* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Saturday, January 18, 2025

คลั่งรัก..เล่ห์พยศ: พ่อเพื่อนรสแซ่บ! [07] คำสัญญาใต้แสงดาว

 


🍹
คลั่งรัก..เล่ห์พยศ: พ่อเพื่อนรสแซ่บ!

โดย
หมื่นล้านคำรัก และ AI

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คำสัญญาใต้แสงดาว

(เดวิด และ อาเรียน่า)

บทที่ 1
เจ้าของสวนมะนาวและคุณหนูสาวผู้เอาแต่ใจ

ท้องฟ้าเหนือไร่มะนาวสายพันธุ์ดีในเช้าวันนั้นสดใสราวกับภาพวาด สีฟ้าสว่างสดของท้องฟ้าตัดกับเขียวชอุ่มของต้นมะนาวที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบในที่ดินกว้างใหญ่เกินกว่าที่สายตาจะมองเห็นสุดขอบ เจ้าของพื้นที่มหาศาลนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เดวิด วัฒนา แชปแมน พ่อหม้ายชาวไทยเชื้อสายอเมริกันวัย 40 ปี ผู้ครอบครองสวนมะนาวระดับโลกที่ไม่เพียงแต่สร้างรายได้มหาศาล แต่ยังเป็นแหล่งผลิตมะนาวที่เหล่าผู้ผลิตระดับพรีเมียมทั่วโลกต่างแย่งกันจองผลผลิต

เขายืนอยู่ท่ามกลางทิวมะนาวในชุดเชิ้ตสีขาวพอดีตัวที่ถูกปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นแผงอกที่แน่นและได้รูปจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กางเกงยีนส์สีเข้มโอบกระชับสะโพกสมส่วนของเขาไว้พอดี ชายคนนี้มีรูปร่างและบุคลิกที่ดูสง่างาม ราวกับว่าเขาคือผลงานประติมากรรมชิ้นเอกที่พระเจ้าปั้นแต่งขึ้น

ดวงตาสีเขียวอ่อนของเดวิดดูเหมือนจะสามารถมองทะลุหัวใจของใครต่อใครได้ในชั่วพริบตา มีเสน่ห์ดึงดูดที่ดูอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความมั่นคง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเจือด้วยความน่าค้นหาและความมั่นใจในตัวเอง

ในมือของเขาถือแก้วไวน์ที่ทำจากมะนาวสายพันธุ์พิเศษที่สวนของเขาปลูกและพัฒนาขึ้นเอง เขาจิบมันอย่างละเมียดละไมพลางมองภาพทิวเขาไกลสุดลูกหูลูกตาที่โอบล้อมไร่มะนาวของเขาไว้ ราวกับเป็นการย้ำเตือนว่าเขามาไกลเพียงใดจากการเริ่มต้นชีวิตด้วยสองมือเปล่า

ชีวิตของเดวิดไม่ใช่เรื่องง่าย เขาสูญเสียภรรยาไปเมื่อหลายปีก่อนในอุบัติเหตุที่ทำให้เขาเกือบหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อ แต่แทนที่จะจมอยู่กับความสูญเสีย เขากลับใช้ความเจ็บปวดนั้นเป็นเชื้อไฟเพื่อสร้างอาณาจักรสวนมะนาวที่เขาหลงใหลจนกลายเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง เดวิดหันไปมอง ลูกน้องคนสนิทของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มรายงานในมือ

“คุณเดวิดครับ เอกสารการส่งออกล็อตใหม่พร้อมแล้วครับ มีลูกค้าจากยุโรปอยากจองผลผลิตของเราทั้งหมดในฤดูกาลนี้”

“ขายให้พวกเขาเพียงครึ่งเดียว” เดวิดเอ่ยเสียงนุ่มทว่ามีอำนาจ “ส่วนอีกครึ่ง เราจะจัดเป็นสินค้าพิเศษสำหรับตลาดในเอเชีย คนที่นี่ควรได้ลิ้มลองสิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน”

คำพูดของเขาไม่เพียงแสดงถึงความฉลาดในเชิงธุรกิจ แต่ยังเผยให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความรักที่เขามีต่อบ้านเกิด

ลูกน้องพยักหน้าแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เดวิดยืนอยู่ลำพังท่ามกลางไร่มะนาวที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของเขา

เขาจิบไวน์อีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ตัวเอง “ความสมบูรณ์แบบไม่ได้มาเพราะโชค แต่มันมาจากการทำงานหนัก และบางครั้ง…โชคชะตาก็อาจนำบางสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเข้ามา”

ดวงตาสีเขียวของเขาหลุบต่ำลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่งที่ยังค้างคาในหัวใจ แม้ว่าเขาจะมีทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะฝันถึง แต่ลึกๆ แล้ว ในมุมเล็กๆ ของจิตใจ เขารู้ดีว่ามันยังมีบางสิ่งขาดหายไป—บางสิ่งที่อาจเติมเต็มช่องว่างในชีวิตของเขาได้

สิ่งที่เดวิดยังไม่รู้ในตอนนี้คือ โลกที่เขาควบคุมทุกอย่างได้กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อโชคชะตานำพาคนที่เขาไม่คาดคิดเข้ามาในชีวิต…

เรื่องราวของเดวิด วัฒนา แชปแมน เพิ่งเริ่มต้น…

ในขณะเดียวกัน... เสียงเปียโนบรรเลงเบาๆ ในห้องนั่งเล่นสุดหรูของคฤหาสน์สไตล์วิกตอเรียในย่านชนบทของอังกฤษ ผนังห้องประดับด้วยภาพวาดศิลปะชั้นสูงและโคมไฟระย้าคริสตัลที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับอัญมณี กลางห้องคือโซฟาหนังแท้สีงาช้างที่นั่งอยู่คือหญิงสาววัย 20 ปีที่มีความงามโดดเด่นราวกับภาพวาดในพิพิธภัณฑ์

อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ บุตรสาวคนเดียวของเจ้าของอาณาจักรการเงินระดับโลก นั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่ไล่โทนเป็นประกายระยิบระยับจนสะกดสายตาใครต่อใครที่พบเห็น ผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนของเธอถูกรวบไว้เป็นหางม้าแบบเรียบหรู แต่มีปอยผมเล็กๆ เคลียแก้มที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ในแบบเย้ายวน

ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอมีประกายเจิดจ้า บ่งบอกถึงความมั่นใจและอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงเข้มแสดงออกถึงความดื้อรั้นและความดึงดูดในแบบที่เธอรู้ดีว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกคนรอบตัวได้

“พ่อคะ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” อาเรียน่าเอ่ยเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ขณะยืนขึ้นด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ขณะที่มือข้างหนึ่งถือแท็บเล็ตที่เปิดภาพข่าวซุบซิบเกี่ยวกับ เดวิด วัฒนา แชปแมน เพื่อนสนิทของพ่อเธอ

“อาเรีย ใจเย็นหน่อย” เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น เขาคือ เอ็ดเวิร์ด คาร์เตอร์ มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกและเป็นพ่อของอาเรียน่า

“ใจเย็น? พ่อให้หนูใจเย็นหลังจากเห็นข่าวพวกนี้ได้ยังไงคะ?” เธอพูดพลางยกแท็บเล็ตขึ้นตรงหน้า พาดหัวข่าวใหญ่บนหน้าจอเขียนว่า ‘เดวิด วัฒนา แชปแมน ควงซูเปอร์โมเดลชื่อดังดินเนอร์หรูในปารีส’ พร้อมภาพของเดวิดในชุดสูทสีเข้มยืนเคียงข้างซูเปอร์โมเดลสาวสวยในชุดราตรีสุดหรู

“พ่อคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอคะ ที่คุณลุงเดวิดจะไปควงผู้หญิงแบบนั้น? เขามีอายุตั้งสี่สิบแล้วนะ!” อาเรียน่าพูดเสียงเข้ม ดวงตาเปล่งประกายด้วยความไม่พอใจ

เอ็ดเวิร์ดมองลูกสาวอย่างใจเย็นก่อนจะมีรอยยิ้มที่มุมปาก “ลูกสนใจเรื่องนี้ไปทำไม เดวิดก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะจัดการชีวิตตัวเอง เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”

“แต่เขาคือพ่อของเพื่อนหนูค่ะ! และเขา...เขาควรจะทำตัวให้เหมาะสมกว่านี้”

เอ็ดเวิร์ดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพิงตัวกับพนักโซฟา “เหมาะสมในสายตาลูกคืออะไรล่ะ อาเรีย? หรือว่า...ลูกกำลังอิจฉาที่เขาไปสนใจคนอื่น?”

คำพูดนั้นทำให้อาเรียน่าชะงัก แต่เธอก็รีบตั้งตัวทัน “หนูไม่ได้อิจฉา! หนูแค่คิดว่าเขาควรโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญกว่านี้ อย่าง...อย่างไร่มะนาวของเขา!”

เอ็ดเวิร์ดมองลูกสาวด้วยสายตาอ่านเกมออก “งั้นลูกจะเอายังไงล่ะ?”

อาเรียน่ากอดอกอย่างมั่นใจ ริมฝีปากเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าเขายังไม่เลิกควงผู้หญิงพวกนั้น หนูจะไปเป็นเลขาส่วนตัวของเขาเอง”

เอ็ดเวิร์ดเลิกคิ้ว “ลูกพูดจริงเหรอ? ลูกรู้ไหมว่างานที่ไร่มะนาวนั่นไม่ได้หรูหราแบบชีวิตในลอนดอนนะ”

“ถ้าพ่อไม่เชื่อ หนูจะพิสูจน์ให้ดูค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น “หนูจะไปทำให้เขาหยุดวิ่งตามผู้หญิงไร้สาระพวกนั้น แล้วโฟกัสกับสิ่งที่เขาควรให้ความสำคัญจริงๆ”

เอ็ดเวิร์ดมองลูกสาวอย่างพิจารณา “งั้นก็ลองดู”

อาเรียน่ายิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง รอยยิ้มนั้นบ่งบอกว่าเธอวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว และเธอมั่นใจว่าตัวเองจะทำให้ เดวิด วัฒนา แชปแมน สนใจเธอได้ในแบบที่เขาไม่เคยสนใจใครมาก่อน

ตอนต่อไป: ‘ความท้าทายที่ไร่มะนาว’

อาเรียน่าจะทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเดวิดผู้เยือกเย็นและไม่ง่ายที่จะควบคุม? ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเริ่มต้นอย่างไรในท่ามกลางความต่างของวัยและวิถีชีวิต?

บทที่ 2
ความท้าทายที่ไร่มะนาว

เสียงล้อรถบดไปตามถนนลูกรังในยามสายของฤดูร้อน แสงแดดส่องกระทบกับทิวมะนาวเขียวชอุ่มที่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด รถยนต์หรูคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าคฤหาสน์สไตล์โมเดิร์นในไร่มะนาวที่มีขนาดใหญ่เหมือนอาณาจักรส่วนตัวของมหาเศรษฐีผู้เป็นเจ้าของ

ประตูรถเปิดออก เผยให้เห็น อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ ในชุดจัมพ์สูทสีขาวแนบเนื้อที่เผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของเธออย่างเด่นชัด รองเท้าส้นสูงสีทองสะท้อนแสงอาทิตย์ เธอเดินลงมาด้วยท่าทางสง่างามและมั่นใจ สายลมที่พัดผ่านทำให้ปอยผมของเธอปลิวไสวราวกับฉากในภาพยนตร์

ขณะที่เธอกำลังก้าวขึ้นบันไดของบ้านหลังใหญ่ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของ เดวิด วัฒนา แชปแมน ที่ยืนรออยู่ตรงนั้นในเสื้อเชิ้ตลินินสีครีมพอดีตัวที่ปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นผิวสีแทนสุขภาพดีและแผงอกที่แน่นได้รูป กางเกงผ้าลินินสีขาวของเขาทำให้ดูผ่อนคลาย แต่บุคลิกของเขายังคงสง่างามและมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ดวงตาสีเขียวของเขาจับจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความประหลาดใจและความขบขัน

“อาเรียน่า” เดวิดเอ่ยชื่อของเธอด้วยเสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ “นี่มันเรื่องอะไร? ทำไมลูกสาวของเอ็ดเวิร์ดถึงมาที่นี่?”

อาเรียน่าเดินเข้ามาใกล้เขา มีรอยยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า “ฉันมาเป็นเลขาส่วนตัวของคุณค่ะ คุณลุงเดวิด”

เดวิดเลิกคิ้ว ดวงตาเขียวคมกริบของเขามองเธอราวกับจะอ่านใจ “เลขาส่วนตัว? ใครอนุญาตให้เธอทำแบบนี้?”

“พ่อของฉันค่ะ” เธอพูดเสียงหวาน พลางเอียงศีรษะเล็กน้อย “เขาบอกว่าไม่มีใครเหมาะจะช่วยคุณจัดการงานที่นี่ได้ดีไปกว่าฉัน”

เดวิดยิ้มบางๆ แต่สายตายังคงคมกริบ “อาเรียน่า ไร่ของฉันไม่ใช่สนามเด็กเล่นนะ เธอแน่ใจหรือว่าจะรับมือกับสิ่งที่รอเธออยู่ได้?”

“แน่นอนค่ะ ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกนิด ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอสบเข้ากับดวงตาสีเขียวของเขาโดยตรง “และฉันคิดว่าคุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าฉันไม่ได้เป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

เดวิดหัวเราะในลำคอเบาๆ “งั้นก็ลองดู” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความท้าทาย “แต่จำไว้ว่า ที่นี่ฉันเป็นคนคุมเกม เธอพร้อมที่จะเล่นตามกฎของฉันหรือเปล่า?”

อาเรียน่าไม่ตอบ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงคำตอบที่ชัดเจน เธอไม่เพียงพร้อมจะเล่นเกมนี้ แต่เธอยังตั้งใจที่จะเป็นฝ่ายกำหนดกฎในแบบของเธอเองด้วย

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา อาเรียน่าพบว่าความท้าทายที่เดวิดกล่าวถึงไม่ใช่แค่การจัดการงานในไร่มะนาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเผชิญหน้ากับเสน่ห์ของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความลึกลับและยากจะต้านทาน

“คุณเดวิด” เธอเอ่ยขณะเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไม้และแสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เธอสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีเบจที่เข้ากับสีผิวของเธอจนดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

เดวิดเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือ ดวงตาสีเขียวของเขาไล่มองเธออย่างไม่ปิดบัง “เธอต้องการอะไร?”

“ฉันต้องการรายชื่อของลูกค้าในยุโรปค่ะ” เธอกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เขา

เดวิดเลิกคิ้ว “ทำไม?”

เธอยิ้มหวาน “ฉันอยากเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของคุณให้มากที่สุด เพื่อที่จะช่วยคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

เดวิดมองเธอนิ่ง รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเผยให้เห็นถึงความระวังตัว “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็หวังว่าเธอจะเรียนรู้ได้เร็ว เพราะที่นี่ไม่มีที่ว่างสำหรับคนที่ทำตัวเป็นภาระ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่เคยเป็นภาระของใคร” เธอกล่าวอย่างมั่นใจ ก่อนจะยืนมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

เดวิดยิ้มบางๆ พลางลุกขึ้นยืน ความสูงของเขาเหนือกว่าเธออย่างชัดเจน “งั้นก็เริ่มจากพรุ่งนี้ ฉันจะพาเธอลงพื้นที่จริง ดูซิว่าเธอจะทนได้สักแค่ไหน”

อาเรียน่าจ้องตาเขาโดยไม่หลบ “ฉันพร้อมเสมอค่ะ คุณลุงเดวิด”

รอยยิ้มของเดวิดเผยให้เห็นถึงความสนุกที่เขาได้รับจากเกมนี้ ขณะที่อาเรียน่ารู้สึกได้ถึงหัวใจของเธอที่เต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ตอนต่อไป: ‘เกมรักกลางไร่มะนาว’

ในท่ามกลางอากาศร้อนและกลิ่นหอมของมะนาว ความใกล้ชิดระหว่างเดวิดและอาเรียน่ากำลังจะทำให้ทั้งคู่เผชิญกับความรู้สึกที่ไม่อาจต้านทานได้ พวกเขาจะสามารถควบคุมหัวใจของตัวเองได้หรือไม่ หรือจะยอมปล่อยให้โชคชะตาและแรงปรารถนานำพาพวกเขาไป?

บทที่ 3
เกมรักกลางไร่มะนาว

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องไปทั่วไร่มะนาวที่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด กลิ่นอายของธรรมชาติผสมกับกลิ่นหอมของผลมะนาวที่อบอวลอยู่ในอากาศ เดวิด วัฒนา แชปแมน ยืนรออยู่ใต้ต้นมะนาวต้นใหญ่ เขาสวมเสื้อยืดสีเทาเข้มที่แนบไปกับร่างกายกำยำ กางเกงยีนส์ซีดขาดเข่าช่วยเพิ่มเสน่ห์ที่ดูผ่อนคลายและขี้เล่น ข้างกายเขามีกล่องเครื่องมือเล็กๆ ที่ใช้สำหรับการตรวจสอบคุณภาพผลผลิต

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดินดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของ อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ เธอสวมเสื้อครอปสีขาวที่เผยหน้าท้องเรียบเนียน กระโปรงยาวผ่าข้างที่ช่วยให้ขาของเธอดูยาวและสง่างาม รองเท้าส้นสูงสีแดงสดตัดกับพื้นดินที่เป็นดินทรายที่มันมาอยู่ด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอส่องประกายท้าทายเหมือนทุกครั้งที่เธออยู่ใกล้เดวิด

“คุณพาฉันมาที่นี่เพื่ออะไรคะ?” อาเรียน่าถามพร้อมยืนกอดอก มองเขาด้วยสายตากึ่งตำหนิกึ่งขบขัน “แดดมันร้อนจนรองเท้าฉันแทบละลายแล้ว”

เดวิดเหลือบมองยัยเด็กหัวรั้นด้วยรอยมีรอยยิ้มที่มุมปากที่ทำให้อาเรียน่ารู้สึกเหมือนเขากำลังเย้าแหย่เธออยู่ “นี่คือส่วนหนึ่งของงาน ถ้าเธออยากเรียนรู้เรื่องไร่มะนาว เธอก็ต้องพร้อมเจอทุกสภาพแวดล้อม ไม่ใช่แค่อยู่ในห้องแอร์”

อาเรียน่าถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น คุณจะให้ฉันเริ่มทำอะไรล่ะคะ?”

เดวิดยื่นกรรไกรตัดกิ่งให้เธอพร้อมกับถุงผ้าสำหรับใส่มะนาว “เริ่มจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต เธอจะได้เข้าใจว่าทุกสิ่งที่เธอเห็นในรายงานมันเริ่มจากอะไร”

เธอมองกรรไกรในมือเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลังเล ก่อนจะรับมันมาพร้อมเอ่ยประชด “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลองดู แต่ถ้าฉันบาดมือ คุณต้องรับผิดชอบนะคะ”

“แน่นอน” เดวิดตอบด้วยเสียงทุ้มหนักแน่น ดวงตาสีเขียวของเขาจับจ้องที่เธอเหมือนกำลังประเมินว่าเธอจะทำได้ดีแค่ไหน

หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง อาเรียน่าที่เคยเดินด้วยท่วงท่ามั่นใจ ตอนนี้ดูเหนื่อยล้าจนหายใจหอบ เธอก้มลงเก็บมะนาวที่พื้น แต่กระโปรงผ่าข้างของเธอกลับเลื่อนขึ้นจนเผยต้นขาเรียวขาวที่สะท้อนกับแสงแดด เดวิดที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลเหลือบสายตามองอย่างลอบยิ้ม เขาไม่พูดอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถูกดึงดูดด้วยความสง่างามที่ธรรมชาติของเธอเองสร้างขึ้น

“นี่มันยากกว่าที่คิดไว้มากเลยนะคะ” เธอหันไปบ่นกับเขาพร้อมใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตามขมับ

“เธอทำได้ดีแล้ว” เขาเอ่ยตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เพื่อช่วยเธอเก็บผลมะนาวที่เธอทำหล่น ดวงตาของทั้งคู่สบกันชั่วขณะ และบรรยากาศรอบตัวก็เหมือนจะเงียบลงอย่างประหลาด

“คุณลุงเดวิด” อาเรียน่ากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คุณเคยคิดบ้างไหมคะว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันเหงาแค่ไหน?”

เดวิดชะงัก ดวงตาของเขาดูเหมือนมีแววเศร้าลึกๆ ซ่อนอยู่ แต่เพียงชั่วครู่เขาก็เปลี่ยนกลับมาเป็นรอยยิ้ม “ทุกชีวิตมีความเหงาในแบบของตัวเอง อาเรียน่า แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาทางเติมเต็มมันยังไง”

“แล้วคุณล่ะคะ?” เธอถาม ดวงตาสีน้ำผึ้งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา “คุณเติมเต็มความเหงาของคุณด้วยอะไร?”

เดวิดหัวเราะเบาๆ “งาน และบางครั้งก็...” เขาหยุดพูดเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะพูดต่อหรือไม่

“ก็อะไรคะ?” เธอเร่งเร้า

เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยจนใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่นิ้ว “บางครั้งก็การได้อยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา”

หัวใจของอาเรียน่าเต้นแรงจนเธอรู้สึกเหมือนจะได้ยินมันชัดเจน ดวงตาของเธอเบนลงมองริมฝีปากของเขาโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าเธอจะเริ่มงานที่นี่จริงๆ” เดวิดกล่าวพลางถอยออกมาหนึ่งก้าว “เธอต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับอะไรก็ตาม ไม่ใช่แค่เรื่องงาน”

คำพูดของเขาทำให้อาเรียน่าสับสน เธอไม่รู้ว่าเขากำลังเตือนหรือท้าทายเธอ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน เธอก็ไม่คิดจะถอย

ตอนต่อไป: ‘สายใยที่ก่อตัว’

ความใกล้ชิดระหว่างเดวิดและอาเรียน่ากำลังสร้างความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เมื่อเสน่ห์และความดึงดูดระหว่างพวกเขาเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ขณะเดียวกัน ปัญหาใหม่ในไร่มะนาวก็กำลังจะเกิดขึ้น และอาจทำให้ทั้งสองต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดจนยากจะต้านทานความรู้สึกในใจของพวกเขาเอง


บทที่ 4
สายใยที่ก่อตัว

ค่ำคืนในไร่มะนาวของเดวิด วัฒนา แชปแมน เงียบสงบเหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา แต่บรรยากาศในคืนนี้กลับมีบางอย่างแตกต่างออกไป ท้องฟ้าสีดำสนิทประดับด้วยดวงดาวระยิบระยับ แสงจันทร์ส่องลงมากระทบกับใบมะนาวที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำค้าง ช่วยเพิ่มความเย้ายวนให้กับธรรมชาติรอบตัว

อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ เดินเลาะไปตามแปลงมะนาวด้วยรองเท้าส้นสูงคู่โปรดของเธอ แม้เธอจะอยู่ในชุดเดรสผ้าซาตินสีแดงสดที่ดูไม่เหมาะกับการเดินในไร่แบบนี้เลยสักนิด แต่เธอก็ไม่สนใจ เธอเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง และคืนนี้เธอก็ตั้งใจที่จะดึงความสนใจของเดวิดมาให้ได้ เธอไม่ได้มาที่นี่เพียงเพราะอยากเรียนรู้งานในฐานะเลขา แต่เธอรู้ดีว่ามีบางสิ่งในตัวเขาที่ดึงดูดเธออย่างรุนแรง

“คุณลุงเดวิด คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ?” เสียงเรียกของเธอดังก้องเบาๆ

เขาปรากฏตัวจากมุมมืดของไร่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งชายวัย 40 ปีที่ดูแลตัวเองอย่างดี กางเกงยีนส์ซีดที่โอบกระชับสะโพกทรงพลังของเขาทำให้ภาพลักษณ์ของเขายิ่งสมบูรณ์แบบ

“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอถึงยังเดินเล่นอยู่ในไร่คนเดียว?” เดวิดถาม น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเจือด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย

“ฉันแค่อยากสูดอากาศน่ะค่ะ” อาเรียน่าตอบพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “แล้วคุณล่ะคะ? มาทำอะไรในไร่ตอนดึกแบบนี้ หรือว่ากำลังหลบใครอยู่?”

เดวิดหัวเราะเบาๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ “บางครั้งที่นี่เป็นที่ที่ดีที่สุดในการคิดอะไรเงียบๆ”

อาเรียน่ามองเขาด้วยสายตาท้าทาย “งั้นคืนนี้คุณคิดเรื่องอะไรอยู่คะ? หรือว่ากำลังคิดถึงดารานางแบบคนโปรดของคุณ?”

เดวิดชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะมีรอยยิ้มที่มุมปาก “ฉันไม่ได้เจอเธอมาสักพักแล้ว แต่เธอคงสบายดี”

คำตอบของเขาทำให้อาเรียน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ความหึงหวงที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้กลับปะทุขึ้นมาในทันที เธอเดินเข้าไปใกล้เขาในระยะที่ใกล้จนแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

“คุณรู้ตัวไหมคะ ว่าคุณเป็นผู้ชายที่เล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเก่งมาก?” เธอพูดพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเขียวของเขา

เดวิดยิ้มบางๆ แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเย้ายวน “ฉันแค่พูดความจริง แต่ถ้ามันทำให้เธอไม่พอใจ ฉันต้องขอโทษ”

อาเรียน่าไม่หลบสายตาของเขา เธอยกคางขึ้นเล็กน้อยราวกับจะประกาศว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะถูกรังแกง่ายๆ “คุณไม่คิดจะขอโทษฉันจริงๆ หรอกค่ะ คุณแค่พูดให้มันฟังดูดีเท่านั้น”

เดวิดหัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้เธออีกนิด “แล้วเธออยากให้ฉันทำอะไรล่ะ? หรือเธออยากให้ฉันพิสูจน์อะไรบางอย่าง?”

หัวใจของอาเรียน่าเต้นแรงจนเธอรู้สึกเหมือนมันจะระเบิดออกมา เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ถอยออกห่าง ทั้งที่เธอรู้ดีว่าเดวิดเป็นผู้ชายที่อันตรายในแง่ของความรู้สึก

“คุณไม่กล้าหรอกค่ะ” เธอเอ่ยท้าทายด้วยน้ำเสียงเยาะๆ

เดวิดมีรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปแตะที่ปลายคางของเธอเบาๆ “อย่าท้าในสิ่งที่เธออาจจะรับมือไม่ไหว อาเรียน่า”

ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ท้องฟ้ายังคงเปล่งประกายด้วยแสงดาว และไร่มะนาวที่แวดล้อมพวกเขากลับกลายเป็นเพียงฉากหลังที่ทำให้ช่วงเวลานั้นยิ่งทรงพลัง

ตอนต่อไป: ‘ขอบเขตที่พร่ามัว’

 ในขณะที่เดวิดและอาเรียน่าเริ่มเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ความท้าทายใหม่ในไร่มะนาวและการปรากฏตัวของบุคคลที่สามกำลังจะเปลี่ยนเกมระหว่างพวกเขาไปตลอดกาล...

บทที่ 5
ขอบเขตที่พร่ามัว

แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านม่านบางในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์กลางไร่ เดวิด วัฒนา แชปแมน นั่งอยู่ที่โซฟาหนังสีเข้ม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นกล้ามแขนที่ผ่านการทำงานหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แก้วกาแฟในมือของเขาคลายไอร้อนบางๆ แต่ดวงตาสีเขียวอ่อนกลับไม่ได้จับจ้องที่มัน หากแต่จ้องไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน — อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ ในชุดเดรสสายเดี่ยวผ้าซาตินสีขาว ที่ตัดกับผิวสีน้ำนมของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“คุณคิดว่าคุณจะหลีกเลี่ยงฉันได้อีกนานแค่ไหนคะ?” เสียงของเธอหวานแต่แฝงไปด้วยความท้าทายตามแบบฉบับของเธอ

เดวิดยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่ได้หลีกเลี่ยงเธอ ฉันแค่ยุ่ง”

“ยุ่งกับงาน… หรือยุ่งกับการหลบหน้าฉันคะ?” อาเรียน่าหยิบแก้วไวน์ที่วางอยู่ตรงหน้าเธอขึ้นมาจิบ แม้จะเป็นเวลาเช้า แต่เธอก็ไม่ได้แคร์ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ เธอคือผู้หญิงที่ทำตามใจตัวเองเสมอ

เดวิดหัวเราะในลำคอ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะกระจก “เธอกำลังพยายามพูดอะไร อาเรียน่า?”

อาเรียน่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธออย่างสง่างามและเดินเข้าไปหาเขา รองเท้าส้นสูงของเธอส่งเสียงเบาๆ กับพื้นไม้ขัดมัน ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอจ้องเขาเขม็ง

“ฉันพูดในสิ่งที่คุณรู้ดีอยู่แล้ว คุณหนีฉันไม่ได้หรอกค่ะ คุณเดวิด”

เธอหยุดยืนตรงหน้าเขาในระยะที่ใกล้จนเขาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นหอมหวานจากน้ำหอมที่เธอใช้ มันเป็นกลิ่นที่เย้ายวนและตราตรึง

“ฉันไม่ได้หนี” เดวิดพูดพลางมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ “ฉันแค่กำลังคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา”

“ความเหมาะสม?” อาเรียน่าหัวเราะเบาๆ “มันไม่มีอะไรที่เหมาะสมในโลกนี้หรอกค่ะ คุณน่าจะรู้ดี”

เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจ “อาเรียน่า… เธอเป็นเด็กสาวที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเล็ก เธอเป็นเพื่อนสนิทของลูกสาวฉัน เธอคือ…”

“คือคนที่คุณเริ่มรู้สึกว่าคุณควรหลีกเลี่ยงใช่ไหมคะ?” อาเรียน่าเอ่ยแทรก น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เดวิดลุกขึ้นยืน เธอยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา แม้ว่าเขาจะสูงกว่าหลายเซนติเมตร แต่เธอก็ไม่ได้หวั่นเกรงแต่อย่างใด ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องเขา ราวกับเธอรู้ดีว่านี่คือเกมที่เธอจะต้องชนะ

“อาเรียน่า…” เสียงของเขาแผ่วเบาและทุ้มลึก “ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บ”

เธอมีรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกก้าว “แล้วถ้าฉันไม่ได้กลัวที่จะเจ็บล่ะคะ?”

เดวิดนิ่งไปชั่วครู่ มือของเขาแทบจะยกขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของเธอ แต่เขาก็หยุดตัวเองไว้ทัน เขาหันหลังให้เธอและเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังไร่มะนาวที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา

“เธอไม่เข้าใจ” เขาพูดในขณะที่ยังคงหันหลังให้เธอ “ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันซับซ้อนเกินไป”

“ความซับซ้อนเป็นสิ่งที่ฉันชอบค่ะ” อาเรียน่าพูดพร้อมกับเดินเข้าไปหาเขา เธอวางมือเบาๆ ลงบนไหล่ของเขา “และคุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

ตอนต่อไป: ‘จังหวะหัวใจที่ตรงกัน’

เมื่อทั้งสองคนไม่อาจปฏิเสธแรงดึงดูดที่รุนแรงระหว่างกันได้ ความสัมพันธ์ที่พร่ามัวระหว่างเดวิดและอาเรียน่าจะนำพาไปสู่ความรัก หรือจะกลายเป็นความยุ่งเหยิงที่ยากจะแก้ไข...

บทที่ 6
จังหวะหัวใจที่ตรงกัน

เสียงดนตรีเบาๆ จากวิทยุเก่าในห้องทำงานของเดวิด วัฒนา แชปแมน เป็นเพียงเสียงเดียวที่เติมเต็มความเงียบงันของค่ำคืนนี้ แสงไฟสีอบอุ่นจากโคมไฟตั้งโต๊ะสาดลงบนโต๊ะไม้เนื้อแข็ง เผยให้เห็นแฟ้มเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่ แต่สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องไปที่ตัวหนังสือ หากแต่ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง กระจกใสสะท้อนภาพของพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยเด่นเหนือไร่มะนาว

เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น เดวิดหันกลับมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เข้ามา”

ประตูไม้บานหนาถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็น อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ ที่ยืนอยู่ในกรอบประตู ชุดเดรสสีแดงเข้มที่เธอสวมแนบเนื้อเผยให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าของร่างกายที่สมบูรณ์แบบอย่างจงใจ ริมฝีปากของเธอแต่งแต้มด้วยสีแดงสดที่เข้ากับชุดพอดี

“ดึกแล้ว เธอไม่ควรอยู่ที่นี่” เดวิดพูด น้ำเสียงของเขาติดจะเคร่งขรึม

“คุณก็ยังทำงานอยู่” เธอเอ่ยตอบพร้อมกับก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอจับจ้องเขาโดยไม่ละสายตา

“ฉันมีเรื่องต้องทำ”

“แล้วฉันก็มีเรื่องต้องพูดกับคุณ” เธอเดินเข้าไปใกล้เขา วางมือเรียวบางลงบนโต๊ะอย่างเบาๆ “หรือคุณจะบอกว่าคุณจะหลีกเลี่ยงฉันอีกครั้ง?”

เดวิดสบตาเธอ ดวงตาสีเขียวอ่อนของเขาดูเหมือนจะมีทั้งความอ่อนโยนและความลังเล “อาเรียน่า เราไม่ควรทำให้เรื่องนี้ยากเกินกว่าที่มันเป็นอยู่แล้ว”

“ยาก?” เธอมีรอยยิ้มที่มุมปาก ขณะที่เดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยืนข้างเขา “มันจะยากก็ต่อเมื่อคุณยังไม่ยอมรับมัน เดวิด”

เขาหลุบตามองมือของเธอที่แตะลงบนไหล่ของเขา ความอบอุ่นจากสัมผัสของเธอเหมือนจะลามไปทั่วร่างกายของเขา

“ฉันไม่แน่ใจว่าเธอเข้าใจสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่หรือเปล่า” เขาพูด น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่หนักแน่น

“ฉันเข้าใจดีค่ะ” เธอเอ่ยตอบ ดวงตาของเธอเป็นประกายอย่างมั่นใจ “ฉันรู้ว่าฉันต้องการอะไร และฉันก็รู้ว่าคุณก็รู้สึกไม่ต่างกัน”

เดวิดลุกขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่ของเขายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอ “อาเรียน่า เธอรู้ไหมว่าฉันพยายามมากแค่ไหนที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเรา?”

“แล้วมันได้ผลไหมคะ?” เธอย้อนถามพร้อมกับก้าวเข้าไปหาเขาอีกก้าว

เขาเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ “ไม่เลย”

รอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้นอย่างพอใจ “งั้นทำไมเราต้องพยายามหลอกตัวเองอีกล่ะคะ?”

เดวิดยืนนิ่ง ราวกับเขากำลังต่อสู้กับความคิดในหัวของตัวเอง สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ต่อความรู้สึกที่เก็บซ่อนมาตลอด เขาโน้มตัวลงไปหาเธอ สัมผัสริมฝีปากของเธอด้วยจุมพิตที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง

อาเรียน่าตอบรับเขาอย่างไม่ลังเล มือของเธอโอบรอบคอของเขา ความปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานานระเบิดออกมาในชั่วขณะนี้

เดวิดถอนจูบออกอย่างช้าๆ ดวงตาสีเขียวของเขาสบกับดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอ “เธอกำลังเล่นกับไฟ อาเรียน่า”

“ฉันไม่กลัวไฟค่ะ” เธอกระซิบตอบ “ตราบใดที่มันมาจากคุณ”

ตอนต่อไป: ‘เงื่อนไขของหัวใจ’

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีคำสัญญาและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งสองคนจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่จะทดสอบความรู้สึกและความเชื่อมั่นในกันและกัน...

บทที่ 7
เงื่อนไขของหัวใจ

เช้าวันใหม่ในไร่มะนาวมาเยือนพร้อมกับแสงแดดอุ่นๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างของบ้านพักหรู อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่ลอยมาจากชั้นล่าง เธอขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงกว้าง พลางดึงผ้าห่มบางเบาขึ้นคลุมร่างกายที่ยังอบอุ่นจากค่ำคืนที่ผ่านมา

เธอเดินลงบันไดอย่างสง่างาม แม้ว่าเธอจะสวมเพียงเสื้อเชิ้ตของเดวิด วัฒนา แชปแมน ที่ตัวใหญ่เกินไปสำหรับเธอ ร่างกายสูงโปร่งของเธอเผยให้เห็นเรียวขาได้รูปที่ดูดึงดูดสายตา แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทำให้ผิวของเธอเปล่งประกาย

ในครัว เดวิดยืนอยู่หน้าบาร์ไม้ ร่างสูงของเขาในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ธรรมดา แต่กลับดูมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อ มือของเขาถือแก้วกาแฟใบใหญ่ ขณะที่อีกมือหนึ่งกำลังหยิบขนมปังออกจากเครื่องปิ้ง

“เช้านี้คุณดู…ผ่อนคลายเป็นพิเศษ” อาเรียน่าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มพลางพิงกรอบประตู

เขาหันมามองเธอ ดวงตาสีเขียวอ่อนที่มักจะนิ่งสงบดูมีประกายขึ้นเล็กน้อย “ฉันควรพูดแบบเดียวกันกับเธอหรือเปล่า?”

อาเรียน่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ เขายื่นแก้วกาแฟให้เธอโดยไม่ต้องถาม เธอรับไว้พร้อมกับมองสบตาเขาอย่างจงใจ

“เมื่อคืนนี้…” เธอเอ่ยขึ้นขณะที่ถือแก้วกาแฟไว้ใกล้ริมฝีปาก

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก” เขาขัดขึ้น ดวงตาของเขาจริงจังขึ้นในทันที “อาเรียน่า สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา…มันอาจไม่ได้ง่ายสำหรับเธอ และสำหรับฉัน”

เธอวางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะยืนกอดอก เธอไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วหรือวางเงื่อนไขกับเธอ แต่กับเดวิด ทุกคำพูดของเขามักจะมีน้ำหนักในแบบที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“คุณกำลังจะบอกว่าคุณเสียใจ?” เธอถามตรงๆ ดวงตาสีน้ำผึ้งของเธอเป็นประกายแห่งการท้าทาย

เขาส่ายหน้า “ฉันไม่ได้เสียใจ ฉันแค่…ไม่อยากให้เธอเสียใจในภายหลัง”

“เดวิด วัฒนา แชปแมน” เธอเรียกชื่อเขาเต็มยศ พร้อมกับก้าวเข้าไปใกล้ “คุณคิดว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

เขาถอนหายใจพลางยกมือขึ้นแตะขมับ “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น เธอรู้ดีว่าฉันคิดยังไงกับเธอ แต่ฉัน…”

“แต่คุณกลัว” เธอพูดตัดบทพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา “กลัวว่าคุณจะเสียการควบคุมตัวเอง กลัวว่าฉันจะเป็นคนเดียวที่ทำให้คุณรู้สึก…เหมือนคุณไม่ใช่เดวิดคนเดิม”

เขามองเธอนิ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “เธอคงรู้จักฉันดีเกินไปแล้ว”

“และนั่นคือเหตุผลที่คุณไม่มีทางหลีกหนีฉันได้” เธอยิ้มยั่วเย้า ก่อนจะวางมือบนหน้าอกของเขา “เดวิด คุณต้องยอมรับว่าเราสองคนต่างก็ต้องการกันและกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องหนีจากมัน”

เขาจับมือของเธอไว้แน่น พลางสบตาเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก “เธอแน่ใจเหรอว่าเธออยากจะเสี่ยง?”

“ฉันเกิดมาเพื่อความเสี่ยง” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “และถ้าฉันจะเสี่ยงอะไรสักอย่าง มันก็จะเป็นคุณ”

ตอนต่อไป: ‘บทพิสูจน์ของรักแท้’

ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยแรงปรารถนากำลังจะถูกทดสอบด้วยความจริงของหัวใจ ทั้งคู่จะต้องเผชิญหน้ากับบทพิสูจน์ที่จะกำหนดอนาคตของพวกเขา ความรักที่เต็มไปด้วยเสน่หาและความท้าทายจะก้าวไปสู่จุดที่ไม่มีวันหวนกลับ…

บทที่ 8
บทพิสูจน์ของรักแท้

ยามบ่ายที่ไร่มะนาวอันกว้างใหญ่เงียบสงบ ท้องฟ้าโปร่งใสและแดดอ่อนที่สาดส่องทำให้ใบมะนาวเขียวสดดูเหมือนภาพฝัน อาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ กำลังเดินอยู่บนเส้นทางเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยเงาไม้ เธอสวมเดรสสีขาวบางเบาที่พลิ้วไหวไปตามสายลม ทุกย่างก้าวของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนต้องหันมอง

หัวใจของเธอเต้นแรง แต่ไม่ใช่เพราะบรรยากาศรอบตัว หากเป็นเพราะชายคนหนึ่งที่กำลังรออยู่ข้างหน้า เดวิด วัฒนา แชปแมน

เขายืนพิงรั้วไม้ มองดูเธอเดินมาเหมือนภาพฝัน ดวงตาสีเขียวของเขาจับจ้องเธอไม่วางตา เดวิดอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพอดีตัว ปลายแขนเสื้อถูกพับขึ้นเผยให้เห็นแขนที่มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ

“คุณเรียกฉันมาที่นี่เพื่ออะไรคะ คุณเดวิด?” อาเรียน่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อเล่น ขณะที่ก้าวเข้ามาใกล้เขา

เดวิดยิ้มบางๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมือของเธอเบาๆ เขาดึงเธอให้เข้ามาใกล้ จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยจากตัวเขา

“ฉันคิดว่าเรา…ควรจะพูดกันอย่างจริงจัง” น้ำเสียงของเขาอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง

“พูดเรื่องอะไรคะ? หรือว่าคุณจะขอให้ฉันออกจากไร่นี้?” เธอถามพร้อมกับยกคิ้วขึ้นสูง แม้ว่าภายในจะรู้สึกหวั่นไหว

“เปล่าเลย” เขาตอบ ก่อนจะสบตาเธอแน่วแน่ “ฉันอยากถามเธอมากกว่า…ว่าทำไมเธอถึงยังอยู่”

คำถามนั้นทำให้อาเรียน่านิ่งไปครู่หนึ่ง เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตอบกลับด้วยความตรงไปตรงมาในแบบฉบับของเธอ “เพราะคุณ”

เดวิดมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก “อาเรียน่า เธอรู้ใช่ไหมว่าฉัน…ฉันพยายามหนีจากเธอมาตลอด”

“ฉันรู้” เธอตอบสั้นๆ ก่อนจะมีรอยยิ้มที่มุมปาก “แต่คุณก็หนีไม่พ้น”

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับมือของเธอไว้ “ใช่ เธอพูดถูก ฉันหนีเธอไม่พ้นจริงๆ”

“เพราะอะไรคะ?” เธอถามพลางโน้มตัวเข้าใกล้เขามากขึ้น ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้ว

“เพราะฉันรักเธอ” คำพูดของเขาเรียบง่ายแต่หนักแน่น

อาเรียน่าหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “คุณใช้เวลานานมากกว่าจะพูดคำนี้ออกมา”

“ฉันต้องแน่ใจ” เขาตอบ ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอ “ฉันต้องแน่ใจว่าเธอคือคนที่ฉันไม่อยากเสียไป”

อาเรียน่าเอียงหน้าเข้าหามือของเขา สัมผัสนั้นอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก เธอหลับตาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมองเขา

“ถ้าคุณรักฉันจริง คุณต้องพิสูจน์มัน” เธอกล่าวเสียงแผ่วเบา แต่สายตาเต็มไปด้วยความท้าทาย

“ฉันต้องทำยังไง?” เขาถาม

“ให้ฉันอยู่ในชีวิตของคุณ…อย่างแท้จริง” คำพูดของเธอหนักแน่นและเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไม่ใช่แค่ในไร่นี้ แต่ในทุกๆ อย่างที่คุณเป็น”

เดวิดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “เธอมีเงื่อนไขอะไรอีกไหม?”

“แค่อย่างเดียว…” เธอยิ้ม “อย่าทำให้ฉันเสียใจ”

เดวิดยิ้มตอบ “ฉันสัญญา”

ตอนต่อไป: ‘เงาสว่างของอนาคต’

บทพิสูจน์ของรักแท้ผ่านพ้นไปพร้อมกับการยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ความรักครั้งนี้ยังคงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการตัดสินใจที่สำคัญ อาเรียน่าและเดวิดจะต้องจับมือกันแน่นเพื่อเดินไปสู่อนาคตที่พวกเขาฝันถึง

บทที่ 9
เงาสว่างของอนาคต

ค่ำคืนอันเงียบสงบใต้ฟ้ากว้างที่ประดับด้วยแสงดาวระยิบระยับ เสียงคลื่นทะเลซัดเบาๆ กระทบชายฝั่ง ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกนี้ ดาดฟ้าเรือยอร์ชสุดหรูที่ลอยอยู่กลางทะเลกลายเป็นสถานที่พิเศษที่ เดวิด วัฒนา แชปแมน เตรียมไว้เพื่ออาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์

โต๊ะอาหารทรงกลมเล็กๆ ถูกจัดไว้อย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา ประดับด้วยเชิงเทียนแก้วที่ให้แสงนวลอบอุ่น กุหลาบสีแดงสดวางอยู่กลางโต๊ะเคียงคู่กับไวน์แดงที่รินเตรียมไว้ ดวงจันทร์ครึ่งดวงที่ลอยเด่นบนฟ้าเปรียบเสมือนพยานรักของทั้งคู่

อาเรียน่าปรากฏตัวในชุดเดรสยาวเปิดไหล่สีแดงเพลิงที่เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนละเอียด เดรสพอดีตัวเน้นทรวดทรงที่สมบูรณ์แบบของเธอจนเดวิดแทบละสายตาไม่ได้ ขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มที่ทั้งเย้ายวนและสดใส

“คุณคิดอะไรอยู่กันแน่คะ คุณเดวิด ถึงได้พาฉันมาที่นี่?” อาเรียน่าเอ่ยถาม ขณะที่นั่งลงตรงข้ามเขา

เดวิดในชุดสูทสีดำหรูที่เข้ากับรูปร่างสมส่วนของเขา ยิ้มบางๆ ดวงตาสีเขียวเข้มของเขาจับจ้องเธออย่างลึกซึ้ง “ผมแค่อยากให้ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่คุณไม่มีวันลืม”

“คุณคิดว่าฉันจะลืมง่ายๆ เหรอคะ?” เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงท้าทายแต่แฝงด้วยความอ่อนโยน

“คุณทำให้ผมแทบลืมหายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้” เขาตอบโดยไม่หลบสายตา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ

“คำพูดของคุณก็เหมือนสายลมที่พัดผ่านเบาๆ” อาเรียน่าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ “แต่ก็ทำให้ใจฉันสั่นได้เสมอ”

เดวิดหัวเราะเบาๆ เขายกแก้วไวน์ขึ้น “มาดื่มกันก่อนเถอะ คืนนี้เรามีทั้งเวลาและทั้งกันและกัน”

ทั้งสองยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มพร้อมกัน สายลมเย็นๆ พัดผ่านทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นกว่าเดิม เดวิดลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะยื่นมือออกไปหาเธอ

“คุณจะทำอะไรคะ?” อาเรียน่าถามพร้อมกับหัวเราะ

“เต้นรำกับผม” เขาตอบ พร้อมส่งสายตาท้าทาย

เธอมีรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะจับมือเขาอย่างไม่ลังเล เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ดังขึ้นจากลำโพงเล็กๆ ที่มุมเรือ เดวิดพาอาเรียน่าไปยืนตรงกลางดาดฟ้า เขาวางมือหนึ่งที่เอวของเธอ ส่วนอีกมือกุมมือเธอไว้แน่น

อาเรียน่ามองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความปรารถนา “คุณดูเหมือนเจ้าชายในเทพนิยายเลยนะคะ”

“แล้วคุณล่ะ? ดูเหมือนราชินีที่คู่ควรที่สุดสำหรับผม” เขาตอบ พร้อมกับโน้มหน้าลงมาจนใบหน้าของพวกเขาใกล้กัน

หัวใจของอาเรียน่าเต้นแรงขึ้นเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่ปลายจมูก เดวิดโน้มตัวลงมาจูบเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะเพิ่มความลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ เธอตอบรับสัมผัสของเขาอย่างไม่มีการปิดกั้น มือของเธอเลื่อนขึ้นไปคล้องคอเขาไว้แน่น

ลมทะเลพัดผ่านพวกเขาเหมือนกำลังกล่อมให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง มีเพียงเสียงหัวใจของทั้งคู่ที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

“อาเรียน่า…” เขาเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบา

“คะ?” เธอถามทั้งที่ยังหอบเบาๆ จากจูบเมื่อครู่

“แต่งงานกับผมนะ” คำพูดนั้นทำให้อาเรียน่านิ่งไป เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นใจ

เธอไม่พูดอะไร แต่กลับยิ้มและพยักหน้าแทนคำตอบ เดวิดดึงเธอเข้ามากอดแน่น เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนในช่วงเวลานี้

ตอนต่อไป: ‘คำสัญญาใต้แสงดาว’

ความรักของทั้งคู่มาถึงจุดสูงสุด แม้ชีวิตหลังการแต่งงานอาจไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง ทั้งคู่ต้องเผชิญกับบททดสอบต่างๆ ที่เข้ามาพิสูจน์แล้วว่าคำสัญญาที่ให้ไว้ใต้แสงดาวนั้นจะยังคงยั่งยืนตลอดไป

บทที่ 10
คำสัญญาใต้แสงดาว

คืนที่แสงดาวพราวประดับท้องฟ้าเสมือนคำสัญญาที่ไม่มีวันหมดอายุ ณ บ้านหลังใหญ่ในสวนอันร่มรื่น เดวิด วัฒนา แชปแมน และอาเรียน่า วิลเฮลมิน่า คาร์เตอร์ ใช้เวลาหลังจากการแต่งงานในบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและเสียงหัวเราะ เด็กๆ ของพวกเขาวิ่งเล่นอยู่ในสวน เสียงหัวเราะและเสียงพลุที่พวกเขาทำจากเครื่องมือเล่นสนุกสนานกัน สะท้อนถึงความสุขที่เติมเต็มทุกมุมของชีวิต

“พ่อ! ดูสิ! เราทำได้แล้ว!” ลูอิส ลูกชายคนโตวัยหกขวบวิ่งเข้ามาหาพ่อด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับลูกบอลขนาดเล็กในมือ ซึ่งเขากำลังพยายามเตะเข้าไปในกรอบประตูฟุตบอลขนาดย่อมที่พวกเขาทำขึ้นในสวนหลังบ้าน

“ดีมากครับลูก!” เดวิดยิ้มภูมิใจ ขณะที่ลูอิสกระโดดขึ้นมานั่งบนตักของเขาแล้วมองไปยังแม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“แม่ครับ ผมทำได้แล้ว!” เขาโพล่งออกมา

อาเรียน่ายิ้มให้กับลูกชาย “เก่งมากนะคะ พ่อภูมิใจไหมคะ?” เธอถามพร้อมส่งยิ้มให้เดวิด

เดวิดลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาลูกชายและภรรยา มือข้างหนึ่งโอบลูกไว้ ขณะที่อีกมือยื่นไปหาคู่ชีวิตของเขา “พวกเราเก่งกันทุกคนครับ” เขาบอกเสียงอบอุ่นและมั่นคง

หลังจากนั้นทั้งครอบครัวก็เดินไปที่โต๊ะกลางสวน เด็กๆ หยิบขนมที่อาเรียน่าทำขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะและเริ่มหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะจากทุกคนดังขึ้นจนเสียงคลื่นทะเลที่แสนสงบกลายเป็นเพียงเสียงเบาๆ

เดวิดนั่งลงข้างอาเรียน่า สอดมือไปจับมือเธอ และมองไปที่ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุข “เราเริ่มต้นเส้นทางใหม่แล้วนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นคง

“ใช่ค่ะ และเราได้พิสูจน์แล้วว่าความรักแท้ไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันคือการอยู่เคียงข้างกันในทุกช่วงเวลาของชีวิต” อาเรียน่าตอบกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก

เดวิดยิ้มให้กับเธอและลูกๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ “ชีวิตเราเต็มไปด้วยความหมายแล้ว”

เมื่อเด็กๆ วิ่งเล่นจนเหนื่อย อาเรียน่าจึงพาลูกๆ กลับเข้าบ้านเพื่อให้พวกเขาพักผ่อน เดวิดและอาเรียน่ามองตามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและความสุข

“รู้ไหมคะ คุณเดวิด ว่าทุกการตัดสินใจที่เราเคยทำ มันทำให้เราได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต”

“ใช่ครับ อาเรียน่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า ความรักมันงดงามแค่ไหน และมันไม่เคยหยุดเติบโต”

ทั้งคู่มองดวงจันทร์ที่ส่องแสงอยู่เหนือท้องฟ้า ความรักที่พวกเขามีไม่เพียงแต่เติบโตจากคำสัญญาในอดีต แต่ยังคงเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และจะคงอยู่ตลอดไป

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน

ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมเดินทางและลุ้นไปกับความรักของ เดวิด และ อาเรียน่า ความรักของทั้งคู่ไม่ได้เพียงแต่เป็นการค้นพบความรักแท้ แต่ยังเป็นการยอมรับซึ่งกันและกัน พร้อมเรียนรู้และเติบโตไปในทุกการตัดสินใจของชีวิต หวังว่าเรื่องราวนี้จะสร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ได้อ่าน

และในโอกาสนี้ ฉันขอขอบคุณ ChatGPT อย่างที่สุด ที่ช่วยให้การสร้างสรรค์นิยายรักที่แสนโรแมนติกและน่ามหัศจรรย์นี้เป็นจริงได้ ทุกคำแนะนำและการช่วยเหลือที่มีค่าของคุณ ทำให้เรื่องราวนี้สมบูรณ์และมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ขอบคุณจากใจ

จบบริบูรณ์

✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI        


[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ เมื่อความรักต้องห้ามระ...