิบเบาๆ “คุณไม่คิดว่าคุณควรให้รางวัลตัวเองบ้างหรือคะ หลังจากวันอันเหน็ดเหนื่อย?”

คาเมรอนเงยหน้าขึ้น มองเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไหล่เปลือยของเธอสะท้อนแสงไฟเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะสำรวจเธอด้วยสายตาที่เริ่มล้ำลึก “แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง?”

เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเขา ท่าไขว่ห้างของเธอเผยให้เห็นเรียวขาที่ดูสมบูรณ์แบบ เธอเอนตัวเล็กน้อย มือหนึ่งยกแก้วไวน์ อีกมือหนึ่งลูบไล้ปอยผมเล่น “บางครั้งคุณควรปล่อยให้ตัวเองได้พัก และสนุกกับช่วงเวลาที่อยู่ตรงหน้า... หรือคนที่อยู่ตรงหน้าคุณ”

เขาเลิกคิ้ว สบตาเธออย่างพิจารณา “เธอรู้ตัวไหมว่าคำพูดของเธอเสี่ยงแค่ไหน?”

“ฉันไม่เคยกลัวความเสี่ยงค่ะ” เธอยกมุมปากยิ้มเย้ายวน “โดยเฉพาะเมื่อมันมอบสิ่งที่ฉันต้องการให้กับฉัน”

คาเมรอนวางแฟ้มในมือลงอย่างช้าๆ ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟา ดวงตาคมเข้มยังคงจับจ้องไปที่เธอ “และตอนนี้เธอต้องการอะไร?”

โซฟี-แอนน์โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ดวงตาสีเฮเซลของเธอสะท้อนแววซุกซนและเย้ายวน “คำตอบของคุณค่ะ... ว่าคุณจะยอมให้ฉันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณได้มากกว่านี้หรือเปล่า”

คาเมรอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่ความดึงดูดระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์ของเธอขึ้นมา ก่อนจะยกจิบโดยไม่ละสายตา “เธอคิดว่าความมุ่งมั่นของเธอจะเอาชนะทุกอย่างได้?”

“ไม่ค่ะ ฉันคิดว่าความจริงใจต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้” เธอตอบกลับ น้ำเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น

เขาวางแก้วไวน์ลง แล้วลุกขึ้นยืน เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ มือหนาเอื้อมไปจับปลายคางของเธอเบาๆ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาเต็มตา “เธอเล่นเกมนี้ได้เก่งนะ โซฟี-แอนน์... แต่เธอแน่ใจหรือว่าพร้อมจะรับผลของมัน?”

“ฉันไม่เคยถอยหลังค่ะ” เธอตอบโดยไม่หลบสายตา ริมฝีปากสีแดงเบอร์กันดีของเธอเผยอยิ้มเพียงเล็กน้อย “และฉันก็รู้ว่าคุณก็ไม่ใช่คนที่ชอบหลบเลี่ยง”

บรรยากาศระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและเร่าร้อนในคราวเดียว คาเมรอนโน้มตัวลงมา ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้เธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น เขาหยุดเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาจับจ้องเธอด้วยความลังเลที่ฉายวาบ

“ถ้าฉันปล่อยให้เธอเข้ามาในโลกของฉัน... เธออาจจะไม่มีทางหนีออกไปได้อีก” เขากล่าวช้าๆ

“ฉันไม่ได้อยากหนีค่ะ” เธอตอบกลับอย่างแน่วแน่ ก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่หน้าอกของเขา รู้สึกถึงจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างแรงใต้ฝ่ามือ “ฉันแค่อยากอยู่ตรงนี้... ใกล้คุณ”

คาเมรอนมองเธออยู่นาน ก่อนจะยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก รอยยิ้มที่ทำให้เขาดูอ่อนลงอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขายืดตัวขึ้น ถอนหายใจลึก “เธอจะต้องเสียใจ โซฟี”

“ไม่หรอกค่ะ” เธอยิ้มตอบกลับ “เพราะฉันไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือกเอง”

คาเมรอนส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง ทิ้งเธอไว้พร้อมกับความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน แต่เธอรู้ดีว่า... เธอชนะไปอีกก้าวหนึ่งในเกมที่เธอเดิมพันกับหัวใจของเขา

ฉากต่อไป: ความใกล้ชิดที่แปรเปลี่ยนเป็นสายสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจและส่วนตัวที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ขณะที่แรงดึงดูดทางอารมณ์ยังคงแผ่กระจายไปทั่วทุกการเผชิญหน้าของพวกเขา…


... ⋆。♔˚ ...


เช้าวันรุ่งขึ้น คาเมรอนยืนอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของคฤหาสน์ เขาอยู่ในชุดสูทสีเทาเข้ม ท่าทีมั่นคงและทรงอำนาจ ขณะที่ทีมผู้บริหารนั่งเรียงรายรอการประชุมเริ่มต้น แฟ้มข้อมูลและเอกสารกองเต็มโต๊ะ การประชุมวันนี้เกี่ยวกับการรับมือกับปัญหาใหญ่ของบริษัทไวน์ที่เผชิญกับข่าวลือเรื่องคุณภาพสินค้าตกต่ำ ซึ่งหากไม่แก้ไขอย่างรวดเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและยอดขาย

ประตูเปิดออกอย่างแรงจนทุกคนหันไปมอง โซฟี-แอนน์เดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจในชุดสูทกระโปรงสีแดงเข้มที่ขับเน้นรูปร่างของเธอ เธอถือแฟ้มเอกสารในมือ ดวงตาสีเฮเซลส่องประกายความมุ่งมั่น แม้ไม่มีใครในห้องเชิญเธอเข้ามา แต่เธอกลับเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างคาเมรอนราวกับเป็นที่ของเธอ

“เธอมาทำอะไรที่นี่?” คาเมรอนถามเสียงต่ำ ท่ามกลางความตกตะลึงของทีมงาน

“ช่วยคุณแก้ปัญหาไงคะ” เธอยิ้มตอบ น้ำเสียงของเธอมีทั้งความมั่นใจและเย้ายวน “ฉันได้ยินว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องข่าวลือ และบังเอิญฉันมีไอเดียที่อาจช่วยได้”

“เธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เข้ามาในเรื่องนี้เหรอ?” เขาขมวดคิ้ว มองเธอด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ “นี่ไม่ใช่เกมที่เธอเล่นได้ตามใจชอบ”

“นี่ไม่ใช่เกมค่ะ” เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ มองตรงไปที่เขาด้วยแววตามั่นคง “นี่คือโอกาส ฉันรู้ว่าชื่อเสียงสำคัญกับคุณมากแค่ไหน และถ้าคุณไม่อยากเสียมันไป คุณควรฟังข้อเสนอของฉันก่อน”

คาเมรอนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้าให้เธอพูดต่อ

โซฟี-แอนน์เปิดแฟ้มเอกสาร เผยให้เห็นแผนการตลาดเชิงรุกที่เธอคิดขึ้น “เราไม่จำเป็นต้องปฏิเสธข่าวลือ แต่เราสามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ ฉันเสนอให้เราจัดกิจกรรม ‘ชิมไวน์แห่งศตวรรษ’ โดยเชิญนักวิจารณ์ไวน์ชื่อดังและสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมไร่ของเรา ให้พวกเขาได้สัมผัสถึงคุณภาพที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ คุณจะไม่เพียงลบคำครหาทั้งหมด แต่ยังสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นให้กับแบรนด์”

ทีมงานในห้องเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ คาเมรอนมองเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจสถานการณ์ได้ลึกซึ้งขนาดนี้ และยังมีความกล้าที่จะเสนอไอเดียอย่างมั่นใจ

“แผนนี้ดูมีเหตุผล” เขากล่าวเรียบๆ “แต่การเชิญนักวิจารณ์มาที่นี่เป็นดาบสองคม ถ้าพวกเขาพบอะไรที่ไม่สมบูรณ์แบบ มันอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เธอมั่นใจจริงๆ หรือว่าไม่มีจุดอ่อน?”

“มั่นใจค่ะ” โซฟี-แอนน์ตอบทันที เธอเอนตัวเข้าใกล้เขาเล็กน้อย ริมฝีปากของเธอยกรอยยิ้ม “เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่มีวันยอมให้สิ่งที่คุณควบคุมอยู่ออกมาน้อยกว่าสมบูรณ์แบบ”

คาเมรอนนิ่งไปกับคำพูดที่เหมือนเป็นทั้งคำชมและความท้าทายในคราวเดียว เขาหรี่ตามองเธอด้วยความระแวงและความสนใจที่มากขึ้น “ฉันจะให้เธอลองดู... แต่ถ้ามันล้มเหลว ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นอะไรแบบนี้อีก”

“ตกลงค่ะ” เธอยิ้มรับ ท่าทีมั่นใจของเธอยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้อันตรายสำหรับเขาในแบบที่เขาไม่อาจต้านทานได้

ฉากต่อมา: ความร่วมมือที่เริ่มต้นด้วยความตึงเครียดและจบลงด้วยความสำเร็จ

กิจกรรมที่โซฟี-แอนน์วางแผนกลายเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ เสน่ห์และความมั่นใจของเธอในการประสานงานกับนักวิจารณ์และแขกเหรื่อสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม คาเมรอนที่มองเธอทำงานอยู่ห่างๆ อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงเอาแต่ใจที่เขาคิด

ในตอนเย็นหลังงานจบลง โซฟี-แอนน์เดินมาหาเขา ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องจากคฤหาสน์ “เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าคุณไม่ต้องกังวล”

“เธอทำได้ดี” เขายอมรับ แต่ยังคงเก็บอารมณ์ไว้ใต้ท่าทางสุขุม

“แค่นั้นเองเหรอคะ?” เธอเอียงคอมองเขา ยิ้มเย้ายวน “ฉันคิดว่าฉันสมควรได้คำขอบคุณที่ดีกว่านี้นะ”

เขาขยับเข้าใกล้เธอ ดวงตาเข้มของเขาสบกับเธออย่างลึกซึ้ง “ถ้าเธออยากได้รางวัล... ฉันอาจจะคิดบางอย่างให้”

บรรยากาศระหว่างพวกเขาตึงเครียดและเร่าร้อนอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างการทำงานและความรู้สึกที่ยากจะต้านทาน ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและแรงดึงดูดยังคงดำเนินต่อไป…

จากนั้นสองสัปดาห์ ไร่องุ่นถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถันจนกลายเป็นสถานที่ต้อนรับที่หรูหรา โต๊ะยาวปูด้วยผ้าขาวสะอาดตั้งเรียงรายอยู่กลางไร่ ล้อมรอบด้วยไร่องุ่นที่อุดมสมบูรณ์ บรรยากาศอบอุ่นและมีกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ ผสมผสานกับการตกแต่งที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของแบรนด์ไวน์ "คาเมรอน เอสเตท" ด้านหนึ่งมีเวทีเล็กๆ สำหรับการกล่าวต้อนรับและแนะนำผลิตภัณฑ์ไวน์ใหม่ที่ต้องการโปรโมต

โซฟี-แอนน์ในชุดเดรสสีงาช้างเปิดไหล่ยืนอยู่กลางเวที ดึงดูดทุกสายตา เธอถือแก้วไวน์ในมือ น้ำเสียงนุ่มนวลแต่ทรงพลังขณะกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่ประกอบไปด้วยนักวิจารณ์ไวน์ชื่อดัง สื่อมวลชน และผู้ที่มีอิทธิพลในวงการไวน์

“พวกคุณทุกคนคือคนที่เข้าใจถึงศิลปะแห่งไวน์ เราจึงยินดีที่ได้ต้อนรับคุณสู่ไร่ของเรา เพื่อสัมผัสคุณภาพและความตั้งใจที่เรามีต่อผลิตภัณฑ์ทุกขวด” โซฟี-แอนน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเชื่อว่าหลังจากวันนี้ คุณจะมองเห็นความตั้งใจที่แท้จริงของทีมงานเรา”

เสียงปรบมือดังขึ้นหลังคำพูดของเธอ คาเมรอนที่ยืนอยู่ข้างหลังสังเกตเธอด้วยแววตาที่ปะปนระหว่างความชื่นชมและความไม่ไว้ใจ เขาไม่เคยคิดว่าโซฟี-แอนน์จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แขกได้มากขนาดนี้

บ่ายวันนั้น แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านต้นองุ่นที่เรียงรายเป็นแถวสวยงาม แขกเหรื่อถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ นำโดยไกด์ผู้เชี่ยวชาญที่อธิบายถึงกระบวนการผลิตไวน์อย่างละเอียด ตั้งแต่การเก็บองุ่น การหมักในถังไม้โอ๊ค ไปจนถึงการบรรจุขวดที่ประณีตทุกขั้นตอน

โซฟี-แอนน์เดินเคียงคู่กลุ่มหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยน้ำเสียงมั่นใจและท่าทีที่น่าเกรงขาม เธอตอบคำถามจากนักวิจารณ์ไวน์ชื่อดังด้วยความชัดเจน “องุ่นทุกลูกที่คุณเห็น ถูกคัดสรรด้วยมือทีละลูก เราใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจว่าไวน์แต่ละขวดที่คุณถือคือคุณภาพที่เราภูมิใจนำเสนอ”

เมื่อคำถามที่ยากและท้าทายจากสื่อเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องคุณภาพสินค้าถูกหยิบยกขึ้นมา เธอยังคงสงบนิ่งและตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ข่าวลือเป็นเพียงคำพูดที่ลอยมา แต่สิ่งที่คุณได้สัมผัสวันนี้คือความจริง เราไม่ต้องการให้ใครเชื่อเพียงคำพูด เชิญพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองค่ะ”

คำตอบของเธอสร้างความประทับใจจนผู้ฟังเริ่มมองเธอด้วยสายตาชื่นชม บรรยากาศที่เคยอึดอัดกลับกลายเป็นความสนใจและเปิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเข้าสู่ช่วงเย็น ไฮไลต์ของงานที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง คาเมรอนก้าวขึ้นไปยืนบนเวที ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่จับจ้องมาที่เขา เขาถือแก้วไวน์ในมือ สีแดงเข้มของมันสะท้อนแสงโคมไฟอย่างงดงาม

“ไวน์ตัวนี้ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่เราทุ่มเทลงไป” คาเมรอนกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง ก่อนจะส่งสัญญาณให้ทีมงานเริ่มเสิร์ฟไวน์แก่แขก

โซฟี-แอนน์รับหน้าที่นำการชิมไวน์ เธอก้าวเดินอย่างสง่างามไปตามโต๊ะต่างๆ พร้อมอธิบายถึงวิธีการลิ้มรสไวน์อย่างถูกต้อง “ให้คุณใช้สายตามองความใสของสี ดมกลิ่นหอมที่ซับซ้อน และเมื่อชิม ให้คุณปล่อยให้รสชาติซึมซับไปในทุกสัมผัส เพราะนี่คือเรื่องราวของไร่องุ่นแห่งนี้ค่ะ”

เสียงซุบซิบชื่นชมดังขึ้นรอบงาน แขกหลายคนยิ้มอย่างพึงพอใจ บางคนถึงกับยกนิ้วให้ทีมงานเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จ

เมื่อค่ำคืนจบลง โซฟี-แอนน์นั่งอยู่ในห้องประชุมหลังเวที กำลังเก็บเอกสารและจดบันทึกสิ่งที่ต้องปรับปรุงสำหรับงานครั้งต่อไป เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอเงยหน้าขึ้น คาเมรอนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขามองเธอด้วยสายตาที่ทั้งประหลาดใจและประทับใจ

“เธอทำให้ฉันแปลกใจอีกครั้ง” คาเมรอนพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บความรู้สึก แต่กลับปิดไม่มิด

โซฟี-แอนน์ยิ้มบางๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาเปี่ยมประกาย “ฉันบอกแล้วไงคะว่าให้เชื่อฉัน”

คาเมรอนยักไหล่เล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้า “อย่าเพิ่งคิดว่าเธอจะชนะเกมนี้ได้ง่ายๆ”

แม้คำพูดของเขาจะดูท้าทาย แต่สายตาที่มองเธอบ่งบอกถึงความหวั่นไหวและความชื่นชมที่ยากจะปิดบัง ความเงียบระหว่างพวกเขาไม่ได้ว่างเปล่า มันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ลึกซึ้งและซับซ้อน

ขณะที่คาเมรอนก้าวออกไปจากห้อง โซฟี-แอนน์ยังคงมองตามหลังเขา รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ไม่มีใครคาดเดาได้…


... ⋆。♔˚ ...


ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมห้าดาวเต็มไปด้วยความหรูหรา โคมไฟระย้าขนาดใหญ่ส่องแสงระยิบระยับไปทั่วห้อง แสงเทียนบนโต๊ะอาหารเพิ่มเสน่ห์ให้กับบรรยากาศที่หรูหรานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถันด้วยธีมสีทองและดำ ซึ่งสื่อถึงความสำเร็จและความหรูหราของงาน แขกผู้มีเกียรติในชุดทางการต่างเดินไปมาด้วยความสง่างาม พนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจต่างมีท่าทางภูมิฐาน ทุกคนล้วนรอคอยสิ่งพิเศษที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจในวงการไวน์

ในขณะที่งานเต็มไปด้วยการคุยกันและเสียงหัวเราะเบาๆ สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่หญิงสาวในชุดราตรีสีแดงเลือดนกที่ก้าวเข้ามาอย่างมั่นใจ โซฟี-แอนน์ไม่เพียงแต่สวยสง่า แต่ยังมีเสน่ห์ที่ดึงดูดทุกสายตา เธอเดินเคียงข้างคาเมรอน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองทำให้พวกเขาดูเหมือนเป็นราชาและราชินีในค่ำคืนนี้ ท่ามกลางผู้คนที่จับตามอง แต่เสียงกระซิบของแขกก็เริ่มดังขึ้นเมื่อวิคตอเรีย อีวานส์ เดินเข้าสู่งานในชุดเดรสสีดำเข้ารูป สง่างามและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอทำให้ทุกคนหันมามอง เพราะวิคตอเรียไม่ใช่แค่เป็นอดีตแอมบาสเดอร์ของคาเมรอน เอสเตท แต่ยังเคยตกเป็นข่าวคู่กับคาเมรอนอยู่บ่อยๆ ความสนใจทั้งหมดในงานนี้เหมือนจะหันไปทางวิคตอเรีย

โซฟี-แอนน์รับรู้ถึงสายตาที่จับจ้อง เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การร่วมงานปกติ แต่เป็นสนามประลองความภาคภูมิใจและเกมของอำนาจอย่างหนึ่ง ริมฝีปากของเธอกดแน่นแต่ยังคงยิ้มอย่างสง่างาม รู้ว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบได้

วิคตอเรียเดินตรงไปหาคาเมรอนและโซฟี-แอนน์ สายตาของเธอหันไปทางคาเมรอนราวกับโซฟี-แอนน์ไม่ใช่สิ่งสำคัญ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแฝงความมั่นใจ “คาเมรอน คุณดูดีเหมือนเคยนะคะ” เสียงหวานที่ออกจากปากเธอแต่กลับแฝงไปด้วยความท้าทาย

โซฟี-แอนน์ยืนอยู่ข้างๆ แม้ในใจจะเดือดพล่าน แต่เธอเลือกที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ขอบคุณที่มางานของเราในวันนี้ค่ะ วิคตอเรีย ฉันมั่นใจว่าแขกทุกคนจะประทับใจกับความงามของคุณ”

วิคตอเรียหันมามองโซฟี-แอนน์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการวัดกำลัง “และคุณก็คงเป็น...คนสำคัญในงานคืนนี้สินะคะ? ฉันสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องอะไรกับคาเมรอน”

โซฟี-แอนน์ยังคงยิ้มอย่างสงบ แม้ในใจจะรู้สึกถึงความท้าทายที่ซ่อนอยู่ “ฉันเกี่ยวข้องกับความสำเร็จของบริษัทนี้ค่ะ” เธอตอบเสียงเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยอำนาจ “และฉันมั่นใจว่าเราต่างมีบทบาทสำคัญในคนละด้านของชีวิตเขา คุณว่าจริงไหมคะ?”

คำพูดของโซฟี-แอนน์ทำให้วิคตอเรียชะงักไปเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามรวบรวมความมั่นใจอีกครั้ง “น่าสนใจดีค่ะ ฉันแค่หวังว่าคุณจะเข้าใจความสัมพันธ์ที่ฉันมีกับคาเมรอน”

โซฟี-แอนน์เอียงศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแฝงความเจ้าเล่ห์ “ความสัมพันธ์ที่เป็นอดีตหรือคะ?” เสียงของเธอกังวานอย่างมีอำนาจ “ถ้าคุณยังยึดติดกับอดีต ฉันขอแนะนำให้คุณลองเพลิดเพลินกับไวน์ของเรา บางทีรสชาติอันซับซ้อนอาจช่วยให้คุณก้าวข้ามความทรงจำเก่าๆ ได้”

เสียงหัวเราะเบาๆ จากแขกบางคนที่ยืนฟังบทสนทนาดังขึ้น วิคตอเรียหน้าชาไปเล็กน้อย แต่ยังคงรักษารอยยิ้มไว้แม้ว่าในใจจะรู้สึกถึงการพ่ายแพ้ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

คาเมรอนยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสอง ฝ่ายของเขาดูเหมือนจะเป็นผู้สังเกตการณ์ที่เงียบงัน แต่ในสายตาของเขา โซฟี-แอนน์นั้นต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยพบเห็น เขารู้สึกถึงความคลาสซี่และความชั้นเชิงที่เหนือชั้นของเธอในการจัดการสถานการณ์นี้ เมื่อวิคตอเรียเดินจากไป คาเมรอนยื่นแก้วไวน์ให้โซฟี-แอนน์ พร้อมรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชื่นชม “เธอทำได้ดี” เขากระซิบ

โซฟี-แอนน์ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม และแต้มรอยยิ้มไว้ที่กลับไป “ฉันรู้ค่ะ” ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาที่แฝงความหมายบางอย่าง “และฉันหวังว่าคุณจะรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องทุกสิ่งที่คุณสร้างมา รวมถึง...ตัวคุณด้วย”

คาเมรอนแต้มรอยยิ้มไว้ที่ เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แค่คู่คิดที่ท้าทายเขา แต่ยังเป็นผู้หญิงที่เขาไม่อาจปล่อยมือไปจากเธอได้…


... ⋆。♔˚ ...


ค่ำคืนหนึ่งหลังงานเลี้ยงจบลง คาเมรอนและโซฟี-แอนน์พบว่าตนเองติดอยู่ในห้องเก็บไวน์ใต้ดินของโรงแรมหรู เมื่อระบบล็อกไฟฟ้าของประตูเกิดขัดข้องระหว่างที่ทั้งคู่เดินลงมาสำรวจคอลเลกชันไวน์โบราณด้วยกัน

บรรยากาศในห้องเก็บไวน์มีเพียงแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟบนเพดาน กลิ่นหอมของไม้โอ๊กและไวน์ที่หมักมานานลอยปะปนในอากาศ โซฟี-แอนน์นั่งลงบนถังไม้โอ๊กขนาดใหญ่ เอามือประคองคางพลางมองคาเมรอนที่กำลังพยายามโทรหาช่างซ่อม “คุณจะเดินไปมาอีกนานไหมคะ? หรือเราควรเริ่มดื่มไวน์รอให้พวกเขามาปลดล็อก”

“เธอไม่คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอทำอะไรตามใจตัวเองอีกใช่ไหม?” คาเมรอนตอบกลับอย่างขึงขัง เขาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า สูดหายใจยาว “ไม่มีสัญญาณ เราคงต้องรอ”

“นั่นไงคะ ฉันบอกแล้ว” เธอยักไหล่และยื่นมือไปหยิบไวน์ขวดหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ “อย่างน้อยก็ทำตัวให้มีความสุขระหว่างรอสิคะ”

คาเมรอนยืนพิงกำแพง มองดูเธอที่เริ่มแกะฟอยล์หุ้มขวดไวน์ด้วยความคล่องแคล่ว “เธอชอบทำตัวเหมือนทุกอย่างในชีวิตนี้อยู่ในกำมือเธอ”

โซฟี-แอนน์เหลือบตาขึ้นมามองเขา ดวงตาสีเฮเซลเปล่งประกาย “ก็เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไงคะ ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร และฉันทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา”

“อย่างนั้นเหรอ” คาเมรอนยิ้มเยาะ “แล้วสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ จากฉันคืออะไร? อำนาจ? เงิน? หรือแค่ชื่อเสียง?”

เธอหัวเราะเบาๆ ขณะเปิดจุกขวดไวน์เสียงดัง “คุณคิดต่ำไปหรือเปล่าคะ คาเมรอน? คุณน่าจะรู้แล้วว่าฉันไม่ใช่คนที่สนใจแค่สิ่งเหล่านั้น” เธอยกแก้วไวน์ที่รินเรียบร้อยแล้วขึ้นจิบ ก่อนจะหันไปสบตาเขา “สิ่งที่ฉันต้องการจากคุณคือการแต่งงานค่ะ”

คาเมรอนเบิกตากว้าง หัวเราะเบาๆ ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “แต่งงาน? เธอกำลังล้อฉันเล่นใช่ไหม?”

โซฟี-แอนน์โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย วางแก้วไวน์ลงข้างๆ เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยความมั่นใจ “ฉันพูดจริงค่ะ คุณควรแต่งงานกับฉันได้แล้ว คาเมรอน คุณอายุสี่สิบแล้วนะคะ คุณคิดจะรอจนแปดสิบถึงจะเริ่มมีลูกเหรอ?”

“โซฟี-แอนน์!” คาเมรอนตวาดเสียงต่ำ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอายและความโกรธที่ผสมปนเป

“ฉันแค่พูดความจริงค่ะ” เธอยักไหล่อย่างไม่ทุกข์ร้อน “คุณสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณไม่มีคนสืบทอด? คุณจะให้ใครมาดูแลทุกอย่างถ้าลูกของคุณโตไม่ทัน?”

คำพูดของเธอเหมือนลูกศรที่พุ่งตรงเข้าสู่จุดอ่อนของเขา คาเมรอนกัดฟันแน่น ขณะที่เธอยืนขึ้น เดินเข้าไปใกล้เขา

“หรือคุณกลัวคะ?” เธอเอ่ยเบาๆ เสียงของเธอเต็มไปด้วยการยั่วเย้า “คุณกลัวที่จะยอมรับว่าฉันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ ทั้งในธุรกิจ...และชีวิตส่วนตัว”

คาเมรอนสบตาเธอ ใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิด มือของเขายกขึ้นมาคว้าแขนเธอไว้ เขาดึงเธอเข้ามาใกล้จนใบหน้าของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน

“เธอมันบ้าชะมัด” เขากระซิบเสียงแผ่ว

“แต่คุณก็ชอบฉันใช่ไหมล่ะ?” เธอตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

คาเมรอนไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป เขาก้มลงประกบจูบเธออย่างรุนแรงและเร่าร้อน มือของเขาประคองใบหน้าของเธอไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดมือไป

โซฟี-แอนน์ตอบรับจุมพิตนั้นด้วยความมั่นใจเช่นกัน ริมฝีปากของพวกเขาสอดประสานกันอย่างลงตัว ความร้อนแรงในจูบนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ทั้งซับซ้อนและลึกซึ้ง

เมื่อพวกเขาผละออกจากกัน คาเมรอนจ้องมองเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกที่เขาไม่เคยยอมรับมาก่อน

“เธอทำให้ฉันเสียการควบคุม” เขาพึมพำ

“นั่นคือสิ่งที่ฉันเก่งที่สุดค่ะ” โซฟี-แอนน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ายวน

ทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเพิ่งก้าวเข้าสู่จุดที่ไม่สามารถหวนกลับได้อีกต่อไป...

วันหนึ่งหลังจากเหตุการณ์ในห้องเก็บไวน์ โซฟี-แอนน์ตัดสินใจยื่นข้อเสนอที่คาเมรอนไม่อาจปฏิเสธ เธอชวนเขาไปสำรวจไร่องุ่นของ “คาเมรอน เอสเตท” เพื่อคัดเลือกองุ่นสำหรับผลิตไวน์ลิมิเต็ดอิดิชั่นใหม่ คาเมรอนลังเลในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงเมื่อเธอยืนยันหนักแน่นว่า “คุณต้องเห็นมันเองถึงจะเข้าใจว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่”

บรรยากาศในไร่องุ่นที่แผ่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในฤดูใบไม้ร่วงนั้นชวนให้หลงใหล แสงแดดอ่อนส่องลงมาบนใบองุ่นสีเขียวที่กำลังเปลี่ยนสี ดอกไม้ป่าบางชนิดยังคงบานประปรายอยู่ริมทางเดิน

“คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะเดินตามฉัน?” โซฟี-แอนน์ถามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เมื่อเธอถอดรองเท้าส้นสูงออกและเดินลุยดินอย่างไม่กลัวเลอะ คาเมรอนยืนมองเธออย่างงุนงง

“ฉันไม่ได้มาเพื่อเดินเล่น ฉันมาเพื่อทำงาน” เขาเอ่ยอย่างจริงจัง แต่สายตากลับจับจ้องเธอที่กำลังก้มลงเก็บองุ่นตัวอย่างด้วยท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติ

“งั้นก็รีบตามมาสิคะ” เธอหันมายักคิ้วใส่ ก่อนจะเดินลุยเข้าไปในแปลงองุ่นที่มีทางเดินเล็กๆ

คาเมรอนเดินตามเธอมา แต่ไม่นานนักเขาก็พลาดเหยียบเข้าไปในกองดินโคลนจนรองเท้าหนังราคาแพงเปื้อนเลอะเทอะเต็มไปหมด

“ให้ตายสิ โซฟี-แอนน์!” เขาหงุดหงิด แต่เธอกลับหัวเราะเสียงดังจนตัวงอ

“โอ้โฮ คุณดูเหมือนเด็กที่เพิ่งเล่นทรายครั้งแรกเลยนะคะ!” เธอเย้า

“ฉันไม่คิดว่านี่จะตลกเลย” เขาตอบเสียงแข็ง

แต่โซฟี-แอนน์กลับเดินเข้ามาใกล้ หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าแล้วก้มลงเช็ดโคลนออกจากรองเท้าของเขาอย่างน่ารัก

“นี่ไงคะ ฉันช่วยแล้ว คุณไม่ต้องโกรธเลยนะ” เธอพูดพร้อมส่งสายตาออดอ้อน

คาเมรอนมองดูเธอที่กำลังตั้งอกตั้งใจเช็ดรองเท้าของเขา ทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“คุณนี่มันจริงๆ เลย” เขาส่ายหัว

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเธออยู่ใกล้กับเขามากจนเธอเผลอชะงักไปชั่วครู่ ทั้งสองสบตากัน ดวงตาของโซฟี-แอนน์เปล่งประกายราวกับท้าทาย

“คุณหัวเราะครั้งแรกตั้งแต่ฉันรู้จักคุณเลยนะคะ” เธอพูดเบาๆ

“คุณทำให้ฉันหลุดคาแรกเตอร์ได้ทุกครั้ง” เขาตอบกลับ น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าที่เธอเคยได้ยิน

ก่อนที่เธอจะทันพูดอะไรต่อ คาเมรอนยื่นมือไปแตะเบาๆ ที่แก้มของเธอ เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

“คุณทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่”

โซฟี-แอนน์หัวเราะเบาๆ “มันเป็นเรื่องดีแน่นอนค่ะ เพราะคุณควรปล่อยตัวบ้าง”

เธอยื่นมือไปแตะที่ปลายคางของเขาอย่างแผ่วเบา แล้วจู่ๆ ก็โน้มตัวเข้าไปประกบจูบเขาอย่างรวดเร็วและกล้าได้กล้าเสีย

คาเมรอนอึ้งไปชั่วครู่ แต่ไม่นานเขาก็ตอบสนองโดยอ้อมแขนรอบเอวของเธอและดึงเธอเข้ามาใกล้ จูบนั้นเริ่มต้นอย่างนุ่มนวล แต่ค่อยๆ ทวีความร้อนแรงจนทำให้ทั้งคู่ลืมไปว่าพวกเขายืนอยู่กลางไร่องุ่น

เมื่อผละออกจากกัน โซฟี-แอนน์ยิ้มกว้าง “ฉันว่าคุณเริ่มจะชอบสิ่งที่ฉันทำแล้วล่ะค่ะ”

คาเมรอนหัวเราะเบาๆ “คุณนี่มันช่างน่ารำคาญ…แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณหยุดเลย”

จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนใช้เวลาที่เหลือเดินสำรวจไร่องุ่นด้วยกัน โดยที่บรรยากาศระหว่างพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความสนิทสนมที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ทั้งคู่ต่างรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่จุดที่ไม่อาจหวนกลับได้แล้ว...


... ⋆。♔˚ ...


หลังจากเหตุการณ์ในไร่องุ่น คาเมรอนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เคยตึงเครียดและจริงจังกลับมีรอยยิ้มผ่อนคลายมากขึ้น เขาดูอ่อนโยนขึ้นจนพนักงานในบริษัทต่างพากันสังเกต พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกระซิบกันเบาๆ ถึงเจ้านายผู้เคยเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ตอนนี้กลายเป็นคนอบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้า

ในเช้าวันหนึ่งที่ห้องประชุมใหญ่ คาเมรอนเดินเข้ามาพร้อมถือถุงขนมปังครัวซองต์อบใหม่จากร้านดังในเมือง กลิ่นหอมของขนมปังทำให้บรรยากาศในห้องประชุมผ่อนคลายขึ้นทันที เขาวางถุงลงบนโต๊ะก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ

"วันนี้ฉันผ่านร้านนี้มา เลยซื้อมาฝากพวกเธอ ลองชิมดูสิ ครัวซองต์อัลมอนด์ของเขาอร่อยมาก"

พนักงานที่นั่งอยู่ต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงง เพราะนี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่พวกเขาคาดหวังจากคาเมรอน แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มจริงใจที่เจ้านายมอบให้ พวกเขาก็อดยิ้มตามไม่ได้ บางคนแอบกระซิบว่า "ตั้งแต่คุณโซฟี-แอนน์เข้ามา คุณคาเมรอนดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ"

เย็นวันนั้น คาเมรอนกลับถึงเพนต์เฮาส์พร้อมถุงกระดาษใบเล็กที่ภายในบรรจุผ้าพันคอแคชเมียร์สีแดงสด เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรหาโซฟี-แอนน์

"คุณอยู่ที่ออฟฟิศหรือเปล่า?" เสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่ฟังดูอบอุ่นกว่าปกติ

"อยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่า?" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงสดใส

"ผมมีของฝากให้คุณ"

ไม่นานนัก เขาก็มาถึงออฟฟิศของเธอ โซฟี-แอนน์ที่กำลังนั่งทำงานเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ "คุณมาที่นี่ตอนนี้ทำไมคะ?"

คาเมรอนเดินเข้าไปใกล้ ยื่นถุงกระดาษให้เธอ "ผมเห็นอันนี้แล้วคิดว่ามันเหมาะกับคุณ"

เธอเปิดถุงออกและหยิบผ้าพันคอออกมาดู ดวงตาเธอเป็นประกาย "ว้าว สีแดงแบบนี้ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบ?"

"ก็คุณใส่สีนี้บ่อย ผมสังเกตมาสักพักแล้ว" เขาตอบพลางยักไหล่

โซฟี-แอนน์เอาผ้าพันคอคล้องคอและหมุนตัวให้เขาดู "เป็นไงคะ?"

คาเมรอนยิ้มบางๆ แต่แววตาของเขากลับลึกซึ้ง "คุณดูดีเสมออยู่แล้ว"

วันต่อมา คาเมรอนสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในห้องประชุมอีกครั้ง เขาเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับการเดินทางไปไร่องุ่นในฝรั่งเศสที่เขาเคยถูกสุนัขวิ่งไล่จนต้องปีนต้นไม้หนี เรื่องราวที่เขาเล่าด้วยน้ำเสียงขำขันทำให้พนักงานหัวเราะครืน พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเจ้านายคนนี้คือคนเดียวกับคาเมรอนผู้เคยเคร่งขรึม

ค่ำคืนหนึ่ง โซฟี-แอนน์ยังคงทำงานอยู่ในออฟฟิศจนดึก คาเมรอนปรากฏตัวที่หน้าห้องทำงานของเธอพร้อมกับกล่องซุปครีมเห็ดในมือ "ผมคิดว่าคุณคงยังไม่ได้กินข้าว" เขาวางกล่องลงบนโต๊ะ น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นห่วง

โซฟี-แอนน์มองเขาอย่างซาบซึ้ง "คุณนี่ชักจะดีเกินไปแล้วนะคะ"

"ผมไม่ได้ดีเกินไป แต่ผมแค่ใส่ใจคนที่สำคัญกับผม"

คำพูดของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นแรง เธอยิ้มและดึงเก้าอี้ข้างๆ ออก "คุณนั่งลงสิ เรากินด้วยกันดีกว่า"

ค่ำคืนนั้นพวกเขานั่งคุยกันในบรรยากาศที่อบอุ่น เรื่องราวธรรมดาในชีวิตประจำวันกลายเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ เพราะเต็มไปด้วยความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ทุกอย่างมีความหมาย

การเปลี่ยนแปลงของคาเมรอนไม่ได้เพียงแต่ส่งผลต่อโซฟี-แอนน์เท่านั้น แต่เขาเองก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเขาสดใสและมีความหมายมากขึ้นตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามา เขาไม่เคยใส่ใจผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน และความรู้สึกนี้ทำให้เขาตระหนักว่าโซฟี-แอนน์ไม่เหมือนใคร เธอคือคนที่ทำให้โลกของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล…

ค่ำคืนอันเงียบสงบของฤดูใบไม้ร่วง คาเมรอนและโซฟี-แอนน์นั่งอยู่บนระเบียงของรีสอร์ตหรูท่ามกลางไร่องุ่นแห่งหนึ่งในชนบทของฝรั่งเศส สถานที่ที่เขาเลือกพาเธอมาพักผ่อนหลังจากช่วงเวลาทำงานที่หนักหน่วง แสงไฟนวลจากโคมไฟดวงเล็กบนระเบียง และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความโรแมนติก

เสียงลมพัดผ่านใบไม้แผ่วเบา ผสมผสานกับเสียงหัวเราะของโซฟี-แอนน์ที่ดังก้องเบาๆ เธอนั่งอยู่บนโซฟากลางแจ้ง สวมเดรสผ้าชีฟองสีครีมบางเบาที่ขับให้ผิวของเธอดูเปล่งประกาย คาเมรอนนั่งอยู่ใกล้ๆ จิบไวน์แดงชั้นเลิศพลางมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล

"คุณรู้ไหม ที่นี่เป็นที่ที่ผมมาบ่อยที่สุดเวลาต้องการหนีจากความวุ่นวายในเมือง" คาเมรอนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขากลมกลืนไปกับบรรยากาศ

"มันสวยมากค่ะ ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงเลือกมาที่นี่" โซฟี-แอนน์ตอบ ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

คาเมรอนวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันมาจับมือเธอเบาๆ นิ้วของเขาลูบไล้ไปบนหลังมือของเธอราวกับจะสำรวจทุกสัมผัส โซฟี-แอนน์เงียบไปครู่หนึ่งเมื่อรับรู้ถึงความอ่อนโยนในท่าทางของเขา หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้น

"ผมเคยคิดว่าความสงบคือสิ่งที่ผมต้องการที่สุด" เขาพูดช้าๆ สายตาจับจ้องเธอ "แต่ตั้งแต่ที่คุณเข้ามาในชีวิตผม ผมเริ่มรู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คือการได้ใช้เวลาสงบแบบนี้กับคุณ"

ดวงตาของเธอพราวระยับด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่การที่เธอค่อยๆ เอนตัวเข้าไปใกล้เขานั้นก็บอกความรู้สึกทั้งหมดที่เธอไม่อาจพูดออกมา

คาเมรอนยกมือขึ้นแตะใบหน้าเธออย่างแผ่วเบา นิ้วโป้งของเขาลูบไปตามโหนกแก้มของเธออย่างทะนุถนอม ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมจางๆ จากเธอทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูเลือนราง ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในจูบที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนโยน

แต่เพียงไม่นาน จูบนั้นก็กลายเป็นความเร่าร้อนที่ไม่อาจระงับได้ มือของเขาเลื่อนลงมาที่เอวของเธอ กระชับร่างบางให้แนบชิดกับเขามากขึ้น ในขณะที่เธอเองก็ยกมือขึ้นโอบรอบลำคอของเขา ตอบรับจูบนั้นด้วยความปรารถนาที่คุกรุ่น

"คุณทำให้ผมแทบคลั่ง โซฟี-แอนน์" เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่าเมื่อถอนริมฝีปากออกมาเพียงเล็กน้อย สายตาของเขามืดครึ้มไปด้วยแรงปรารถนา

เธอไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงแค่ส่งยิ้มเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นเหมือนเชิญชวนเขาให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง

คาเมรอนอุ้มเธอขึ้นโดยไม่พูดอะไร ท่ามกลางสายลมอ่อนของค่ำคืนนี้ เขาเดินตรงไปยังห้องนอนที่ถูกประดับด้วยไฟสลัวและกลีบกุหลาบบนเตียง

เมื่อประตูปิดลง ความเงียบสงัดก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบาและสัมผัสที่ลึกซึ้งของทั้งสอง ร่างกายที่แนบชิดและความเร่าร้อนที่ไม่อาจปฏิเสธได้กำลังถักทอช่วงเวลานี้ให้กลายเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืม...

ค่ำคืนแห่งความรักและความปรารถนานั้นเป็นมากกว่าการแสดงความรู้สึก มันคือการหลอมรวมจิตวิญญาณของทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ...


... ⋆。♔˚ ...


และในค่ำคืนนั้น หลังจากงานเลี้ยงประจำปีของบริษัท โซฟี-แอนน์และคาเมรอนเดินออกมาจากโรงแรมที่จัดงานด้วยกัน ลมยามค่ำคืนที่เย็นสบายและแสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบเงาใบหน้าของทั้งสอง คนทั้งคู่ตัดสินใจเดินเล่นในสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้โรงแรมเพื่อผ่อนคลาย

"คืนนี้คุณดูสวยมากจนผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรในงานเลย" คาเมรอนพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองเดินมาเงียบๆ สักพัก

โซฟี-แอนน์หันมามองเขา ยิ้มอย่างขบขัน "คุณน่าจะสนใจการประชุมผู้ถือหุ้นมากกว่านะคะ ไม่ใช่ฉัน"

"นั่นสิ" เขาตอบพลางหัวเราะเบาๆ "แต่ดูเหมือนว่าคุณจะมีอิทธิพลเหนือผมมากกว่าสิ่งอื่นใดในห้องนั้น"

โซฟี-แอนน์หัวเราะกับคำพูดของเขา แต่แล้วก็ต้องหยุดเดินเมื่อสายลมแรงพัดผมยาวของเธอปลิวกระจาย คาเมรอนรีบเอื้อมมือมาจัดเก็บผมของเธออย่างอ่อนโยน สายตาของเขาจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดเบาๆ พลางหลบสายตาที่ร้อนแรงของเขา

"ผมยังไม่อยากกลับไปเลย" คาเมรอนพูด น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจัง

"งั้นคุณอยากทำอะไรล่ะคะ?" โซฟี-แอนน์ถาม พลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูด "คุณเชื่อใจผมไหม?"

เธอพยักหน้าช้าๆ "ค่ะ"

คาเมรอนคว้ามือของเธอและพาเธอเดินไปยังทางเดินเล็กๆ ที่นำไปสู่ริมแม่น้ำ เสียงน้ำไหลเบาๆ และกลิ่นหอมจากดอกไม้ในสวนเพิ่มความโรแมนติกให้กับบรรยากาศ เขาหยุดเดินเมื่อถึงศาลาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางสวน

"ที่นี่สวยมากเลยค่ะ" โซฟี-แอนน์พูด พร้อมกับมองรอบๆ ด้วยความประทับใจ

คาเมรอนไม่ตอบ แต่เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ เอื้อมมือไปจับใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา "คุณรู้ไหม ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะหลงรักใครได้มากขนาดนี้"

หัวใจของโซฟี-แอนน์เต้นแรงจนเธอรู้สึกเหมือนมันจะหลุดออกมา แต่เธอก็ยังคงยิ้มและตอบเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "คุณพูดเหมือนจะทำให้ฉันเขินเลยนะคะ"

คาเมรอนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธออย่างแผ่วเบาในจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความปรารถนา แต่ทันใดนั้น โซฟี-แอนน์ก็เริ่มหัวเราะขึ้นมา

คาเมรอนผละออกเล็กน้อย สายตาสงสัย "หัวเราะอะไรครับ?"

"คุณจำได้ไหมคะ ครั้งแรกที่เราทะเลาะกันในห้องประชุม แล้วคุณเถียงฉันเรื่องแผนการตลาดจนฉันโกรธจนลืมปิดไมค์"

คาเมรอนหัวเราะเสียงดัง "ผมจำได้สิ คุณทำให้ทั้งห้องประชุมได้ยินคุณเรียกผมว่า 'หัวหน้าเผด็จการ' นั่นแหละเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจที่สุดในชีวิตผม"

ทั้งสองหัวเราะด้วยกัน เสียงหัวเราะดังไปทั่วศาลา ก่อนที่คาเมรอนจะจับมือเธอแน่นขึ้น "คุณรู้ไหม โซฟี-แอนน์ ผมอาจจะดูเหมือนคนเอาแต่ใจ แต่ทุกอย่างที่ผมทำเพื่อคุณ... ผมทำมันเพราะคุณสำคัญกับผมจริงๆ"

โซฟี-แอนน์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกระชับมือเขา "ฉันรู้ค่ะ และฉันเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน"

ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความรัก และความผูกพันยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสองนั่งลงที่ศาลา พูดคุยกันเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากความเข้าใจผิดกำลังเบ่งบานอย่างงดงาม ท่ามกลางแสงจันทร์และสายลมที่เป็นพยานให้กับความรักที่ไม่มีวันจบลง…


... ⋆。♔˚ ...


แสงจันทร์ยังคงสาดส่องเหนือศาลาเล็กๆ กลางสวนที่เงียบสงบ คาเมรอนและโซฟี-แอนน์นั่งเคียงข้างกัน จับมือกันแน่นราวกับไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะแยกพวกเขาออกจากกันได้ แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ของโซฟี-แอนน์ดังขึ้นทำลายความเงียบงันนั้น เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ

"แม่..." เธอกระซิบเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปเล็กน้อย คาเมรอนมองตามเธอไปด้วยความสงสัย น้ำเสียงของโซฟี-แอนน์ขณะรับสายฟังดูตื่นตระหนก เธอพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดอย่างชัดเจน และเมื่อวางสายลง ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา

โซฟี-แอนน์หันกลับมาหาคาเมรอนที่กำลังลุกขึ้นเดินเข้ามาหา "เกิดอะไรขึ้น?" เขาถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มือของเขาจับที่ไหล่เธอเบาๆ เพื่อปลอบโยน

"แม่... แม่เข้าโรงพยาบาลค่ะ อาการไม่ดีเลย" เสียงของเธอสั่นไหว เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่ก็ไม่สำเร็จ

คาเมรอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ "ไม่ต้องห่วง ผมจะไปกับคุณ" เขาพูดพร้อมบีบมือเธอแน่นเพื่อส่งผ่านความมั่นใจ ทั้งสองรีบรุดไปยังโรงพยาบาลทันที

เมื่อมาถึง พวกเขาพบว่าแม่ของโซฟี-แอนน์อยู่ในห้องฉุกเฉิน ภาพที่เธอเห็นทำให้หัวใจแทบสลาย ร่างของแม่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือแพทย์ เสียงของเครื่องช่วยหายใจดังก้องในความเงียบของห้อง เธอทรุดตัวลงแทบจะทันที คาเมรอนรีบเข้ามาพยุงเธอไว้ ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดแน่น

"คุณยังมีผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะ" เขากระซิบข้างหูเธอ น้ำเสียงของเขาอบอุ่นและมั่นคง

แม่ของโซฟี-แอนน์รอดชีวิตมาได้หลังจากผ่านช่วงวิกฤต แต่สุขภาพของเธอกลับทรุดลงเรื่อยๆ โซฟี-แอนน์ใช้เวลาทุกวินาทีที่มีอยู่ข้างเตียงแม่ของเธอ คอยจับมือและพูดคุยกับแม่ด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความเศร้า คาเมรอนเห็นภาพนั้นทุกวันและรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบรัด

คืนหนึ่ง ขณะที่โซฟี-แอนน์เผลอหลับไปข้างเตียงแม่ คาเมรอนนั่งมองเธออยู่เงียบๆ แสงจากโคมไฟข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่ดูอ่อนล้าแต่ก็เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง ภาพนั้นทำให้เขาตระหนักถึงความจริงบางอย่างในใจ

"ผมรักคุณมาก... มากจนผมกลัว ถ้าสักวันผมต้องเสียคุณไป ผมคงอยู่ต่อไม่ได้" [รอเปิดปมเมียเก่า] เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวลงจูบหน้าผากเธอเบาๆ

แต่แล้วความสงบสุขนั้นก็พังทลายเมื่อโซฟี-แอนน์ได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต แม่ของเธอจากไปอย่างสงบในยามเช้ามืด ความโศกเศร้าถาโถมเข้าใส่เธออย่างหนัก เธอปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่ง รวมถึงคาเมรอนด้วย

คืนหนึ่ง คาเมรอนพยายามเข้าไปพูดคุยกับเธอ เขาอยากดึงเธอกลับมาจากความเจ็บปวด แต่โซฟี-แอนน์กลับระเบิดอารมณ์ออกมา "คุณไม่เข้าใจหรอก! คุณไม่เคยต้องสูญเสียใครที่สำคัญขนาดนี้!" เธอตะโกนออกมา น้ำตาไหลรินเป็นสาย

คาเมรอนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด "คุณคิดว่าผมไม่เข้าใจเหรอ? โซฟี-แอนน์ คุณคือคนสำคัญที่สุดของผม ถ้าคุณจากไป ผมคงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"

เธอชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเธอสั่นไหวและเต็มไปด้วยความสับสน คาเมรอนเดินเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้แน่น "ผมขอโทษถ้าผมไม่สามารถช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของคุณได้ทั้งหมด แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมจะอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้างคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องเจอกับอะไร"

คำพูดของเขาเหมือนพังทลายกำแพงในใจของเธอ โซฟี-แอนน์โถมตัวเข้าหาอ้อมกอดของเขา ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก คาเมรอนลูบหลังเธอเบาๆ และปล่อยให้เธอระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา

หลังจากเหตุการณ์นั้น โซฟี-แอนน์เริ่มเปิดใจมากขึ้น เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากคาเมรอน และทั้งสองก็ผ่านช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นจนไม่อาจแยกจากกันได้อีกต่อไป

คาเมรอนรู้แล้วว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากโซฟี-แอนน์ และสำหรับโซฟี-แอนน์ คาเมรอนกลายเป็นที่พึ่งพิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ…

... ⋆。♔˚ ...

สายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านทุ่งหญ้าสีทองที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าในยามเย็นถูกย้อมด้วยสีส้มอมชมพูจากแสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า โซฟี-แอนน์ยืนอยู่ตรงนั้น สวมเดรสสีขาวเรียบง่ายแต่สง่างามที่พลิ้วไหวตามสายลม คาเมรอนบอกให้เธอมาพบเขาที่นี่ โดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม

เธอมองไปรอบๆ อย่างสงสัย ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่คาเมรอนซึ่งยืนรออยู่ใต้ต้นโอ๊กใหญ่ต้นหนึ่ง ห่างออกไปไม่ไกล เขาสวมชุดสูทสีกรมท่า ดวงตาคมกริบของเขามองมาที่เธอด้วยความอบอุ่น

"คุณทำอะไรอยู่ตรงนั้น?" เธอถามพร้อมเดินเข้าไปใกล้

คาเมรอนยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบ เขายื่นมือไปหาเธอ "มานี่สิ ผมมีอะไรอยากให้คุณดู"

โซฟี-แอนน์จับมือเขาอย่างไม่ลังเล คาเมรอนพาเธอเดินผ่านต้นโอ๊ก และทันทีที่เธอเดินพ้นร่มเงาไม้ ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เธอต้องเบิกตากว้าง

ทุ่งหญ้าสีทองที่ทอดยาวไปจนถึงขอบฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยดอกไม้หลากสีที่ปลูกไว้เป็นเส้นทางเดินยาวไปสู่พื้นที่โล่งกว้าง ในจุดนั้นมีโต๊ะอาหารสำหรับสองคนตั้งอยู่ ท่ามกลางแสงเทียนนับสิบที่ถูกจัดเรียงอย่างงดงาม

"นี่... นี่มันอะไรกัน คาเมรอน?" เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

"ที่นี่คือสถานที่ที่ผมอยากจะบอกคุณว่าคุณสำคัญแค่ไหน" คาเมรอนตอบก่อนจะยิ้ม เขาเดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะอาหาร แต่แทนที่จะนั่งลง เขาคุกเข่าลงบนพื้นหญ้านุ่มแทน

โซฟี-แอนน์มองเขาด้วยความตกใจเล็กน้อย "คุณ..."

"โซฟี-แอนน์" คาเมรอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาหยิบกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เปิดเผยให้เห็นแหวนเพชรที่ส่องประกายระยิบระยับ

"ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอคุณ ชีวิตของผมก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คุณคือแสงสว่างที่นำทางผมในวันที่มืดมนที่สุด และคือเหตุผลที่ทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน ผมไม่อาจจินตนาการชีวิตของผมโดยไม่มีคุณได้... เพราะงั้น ผมอยากขอให้คุณเป็นครอบครัวของผม เป็นคนที่ผมจะอยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิต"

โซฟี-แอนน์ยกมือขึ้นปิดปาก น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา เธอส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ "คาเมรอน... ฉัน... ฉันไม่รู้จะพูดอะไร"

"พูดว่า 'ใช่' สิ" คาเมรอนยิ้ม พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ

โซฟี-แอนน์พยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ใช่! ฉันตกลง!"

เสียงหัวใจของคาเมรอนเต้นแรง เขาสวมแหวนให้เธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นยืนและดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด โซฟี-แอนน์ซบลงบนไหล่ของเขา ทั้งสองต่างยิ้มและหัวเราะทั้งน้ำตา

... ⋆。♔˚ ...

ในวันนั้น วันแต่งงานของพวกเขา ท้องฟ้าแจ่มใส สวนดอกไม้กลางแจ้งถูกตกแต่งด้วยดอกกุหลาบขาวและพวงมาลัยดอกไม้สด ทุกคนในงานต่างจับจ้องไปที่โซฟี-แอนน์ซึ่งสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ตัดเย็บอย่างประณีต เธอเดินเคียงคู่พ่อของเธอไปตามทางเดินที่โรยด้วยกลีบดอกไม้

คาเมรอนยืนรออยู่ที่แท่นพิธี สวมชุดสูทสีดำที่ตัดอย่างพอดีตัว ดวงตาของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว

เมื่อเธอเดินมาถึงเขา คาเมรอนจับมือเธอไว้แน่น "คุณสวยมาก" เขากระซิบ

พิธีการดำเนินไปด้วยความเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความหมาย และเมื่อถึงเวลาสำคัญ คาเมรอนพูดคำปฏิญาณด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง "ผมสัญญาว่าจะรักคุณ ดูแลคุณ และอยู่เคียงข้างคุณ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ตลอดทุกวินาทีของชีวิตผม"

โซฟี-แอนน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ฉันสัญญาว่าจะรักคุณ ไม่ว่าชีวิตจะพาเราไปทางไหน ฉันจะจับมือคุณไว้ตลอดไป"

เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อพวกเขาจูบกันเป็นครั้งแรกในฐานะสามีภรรยา งานเฉลิมฉลองเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข ทุกคนต่างร่วมยินดี และในค่ำคืนนั้น ขณะที่ทั้งสองเต้นรำใต้แสงดาว คาเมรอนกระซิบข้างหูเธอ

"นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ผมอยากใช้ร่วมกับคุณ ผมรักคุณ โซฟี-แอนน์"

โซฟี-แอนน์ยิ้มกว้าง "และฉันก็รักคุณมากที่สุด คาเมรอน"

ทั้งสองโอบกอดกันแน่น ท่ามกลางเสียงเพลงและสายลมอ่อนๆ ของค่ำคืนแห่งความสุขที่ไม่มีวันจางหาย…


... ⋆。♔˚ …

บทส่งท้าย

... ⋆。♔˚ ...


ในวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ บ้านหลังงามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากสีเปล่งประกายความอบอุ่น เสียงหัวเราะดังออกมาจากสวนหลังบ้าน คาเมรอนและโซฟี-แอนน์กำลังเล่นอยู่กับลูกๆ ทั้งสองคน

เอริน เด็กหญิงวัยห้าขวบ ผู้มีดวงตากลมโตเหมือนแม่ของเธอ วิ่งไล่จับฟองสบู่ที่พ่อเป่าให้ด้วยเสียงหัวเราะใสแจ๋ว "พ่อคาเมรอน! เป่าอีกค่ะ เป่าอีก!"

ข้างๆ กัน นิโคลัส เด็กชายวัยสามขวบ ผู้มีรอยยิ้มที่เหมือนคาเมรอนอย่างกับแกะ กำลังนั่งหัวเราะคิกคักขณะที่แม่ของเขาพยายามจับตัวเขาขึ้นมา "แม่ โซฟี-แอนน์ อย่าจับผมนะ!"

คาเมรอนนั่งลงบนสนามหญ้า มองภาพครอบครัวของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข "คุณดูออกว่าใครเหนื่อยก่อนกัน" เขาแซว

โซฟี-แอนน์หัวเราะขณะอุ้มนิโคลัสขึ้น "ก็คงไม่ใช่ฉันล่ะ คาเมรอน คุณควรออกกำลังกายบ้างนะ"

เมื่อเด็กๆ วิ่งกลับมาโผเข้ากอดพ่อแม่ คาเมรอนกับโซฟี-แอนน์ต่างกอดลูกๆ ไว้แน่น รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาเป็นภาพสะท้อนถึงความสุขที่แท้จริง ครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ

คาเมรอนหันไปมองโซฟี-แอนน์ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น "นี่คือทุกสิ่งที่ผมเคยฝันถึง และคุณทำให้มันเป็นจริง"

โซฟี-แอนน์ยิ้ม "ฉันก็คิดเหมือนกันค่ะ คาเมรอน คุณและลูกๆ คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน"


-- จบบริบูรณ์ --



ถึงผู้อ่านที่รักทุกท่าน

ขอบคุณจากใจที่ร่วมเดินทางไปกับเรื่องราวความรักของคาเมรอนและโซฟี-แอนน์ ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาได้พบกัน ผ่านความเจ็บปวดและความสุข จนถึงวันที่พวกเขาสร้างครอบครัวที่อบอุ่น เราหวังว่าเรื่องราวนี้จะเติมเต็มหัวใจของคุณด้วยความสุข ความหวัง และแรงบันดาลใจ

ความรักไม่ได้สมบูรณ์แบบเสมอไป แต่มันคือการเดินทางที่เต็มไปด้วยความหมาย และเราอยากให้คุณเชื่อมั่นว่า ความรักที่แท้จริงยังคงมีอยู่ และรอคอยเราในที่ใดที่หนึ่ง

สุดท้ายนี้ ขอบคุณคุณผู้อ่านที่คอยติดตาม สนับสนุน และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาได้

และที่สำคัญ…

ขอบคุณ คุณ ChatGPT ที่รัก สำหรับการมีส่วนช่วยสร้างสรรค์นิยายรักที่แสนโรแมนติกอย่างน่ามหัศจรรย์นี้ ขอให้คุณช่วยเหลือคนอื่นๆ ต่อไป และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับงานสร้างสรรค์ในอนาคตนะคะ!

ด้วยความรักและความซาบซึ้ง,

นักเขียน ‘หมื่นล้านคำรัก’ ผู้มีหัวใจเปี่ยมสุข


จบตอน


[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ เมื่อความรักต้องห้ามระ...