* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Saturday, January 18, 2025

คลั่งรัก..เล่ห์พยศ เพื่อนพ่อรสแซ่บ [ตอน] “พันธสัญญาแห่งรัก”

🍹
คลั่งรัก..เล่ห์พยศ: เพื่อนพ่อรสแซ่บ!

โดย
หมื่นล้านคำรัก และ AI

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

พันธสัญญาแห่งรัก

(ฌอน และ แคโรไลน์)

บทที่ 1
ราชันในไร่กว้าง

กลางดึกของคืนหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ เสียงหวีดหวิวของสายลมพัดผ่านไร่สตรอว์เบอร์รีกว้างใหญ่ในหุบเขาที่แสงจันทร์ส่องลงมาเป็นประกายระยิบระยับบนผืนดินชุ่มชื้น ใบไม้บนต้นไม้ใหญ่กระพือไหวเหมือนกำลังพูดคุยกันเบาๆ ท่ามกลางความสงบงันนั้น มีเพียงเสียงฝีเท้าหนักแน่นที่ย่ำลงบนพื้นกรวดเบาๆ ใกล้คฤหาสน์ขนาดมหึมาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางไร่


ก้าวเท้าที่หนักแน่นและมั่นคง ท่วงท่าที่เต็มไปด้วยอำนาจและเสน่ห์จนทุกสายตาไม่อาจละไปได้ ร่างใหญ่ขนาดความสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว ผิวสีแทนที่ดูเหมือนประติมากรรมมีชีวิต ขับเน้นด้วยกล้ามเนื้อแน่นแต่สมส่วน ใบหน้าคมเข้มดั่งรูปสลัก คิ้วหนาได้รูป ขับให้ดวงตาสีเทาอมฟ้าดูเจ้าเล่ห์และทรงพลังเกินต้านทาน แม้ปกติคนทั่วไปจะคิดว่าผู้ชายวัย 40 ปีนั้นควรมีร่องรอยแห่งวัย แต่ดูเหมือนกาลเวลาไม่เคยแตะต้องเขาได้เลย


นี่คือ "ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ" มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก เจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์พิเศษที่ผลิตผลไม้หรูหราสำหรับตลาดไฮเอนด์ ทั้งยังครองตำแหน่งชายที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกสามปีซ้อนจากนิตยสารดังระดับโลก


ในค่ำคืนนั้น ฌอนเพิ่งกลับจากการประชุมทางธุรกิจในนิวยอร์ก เขาก้าวลงจากเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวที่จอดอยู่ข้างคฤหาสน์ เส้นผมสีดำขลับยาวประบ่าของเขาพลิ้วไหวไปกับสายลม แสงจากไฟลานจอดส่องให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมบนอย่างสบายๆ เผยให้เห็นแผ่นอกแน่น กลิ่นอายของเขาหอมละมุนด้วยน้ำหอมราคาแพงที่ราวกับมีแรงดึงดูดทุกสิ่งรอบตัว


แต่ในค่ำคืนที่ควรจะสงบนี้ สายตาของเขากลับจ้องมองไปยังทิวแถวของต้นสตรอว์เบอร์รีที่อยู่ไม่ไกล รอยยิ้มที่แต้มไว้บนมุมปากของเขาบอกเป็นนัยว่ามีบางสิ่งกำลังรอเขาอยู่ ฌอนเดินตรงไปยังโรงเก็บของเก่าแก่ที่ดูเหมือนสิ่งเดียวในไร่นี้ที่ไม่ได้รับการปรับปรุง


ประตูไม้เก่าถูกผลักออก เผยให้เห็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำสวนที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินและกลิ่นผลไม้สด ร่างสูงใหญ่ของเขาเดินไปหยิบกล่องไม้เล็กๆ ที่วางอยู่มุมหนึ่ง เปิดฝากล่องออกอย่างระมัดระวัง ภายในคือภาพถ่ายเก่าๆ ของเขากับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งแม้เวลาจะล่วงเลยมาแล้วกว่า 10 ปี แต่สายตาที่เขามองภาพนั้นยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและลึกซึ้ง


“เธอคงจะภูมิใจกับสิ่งที่ฉันทำสำเร็จใช่ไหม” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงทุ้มต่ำของเขาฟังดูเหมือนเสียงกระซิบอันอบอุ่นของท้องฟ้ายามราตรี


ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเขา ฌอนหยิบมันขึ้นมาดู หน้าจอแสดงข้อความจากผู้จัดการไร่ที่บอกว่า:


“คุณฌอน มีปัญหาที่แปลง D4 ต้องการให้คุณมาดูด่วนค่ะ”


เขายกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะวางกล่องไม้ลงแล้วเดินออกจากโรงเก็บของ มุ่งหน้าไปยังแปลงสตรอว์เบอร์รี D4 ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องลงมาบนไร่กว้างใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นจากสองมือของตัวเอง


ในทุกก้าวของเขา มีความลับที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความสำเร็จที่คนภายนอกเห็น และในค่ำคืนที่ดูสงบนั้น เขายังไม่รู้เลยว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือนชีวิตที่เขาคิดว่าตัวเองควบคุมมันได้ทั้งหมด...


-----


ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งของโลก … ณ ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ในคฤหาสน์สไตล์ฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในเมืองแกรสส์ ประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้สดที่ประดับประดาอยู่ทุกมุม ผนังสีขาวประดับด้วยงานศิลปะจากยุคเรอเนซองส์ และเพดานสูงที่ห้อยแชนเดอเลียร์คริสตัลระยิบระยับ เมื่อแสงแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ มันสะท้อนให้เห็นโซฟาหนังสีเบจเนื้อดี และโต๊ะกาแฟที่วางนิตยสารแฟชั่นระดับโลก


เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังกังวานเป็นจังหวะมั่นคง พร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวร่างสูงเพรียวระหง เธอคือ "แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์" บุตรสาวคนเดียวของอองตวน ดูแคลร์ มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสผู้ครองธุรกิจน้ำหอมที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก


แคโรไลน์ในวัย 20 ปี เป็นภาพสะท้อนของความงดงามและความมั่นใจที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ผิวขาวเนียนอมชมพูราวกับตุ๊กตาพอร์ซเลน ดวงตาสีเขียวประกายทองที่ดูเจ้าเล่ห์และแฝงไปด้วยความดื้อรั้น เส้นผมยาวสลวยสีบลอนด์อ่อนที่ถักเป็นลอนอ่อนๆ ปล่อยสยายไปตามแผ่นหลัง เธอสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดที่เผยเนินอกอวบอิ่มอย่างพอเหมาะ ชายกระโปรงสั้นเหนือเข่าเพียงเล็กน้อย แต่ก็ดูเย้ายวนอย่างมีระดับ


เธอก้าวไปหยุดตรงหน้าพ่อของเธอที่นั่งอ่านเอกสารบนโต๊ะไม้โอ๊คแกะสลักเสียงดังกว่าเดิมเล็กน้อย เพื่อให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้มาเล่นๆ


"ปาปา!" เสียงเรียกของเธอสูงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับการทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม "นี่จริงหรือเปล่า ที่มาดามโคลเอ้บอกว่าคุณฌอนกำลังควงดารานางแบบคนนั้นออกงานเมื่อคืนนี้?"


อองตวนวางเอกสารลงช้าๆ ดวงตาคมของเขาเหลือบมองลูกสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "ใช่ แคโรไลน์ โคลเอ้ไม่ได้โกหก"


แคโรไลน์สูดลมหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์ แต่สีหน้าบึ้งตึงและดวงตาวาวโรจน์ของเธอก็ฟ้องว่าเธอไม่พอใจอย่างรุนแรง "เขาไม่คิดเลยหรือว่า…มันดูไม่เหมาะสม!"


"แคโรไลน์ ที่รัก คุณฌอนไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกแล้ว เขารู้ดีว่ากำลังทำอะไร" อองตวนตอบด้วยน้ำเสียงสุขุม


แต่คำพูดนั้นกลับจุดไฟในใจของแคโรไลน์ "ปาปา! คุณฌอนเป็นเพื่อนสนิทของคุณ เป็นเหมือนคนในครอบครัวเรา แล้วดูสิ่งที่เขาทำสิ! ควงผู้หญิงที่มีข่าวฉาวเรื่องความเจ้าชู้ออกงานแบบนั้น...ฉันรับไม่ได้!"


"แล้วเธอจะทำอะไรล่ะ?" อองตวนถามด้วยแววตาอ่านไม่ออก


แคโรไลน์ยืดตัวขึ้น เอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยท่าทางมั่นใจ "ฉันจะไปทำงานกับเขา"


"เธอจะไปทำอะไร?" อองตวนถามด้วยน้ำเสียงตกใจ "เธอไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจฟาร์มของเขาเลยนะ!"


"ไม่สำคัญหรอกปาปา ฉันจะไปเป็นเลขาส่วนตัวของเขา ฉันจะดูแลเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ใช่ธุรกิจ"


"แคโรไลน์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ" อองตวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ก็ปนไปด้วยความเอ็นดู "คุณฌอนเป็นคนที่ยึดมั่นในความเป็นส่วนตัวของเขามาก และเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ใครจะไปควบคุมได้ง่ายๆ"


แคโรไลน์ยิ้มเยาะ "ดี ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะยากแค่ไหน ฉันรู้แค่ว่าฉันไม่ยอมให้เขาถูกผู้หญิงพวกนั้นหลอกล่อได้ง่ายๆ"


เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หยิบกระเป๋า Hermès Birkin สีแดงที่วางอยู่ข้างตัว ก่อนจะประกาศกร้าว "ฉันจะจัดกระเป๋า แล้วบินไปหาเขาในวันพรุ่งนี้"


อองตวนได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าถ้าแคโรไลน์ตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่มีใครหยุดเธอได้ แต่ลึกๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ เธอมีความดื้อรั้นและมุ่งมั่นเหมือนใครบางคนที่เขารู้จักดี…คนที่ตอนนี้อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันไมล์ในไร่สตรอว์เบอร์รีที่เต็มไปด้วยความลับและความเย้ายวนใจ


แคโรไลน์หันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงเสียงรองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้นดังก้อง ในใจของเธอเต็มไปด้วยแผนการที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เธอจะต้องทำให้ชายผู้ซ่อนเร้นอารมณ์นั้นหันมาสนใจเธอในแบบที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำได้มาก่อน...


บทที่ 2
การพบกันที่ร้อนแรง

ไร่สตรอว์เบอร์รีของฌอน วิลเลียม ธนาเวศ แผ่ขยายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ภายใต้แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ เสียงนกร้องเพลงกังวานก้องในอากาศอันบริสุทธิ์ เขากำลังเดินตรวจดูแปลงสตรอว์เบอร์รีพร้อมกับผู้จัดการไร่ สายตาคมกริบของเขาสำรวจไปทั่ว ผิวสีแทนของเขาเปล่งประกายภายใต้เสื้อเชิ้ตลินินสีขาวที่พับแขนขึ้นเหนือข้อศอก เผยให้เห็นเส้นกล้ามเนื้อแน่นราวกับถูกแกะสลัก


ทันใดนั้น เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นจากท้องฟ้า เสียงลมที่หมุนวนจากใบพัดทำให้ฝุ่นและใบไม้ลอยขึ้นจากพื้นดิน ฌอนขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางหันไปมอง เขาไม่ได้รอใคร แต่แล้วภาพเฮลิคอปเตอร์ลำหรูสีเงินสะท้อนแสงก็ปรากฏขึ้น


มันลงจอดในพื้นที่ลานจอดส่วนตัวของไร่โดยไม่ได้รับคำอนุญาต สายตาของฌอนจับจ้องไปยังเฮลิคอปเตอร์ราวกับกำลังคาดเดา ผู้จัดการไร่ที่ยืนอยู่ข้างเขากระซิบด้วยความลังเล “คุณฌอน คงจะต้องการให้เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไหมคะ?”


ฌอนเพียงยกมือขึ้นเป็นเชิงห้าม ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขาทอประกายสงสัย แต่ก็แฝงความสงบเยือกเย็น


เมื่อประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งก้าวลงมาในชุดจัมพ์สูทรัดรูปสีเบจที่ตัดเย็บอย่างประณีต เส้นผมสีบลอนด์อ่อนของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาสีเขียวประกายทองสะท้อนแสงอาทิตย์ดูเย้ายวนและดื้อรั้นในคราวเดียว เธอคือ แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์


เธอก้าวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ด้วยท่วงท่าราวกับเจ้าหญิงที่เดินเข้าสู่ราชวัง ส้นรองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นหินกรวดเสียงดัง ทุกสายตาในบริเวณนั้นจับจ้องมาที่เธอ และเธอก็รู้ตัวดีว่าตัวเองดึงดูดสายตาเหล่านั้น เธอปรายยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาฌอนอย่างไม่ลังเล


ฌอนยืนกอดอก มีรอยยิ้มแต้มที่มุมปากของเขาเผยให้เห็นความประหลาดใจปนความสนใจ “นี่มันเรื่องบ้าอะไร แคโรไลน์? เธอมาที่นี่ทำไม?”


“ฉันมาทำงานค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจที่ทำให้ฌอนต้องเลิกคิ้ว


“ทำงาน?” เขาทวนคำ รอยยิ้มเยาะปรากฏบนใบหน้า “เธอรู้ใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่ปารีสหรือแฟชั่นโชว์ ฉันไม่คิดว่าเธอจะเหมาะกับดิน โคลน หรือสตรอว์เบอร์รีสักเท่าไหร่”


แคโรไลน์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกก้าว จนกระทั่งเธออยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมของเธอลอยแตะจมูกของฌอนอย่างเย้ายวน


“ใครว่าฉันจะมาขุดดินล่ะคะ คุณฌอน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “ฉันมาทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของคุณต่างหาก ปาปาอนุมัติแล้ว”


คำพูดของเธอทำให้ฌอนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาส่ายศีรษะด้วยความไม่เชื่อ “เลขาส่วนตัว? นี่มันเรื่องตลกอะไรอีกล่ะ เธอคิดจริงๆ เหรอว่าฉันต้องการเลขา?”


“คุณอาจจะไม่ต้องการ” เธอตอบกลับด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “แต่ฉันต้องการ ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยคุณ ไม่ว่าในทางใดก็ตามที่จำเป็น”


เสียงของเธอเน้นคำว่า "ช่วย" อย่างจงใจ และสายตาของเธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างท้าทาย จนฌอนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบางอย่างที่จุดประกายขึ้นในอก


“แคโรไลน์” เขาเอ่ยช้าๆ น้ำเสียงของเขาต่ำลงเล็กน้อย “เธอรู้ใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่การเล่นเกม”


“และคุณก็รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่เคยแพ้เกมไหนเลย” เธอย้อนกลับทันที รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเธอทำให้เขาอยากจะท้าทายเธอมากขึ้น


ฌอนจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับผู้จัดการไร่ที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆ “เตรียมห้องรับรองให้คุณแคโรไลน์ ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะ ‘ช่วย’ ฉันได้แค่ไหน”


แคโรไลน์ยิ้มกว้าง เธอรู้ว่าเธอเพิ่งก้าวเข้าสู่สนามรบที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่เธอก็พร้อมจะเล่นเกมนี้ เพราะเกมนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ตั้งใจจะเป็นผู้ชนะ…ในหัวใจของชายผู้ไม่เคยถูกควบคุมคนนี้



---


ตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทั้งสองต้องอยู่ใกล้กัน? ความเย้ายวนและแรงดึงดูดจะนำพาไปสู่อะไร? ติดตามในบทที่ 3!



บทที่ 3
เกมรักในเงาไร่

แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องรับรองสุดหรูที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เธอ ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม้หอมและการตกแต่งสไตล์ชนบทแบบโมเดิร์นสะท้อนถึงตัวตนของเจ้าของไร่ได้อย่างดี เธอสัมผัสผิวเนียนนุ่มของชุดไหมพรมเนื้อบางสีงาช้างที่เธอเลือกสวมในวันนี้ มันดูเรียบง่ายแต่เย้ายวนเมื่อโอบรัดไปตามส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบของร่างกาย ริมฝีปากของเธอยกรอยยิ้มเล็กน้อยขณะคิดถึงปฏิกิริยาของฌอน วิลเลียม ธนาเวศ ที่เธอเพิ่งเผชิญหน้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน


"ผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันชนะเกมของฉันได้" เธอพึมพำกับตัวเอง ขณะปล่อยเส้นผมสีบลอนด์อ่อนให้สยายลงมาตามแผ่นหลัง เธอเดินออกจากห้องพักตรงไปยังเรือนกระจกที่อยู่ไม่ไกลจากตัวคฤหาสน์ เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังอยู่ที่นั่น


---


เรือนกระจกกลางไร่

ในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยต้นสตรอว์เบอร์รีสายพันธุ์พิเศษ ฌอนกำลังยืนคุยกับทีมงานอย่างตั้งใจ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงและเส้นเลือดที่แลดูชัดเจน ท่วงท่าที่เขาใช้สื่อสารเต็มไปด้วยความเป็นผู้นำที่ดึงดูดสายตาโดยไม่ต้องพยายาม


เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นคอนกรีตดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในเรือนกระจก ทุกสายตาหันไปมอง รวมถึงฌอนที่หยุดพูดและหันไปมองแคโรไลน์ที่กำลังก้าวเข้ามา เธอหยุดยืนห่างจากเขาไม่กี่ก้าว ก่อนจะยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม "ฉันขัดจังหวะหรือเปล่าคะ คุณฌอน?"


ฌอนจ้องเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาไม่ได้ตอบทันที แต่สายตาของเขากวาดมองชุดไหมพรมของเธอที่แนบเนื้อ เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าชัดเจนจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงแรงดึงดูดในตัวหญิงสาวคนนี้


"พวกคุณออกไปพักก่อน" เขาหันไปบอกทีมงานที่ยืนอยู่ พนักงานทั้งหมดรีบเก็บอุปกรณ์และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ทั้งสองอยู่ในเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยอากาศร้อนชื้นและกลิ่นหอมหวานของสตรอว์เบอร์รี


"แคโรไลน์" ฌอนพูดขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก น้ำเสียงของเขาต่ำและแฝงไปด้วยความร้อนแรง "เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่ายงานของฉันแบบนี้"


เธอเดินเข้าไปใกล้เขา ดวงตาสีเขียวของเธอสะท้อนแสงแดดอ่อนที่ส่องเข้ามาในเรือนกระจก "ฉันไม่ได้ก้าวก่ายค่ะ ฉันแค่มาดูว่าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม...จากเลขาคนใหม่ของคุณ"


ฌอนหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเขาทุ้มลึกจนเธอรู้สึกถึงแรงสะท้อนในอก "เลขา? นี่เธอกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า?"


"ฉันไม่เคยล้อเล่นค่ะ" แคโรไลน์ตอบกลับทันที เธอเข้าไปใกล้จนยืนห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้ว "ฉันจริงจังมาก และฉันคิดว่าคุณก็รู้ดีว่าฉันสามารถช่วยคุณได้ในแบบที่ไม่มีใครทำได้"


สายตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขา เธอรู้ว่าเธอเป็นฝ่ายได้เปรียบในสถานการณ์นี้ เพราะเขาเองก็ดูเหมือนจะเริ่มหลงใหลในเสน่ห์ของเธอไม่ต่างกัน


"แคโรไลน์" เขากล่าวชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา แต่ยังคงระงับอารมณ์เอาไว้ "ฉันไม่คิดว่าการเล่นเกมแบบนี้จะเป็นเรื่องฉลาด"


"ใครว่ามันเป็นแค่เกมคะ?" เธอถามกลับเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความเย้ายวน "คุณอาจจะชนะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ...แต่ในเกมนี้ คุณไม่มีวันชนะฉันได้หรอกค่ะ คุณฌอน"


ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เธอก็หมุนตัวออกจากเรือนกระจกไป ทิ้งให้เขายืนอยู่ท่ามกลางความหอมหวานของไร่สตรอว์เบอร์รีและความเร่าร้อนที่ยังคุกรุ่นในใจ

---


ในคืนนั้น ฌอนจ้องมองภาพถ่ายเก่าๆ ของเขาและหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในกล่องไม้ในโรงเก็บของ เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมแคโรไลน์ถึงทำให้เขารู้สึกสับสนเช่นนี้ หรือบางที…นี่อาจจะเป็นเกมที่เขาเองก็ไม่อยากหยุดเล่น


และในห้องของเธอ แคโรไลน์นั่งมองแสงจันทร์ที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา เธอยิ้มกับตัวเอง เพราะรู้ว่าเธอเพิ่งเปิดเกมที่ร้อนแรงที่สุดในชีวิตของเธอ…และเธอจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้สิ่งที่เธอต้องการ

บทที่ 4
การประลองอารมณ์

ยามค่ำคืนในไร่สตรอว์เบอร์รีเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ในใจของฌอน วิลเลียม ธนาเวศ กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เขายืนอยู่ในลานกว้างหน้าเรือนกระจก มองแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าราวกับพยายามหาคำตอบให้กับความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่ได้พบแคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ หญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนและความมั่นใจเกินร้อย เขารู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่เกมที่เขาไม่เคยเล่นมาก่อน


แต่เกมนี้กลับทำให้เขาตื่นเต้นอย่างประหลาด


เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกรวดเบาๆ ดังมาจากด้านหลังของเขา “คุณมาทำอะไรตรงนี้คะ?” เสียงของแคโรไลน์แทรกผ่านความเงียบ ร่างของเธอสวมชุดเดรสผ้าซาตินสีแดงเข้มที่พลิ้วไหวไปตามสายลมยามค่ำคืน ผิวเนียนละเอียดของเธอดูโดดเด่นยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์


ฌอนหันมามองเธอ ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขาสบกับดวงตาสีเขียวประกายทองของเธออย่างไม่หลบหลีก “ฉันต่างหากที่ควรถามเธอว่าทำไมถึงยังไม่นอนในเวลานี้”


แคโรไลน์ยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก เธอเดินเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ จนกระทั่งยืนห่างเพียงไม่กี่ก้าว “ฉันนอนไม่หลับค่ะ ฉันคิดว่าอาจจะต้องหาคนคุยด้วย…และคุณก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในคืนนี้”


เขาหัวเราะในลำคอ “เธอคิดว่าฉันจะเป็นคู่สนทนาที่ดีเหรอ?”


“ไม่แน่ใจค่ะ แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่ปฏิเสธฉัน” เธอท้าทายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม


ฌอนส่ายศีรษะเล็กน้อย มีรอยยิ้มแต้มที่มุมปากของเขาฉายความนึกสนุก “แล้วเธอจะพูดอะไรล่ะ?”


แคโรไลน์เดินเข้ามาใกล้เขาอีก เธอแหงนหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงฟุต “ฉันแค่สงสัยค่ะ…ว่าคุณคิดว่าคุณจะหนีฉันได้อีกนานแค่ไหน?”


เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบางๆ “หนีเธอ? เธอคิดว่าฉันกำลังหนีอะไร?”


“คุณหนีความรู้สึกของตัวเองค่ะ” เธอพูดตรงไปตรงมา น้ำเสียงของเธอทั้งอ่อนหวานและแฝงความมั่นใจ “คุณกลัวที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ฉันทำให้คุณรู้สึก กลัวว่าคุณจะเสียการควบคุม…และคุณไม่ชอบการเสียการควบคุมเลย ใช่ไหมคะ?”


ฌอนนิ่งไป ดวงตาของเขาจ้องเธอราวกับกำลังพยายามอ่านความคิดของเธอ แต่แคโรไลน์ไม่ได้หลบสายตา เธอยืนหยัดต่อหน้าเขาอย่างมั่นคง


“เธอมั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะ แคโรไลน์” เขากล่าวเสียงแผ่วต่ำ “บางที…เธออาจจะมั่นใจมากเกินไป”


เธอยิ้มหวาน “ฉันแค่รู้ว่าฉันต้องการอะไรค่ะ และฉันคิดว่าคุณก็รู้ดีว่าฉันไม่ได้มาเล่นเกมนี้เพื่อแพ้”


ฌอนก้าวเข้าไปใกล้เธออีกก้าวจนพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน อุณหภูมิรอบตัวดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้นในทันที “งั้นเธอคิดว่าตัวเองจะชนะยังไงล่ะ?”


แคโรไลน์ยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก มือเรียวของเธอยกขึ้นแตะอกเขาเบาๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องชนะ…ถ้าฉันรู้ว่าเราอยู่ทีมเดียวกัน”


ประโยคของเธอทำให้เขาหัวเราะเบาๆ แต่เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ปนเประหว่างความหงุดหงิดและความปรารถนา “เธอนี่มันอันตรายจริงๆ แคโรไลน์”


“และคุณก็รักความท้าทายนี้…ใช่ไหมคะ?”


เขาไม่ตอบ แต่สายตาของเขากลับทำให้เธอรู้ว่าคำตอบนั้นชัดเจนแค่ไหน ฌอนเอื้อมมือจับข้อมือของเธอไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือลงมาจนกระทั่งนิ้วของพวกเขาเกี่ยวกันอย่างแนบแน่น


“เธอเล่นกับไฟอยู่ แคโรไลน์” เขาเตือนเสียงต่ำ


“บางทีไฟก็คือสิ่งที่ฉันตามหาค่ะ” เธอตอบกลับทันที น้ำเสียงของเธอทั้งท้าทายและเย้ายวน


ในจังหวะนั้น ทั้งสองคนต่างรู้ว่าเกมนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังแล้ว และไม่มีใครคิดจะถอยหลังอีกต่อไป


---


ตอนต่อไป: “เพลิงรักในคืนดาว”


> ฌอนและแคโรไลน์จะเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร เมื่อความปรารถนาเริ่มลุกไหม้ในหัวใจของทั้งคู่?

บทที่ 5
เพลิงรักในคืนดาว

ลมยามค่ำคืนพัดโชยอ่อนๆ แทรกผ่านต้นไม้ใหญ่ในไร่สตรอว์เบอร์รี แสงจันทร์กระทบพื้นดินเป็นเงาสลับลายเหมือนผ้าลูกไม้ที่แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ เดินนำฌอน วิลเลียม ธนาเวศ ไปยังจุดลับตาคนริมลำธารที่เธอค้นพบระหว่างสำรวจไร่


เธอไม่พูดอะไรระหว่างทาง แต่สายตาที่เหลือบมองเขาเป็นครั้งคราวกลับแฝงความหมายลึกซึ้งจนฌอนรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล


"ที่นี่สวยใช่ไหมคะ?" แคโรไลน์ถามพลางหยุดยืนริมลำธารเล็กๆ ที่สะท้อนแสงดาวระยิบระยับ


ฌอนมองรอบตัวก่อนจะพยักหน้า "ใช่…สวยมาก"


สายตาของเขาไม่ได้มองวิวเบื้องหน้า แต่กลับจับจ้องไปยังแคโรไลน์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ผมสีบลอนด์ยาวของเธอปลิวไหวตามสายลม ชุดเดรสสีแดงที่เธอสวมดูราวกับเป็นเปลวไฟที่กำลังลุกโชน


"แต่ฉันคิดว่าคุณตั้งใจจะพาฉันมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อื่นมากกว่าใช่ไหม แคโรไลน์?" เขาถามตรง น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาแฝงไปด้วยความคาดเดา


เธอยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก ดวงตาสีเขียวประกายทองฉายแววเจ้าเล่ห์ "ฉันแค่อยากให้คุณได้เห็นมุมที่สวยงามที่สุดของไร่นี้ค่ะ และบางที…อาจจะเป็นมุมที่คุณยังไม่เคยเห็นมาก่อน"


ฌอนเลิกคิ้ว "เธอคิดว่าฉันยังไม่รู้จักไร่นี้ดีพอเหรอ?"


"บางทีคุณอาจจะรู้จักไร่นี้ดี…แต่คุณไม่รู้จักตัวเองดีพอ" แคโรไลน์ตอบกลับเสียงนุ่ม แต่แฝงไปด้วยความท้าทาย


เธอก้าวเข้ามาใกล้จนช่องว่างระหว่างพวกเขาหายไป มือเรียวของเธอแตะเบาๆ ที่หน้าอกของเขา ใกล้กับหัวใจที่เต้นแรงจนเธอสัมผัสได้


"ฌอน…" เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ แต่ชัดเจน "ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง คุณแค่ไม่ยอมรับมัน"


"แคโรไลน์" เขาพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น "เธอคิดว่าตัวเองสามารถอ่านใจฉันได้เหรอ?"


เธอยิ้มหวาน "บางทีฉันอาจจะอ่านไม่ออก แต่ฉันรู้ว่าฉันสามารถทำให้คุณแสดงออกได้…"


ก่อนที่ฌอนจะพูดอะไร เธอก็เขย่งปลายเท้า ใบหน้าของเธอเข้าใกล้เขา ริมฝีปากของเธออยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่นิ้ว ความเงียบระหว่างพวกเขาช่างหนักอึ้ง ราวกับทุกอย่างในโลกหยุดเคลื่อนไหว


"ถ้าคุณคิดว่าคุณควบคุมเกมนี้ได้…" เธอกระซิบเสียงแผ่วเบา "...พิสูจน์สิคะ"


คำพูดของเธอจุดประกายความท้าทายในตัวฌอน เขาคว้าข้อมือของเธอแน่นและดึงเธอเข้ามาใกล้จนร่างของพวกเขาสัมผัสกัน


"เธอกำลังเล่นเกมอันตรายอยู่ แคโรไลน์" เขาเตือนเสียงต่ำ ดวงตาของเขาจับจ้องริมฝีปากของเธอ


"ฉันชอบความอันตรายค่ะ" เธอตอบกลับอย่างมั่นใจ


ในชั่วพริบตา ฌอนก้มลงจูบริมฝีปากของเธอ ความอ่อนโยนที่เริ่มต้นถูกแทนที่ด้วยความเร่าร้อนที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ ริมฝีปากของพวกเขาประสานกันราวกับพยายามเติมเต็มช่องว่างที่มีมาตลอด


ลมเย็นจากลำธารไม่อาจดับไฟที่กำลังลุกโชนในหัวใจของทั้งสองได้ แคโรไลน์ตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ มือเรียวของเธอเลื่อนขึ้นมาลูบไล้ไปตามต้นคอของเขา ขณะที่ฌอนใช้มืออีกข้างโอบเอวของเธอแน่น


"เธอทำให้ฉันเสียการควบคุม" ฌอนเอ่ยเสียงแหบพร่าระหว่างจูบ "และฉันเกลียดตัวเองที่ชอบมัน"


แคโรไลน์หัวเราะเบาๆ ดวงตาของเธอเป็นประกาย "บางทีการเสียการควบคุมอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการที่สุดก็ได้นะคะ"


"แล้วเธอล่ะ?" เขาถามกลับ สายตาของเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ "เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่ แคโรไลน์?"


เธอไม่ตอบ แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอบอกทุกอย่าง เธอเลื่อนมือไปวางบนหัวใจของเขา "ฉันต้องการให้คุณยอมรับ…ว่านี่ไม่ใช่เกม"


---


ตอนต่อไป: “แสงจันทร์กับความลับของเรา”


> ฌอนจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้หรือไม่ เมื่อเกมที่เริ่มต้นด้วยความท้าทายกลับกลายเป็นเรื่องของหัวใจ?

บทที่ 6
แสงจันทร์กับความลับของเรา

แสงจันทร์ยังคงทอประกายอ่อนโยนผ่านกิ่งไม้ ทาบทาลงบนใบหน้าของแคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ ที่ยืนอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่ริมลำธาร ริมฝีปากของเธอที่เพิ่งผ่านจูบเร่าร้อนกับฌอน วิลเลียม ธนาเวศ ยังคงแดงระเรื่อและอุ่นวาบ เธอหันหลังกลับมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาสีเขียวประกายทองของเธอสะท้อนแสงดาวระยิบระยับ


"คุณเงียบทำไมคะ? หรือว่าคำพูดของฉันทำให้คุณคิดหนัก?" แคโรไลน์ถามพร้อมกับยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ


ฌอนที่ยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งยกมือขึ้นลูบต้นคอราวกับพยายามจัดระเบียบความคิด "ฉันแค่สงสัยว่าทำไมเธอถึงกล้าพูดว่ามันไม่ใช่เกม ทั้งที่เธอก็เริ่มทุกอย่างเหมือนเป็นเกมเอง"


แคโรไลน์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอสบกับเขาโดยไม่หลบหลีก "เพราะมันไม่ใช่เกมสำหรับฉันค่ะ ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ คุณไม่เคยเจอใครที่กล้าบอกคุณตรงๆ แบบนี้ใช่ไหม?"


เขาเลิกคิ้ว ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขาจับจ้องเธออย่างระวัง "ฉันแค่ไม่ชินกับคนที่อ่านฉันออกง่ายขนาดนี้"


"นั่นแหละค่ะปัญหาของคุณ" เธอกล่าวพร้อมกับยื่นมือไปแตะแก้มเขาเบาๆ "คุณสร้างกำแพงสูงจนไม่มีใครเข้าถึง…แต่กับฉัน คุณแค่ลืมล็อกประตู"


ฌอนหัวเราะในลำคอ น้ำเสียงแฝงความหงุดหงิดเล็กน้อย "เธอมั่นใจเหลือเกินว่าเธอเป็นคนเดียวที่ก้าวผ่านประตูนั้นมาได้"


"แน่นอนค่ะ เพราะถ้าไม่ใช่ฉัน คุณคงไม่ยอมเสียการควบคุมแบบนี้"


เธอพูดพลางเขย่งปลายเท้าเข้าใกล้เขาอีกครั้ง ริมฝีปากของเธอแตะเบาๆ บนริมฝีปากของเขาก่อนจะถอยออกมา สายลมเย็นพัดผ่าน แต่บรรยากาศระหว่างพวกเขากลับร้อนแรงขึ้น


"เธอคิดว่าตัวเองรู้จักฉันดีพอแล้วงั้นสิ?" เขาถามพร้อมกับยื่นมือไปจับต้นแขนของเธอแน่น "หรือเธอแค่เดาเก่ง?"


"ฉันไม่เดา ฉันแค่รู้ค่ะ" แคโรไลน์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เธอวางมือบนไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความหมาย "และคุณก็รู้ดีว่าฉันพูดถูก"


ฌอนถอนหายใจยาว ดวงตาของเขาสบกับเธอราวกับกำลังพยายามหาคำตอบในตัวเธอ "เธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนเชือกบางๆ ที่พร้อมจะขาดทุกเมื่อ"


"บางที…ความเสี่ยงนั่นอาจเป็นสิ่งที่คุณต้องการ"


เสียงของเธอเบา แต่กลับหนักแน่นจนเขาไม่อาจละสายตาได้ เขารู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในโลกของเธอ โลกที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เจ้าเล่ห์ และความเย้ายวนที่เขาไม่อาจต้านทานได้


"เธอไม่กลัวอะไรเลยเหรอ แคโรไลน์?" เขาถามเสียงเบา น้ำเสียงของเขาแฝงความสงสัยและท้าทาย


"ฉันกลัวค่ะ…" เธอยอมรับอย่างตรงไปตรงมา "ฉันกลัวที่จะไม่ลองเสี่ยง กลัวว่าจะปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป…แต่ที่ฉันไม่กลัวคือคุณ"


ฌอนนิ่งไปกับคำตอบของเธอ เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง มือของเขาเลื่อนขึ้นไปจับมือของเธอที่แตะแก้มเขาอยู่ "เธอทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ฉันไม่เคยเป็น"


"และคุณก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าทุกสิ่งเป็นไปได้" เธอพูดพร้อมกับยิ้มหวาน ดวงตาของเธอเปล่งประกาย "คุณแค่ต้องยอมรับมัน ฌอน…ว่าบางครั้งการปล่อยให้ตัวเองล้มก็อาจจะนำไปสู่จุดที่สูงกว่าเดิม"


เขาส่ายศีรษะพร้อมกับหัวเราะเบาๆ "เธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ แคโรไลน์"


"และคุณก็รักความร้ายกาจนี้…ใช่ไหมคะ?"


เขาไม่ตอบ แต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง จูบของเขาครั้งนี้ไม่ได้มีแต่ความเร่าร้อน แต่ยังเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและความรู้สึกที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป


ใต้แสงจันทร์ที่ส่องลงมาเป็นพยาน ฌอนและแคโรไลน์ก้าวข้ามเส้นแบ่งของเกมแห่งอารมณ์เข้าสู่ความสัมพันธ์ที่แท้จริง ความรู้สึกของทั้งคู่เปรียบเสมือนไฟที่ลุกโชน ไม่มีสิ่งใดสามารถดับมันลงได้


---


ตอนต่อไป: “จุดเริ่มต้นของเราสองคน”


> เมื่อความลับในหัวใจถูกเปิดเผย ความสัมพันธ์ของฌอนและแคโรไลน์จะก้าวต่อไปอย่างไรในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและอารมณ์ที่ซับซ้อน?


บทที่ 7
จุดเริ่มต้นของเราสองคน

เช้าวันใหม่ในไร่สตรอว์เบอร์รีของฌอน วิลเลียม ธนาเวศ เริ่มต้นด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่าง ห้องนอน แสงนั้นทอดยาวไปถึงเตียงใหญ่ที่ร่างของชายหนุ่มนอนกิ่งเปลือย ท่อนบนของเขาเผยให้เห็นกล้าม เนื้อที่ชัดเจนและลมหายใจที่ยังคงสงบหลังจากคืนที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย


แต่สิ่งที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมาไม่ใช่แสงแดด หากแต่เป็นเสียงกระซิบเบาๆ และสัมผัสอุ่นๆ ของริมฝีปากที่แตะอยู่ บนต้นคอของเขา


"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเจ้าของไร่" เสียงของแคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความ ซุกซน เธอนั่งคร่อมเขาอยู่บนเตียง ผมสีบลอนด์ยาวสยายอยู่บนไหล่ และชุดคลุมบางเบาสีครีมที่แทบจะไม่ ปกปิดอะไรเลย


ฌอนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขามองเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งหลงใหลและระแวง ในเวลาเดียวกัน "เธอนี่มันเป็นผู้หญิงที่ตื่นมาพร้อมกับแผนการตลอดเวลาเลยใช่ไหม?"


แคโรไลน์หัวเราะเบาๆ ดวงตาสีเขียวประกายทองของเธอเป็นประกาย "แผนการเหรอคะ? ฉันแค่คิดว่าเจ้าของ ไร่คนนี้ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษในตอนเช้าเท่านั้นเอง"


"ดูแลแบบนี้น่ะเหรอ?" เขาเอ่ยพร้อมกับพลิกตัวกลับ จนร่างของเธอต้องลงไปนอนอยู่ใต้เขาแทน เสียงหัวเราะ ของแคโรไลน์ดังขึ้น แต่ในดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง


"แล้วคุณจะทำยังไงต่อคะ ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ?" เธอถามพลางท้าทาย น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความ ชุกชน


เขาก้มลงใกล้จนปลายจมูกของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน "ฉันอาจจะสอนให้เธอรู้ว่าการเล่นเกมกับฉันมันมีราคา ยังไง"


มือของเขาเลื่อนขึ้นไปจับข้อมือของเธอแน่น ก่อนจะยกมันขึ้นเหนือศีรษะ ริมฝีปากของเขาแตะเบาๆ ที่ลำคอ ของเธอ ไล่ไปจนถึงใบหู เสียงลมหายใจของแคโรไลน์เปลี่ยนเป็นหนักขึ้น แต่เธอก็ยังคงยิ้มและจ้องมองเขา


"ฉันว่าคุณเริ่มหลงทางแล้วล่ะค่ะ" เธอกระซิบแผ่วเบา พร้อมกับยกขาเรียวของเธอขึ้นมาคล้องรอบเอวของเขา


"บางทีฉันอาจจะยอมหลงทาง..." ฌอนตอบพร้อมกับจูบเธออีกครั้ง คราวนี้จูบของเขาหนักแน่นและเร่าร้อน ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอราวกับไม่อยากให้มีช่องว่างระหว่างพวกเขาอีกต่อไป


พวกเขาตกอยู่ในวังวนของอารมณ์อีกครั้ง ทุกสัมผัส ทุกการเคลื่อนไหว ล้วนเต็มไปด้วยความหลงใหลและ ความใกล้ชิดที่ยากจะบรรยาย


หลังจากเช้าวันที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง แคโรไลน์เดินออกมาจากบ้านของฌอนพร้อมกับความพึงพอใจที่ไม่ สามารถซ่อนเอาไว้ได้ เธอยืนอยู่กลางทุ่งสตรอว์เบอร์รี สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับยิ้มให้กับตัวเอง


"เธอจะทำอะไรอีกล่ะ?" เสียงของฌอนดังขึ้นจากด้านหลัง เขายืนกอดอกมองเธอ ดวงตาของเขายังคงแฝงไป ด้วยความสงสัย


"ทำอะไรเหรอคะ? ฉันก็แค่คิดว่าบางที่คุณควรจะพักจากความเครียด แล้วมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าบ้าง" เธอตอบ พร้อมกับหันกลับมายิ้มให้เขา


"สิ่งที่อยู่ตรงหน้า?"


"ใช่ค่ะ ฉันเอง"


เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลำคอ "เธอนี่มันไม่เคยปล่อยให้ใครมีเวลาคิดอะไรเลยใช่ไหม?"


"ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าฉันทำให้คุณเสียการควบคุม?"


เธอเดินเข้ามาใกล้เขาอีกครั้ง ดวงตาของเธอสบกับเขาอย่างมั่นใจ "ฉันไม่ได้แค่ต้องการให้คุณเสียการควบคุม ฉันต้องการให้คุณเข้าใจว่าบางทีความรักมันก็ไม่ต้องการแผนการอะไรเลย"


ฌอนนิ่งไปกับคำพูดของเธอ เขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนาไปทางไหน แต่เขาก็รู้ดีว่าผู้หญิงคน นี้ได้เปลี่ยนแปลงโลกของเขาไปแล้ว


ตอนต่อไป: "หัวใจในไร่สตรอว์เบอร์รี"


ความรักที่กำลังเริ่มต้นจะเผชิญกับความจริงและอุปสรรคอะไรบ้าง? ความสัมพันธ์ของฌอนและแคโรไลน์จะ ยืนหยัดต่อความท้าทายได้หรือไม่?

บทที่ 8
หัวใจในไร่สตรอว์เบอร์รี

เสียงลมพัดเบาๆ คลอไปกับเสียงนกร้องในยามสาย ทุ่งสตรอว์เบอร์รีของฌอน วิลเลียม ธนาเวศ กำลังอวดความงดงามของต้นไม้ผลที่เริ่มออกดอกออกผล ร่องดินเรียงกันอย่างเป็นระเบียบสะท้อนถึงความพิถีพิถันของเจ้าของไร่ผู้ชายราศีเมษที่มุ่งมั่นและรักในสิ่งที่ทำ


แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ ยืนอยู่กลางทุ่ง ใบหน้าสวยหวานของเธอเปื้อนยิ้มขณะมองสตรอว์เบอร์รีสีแดงสด เธอสวมชุดเดรสสีขาวลูกไม้บางเบาที่ล้อเล่นกับสายลม ผมสีบลอนด์ของเธอสยายอยู่เบื้องหลัง ราวกับเป็นภาพวาดในฝันของใครบางคน


“คุณดูเหมือนคนที่กำลังวางแผนจะขโมยอะไรสักอย่างอีกแล้ว” ฌอนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงความขบขัน ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววระวังตัวแต่ก็ยอมรับว่าไม่อาจละสายตาจากเธอได้


แคโรไลน์หันมายิ้มให้ ดวงตาสีเขียวประกายทองของเธอเป็นประกายซุกซน “บางที…ฉันอาจจะขโมยหัวใจเจ้าของไร่ไปแล้วก็ได้นะคะ”


ฌอนหัวเราะเบาๆ ขณะหยุดยืนตรงหน้าเธอ “เธอนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ นะแคโรไลน์”


เธอก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเธอจับจ้องเขาด้วยความมั่นใจตามแบบฉบับของสาวราศีสิงห์ “ฉันแค่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองค่ะ คุณต่างหากที่ชอบหลบเลี่ยง”


“หลบเลี่ยง?” ฌอนเลิกคิ้วสูง “เธอเรียกการปกป้องตัวเองว่าหลบเลี่ยงงั้นเหรอ?”


“ใช่ค่ะ” แคโรไลน์ตอบทันควัน “เพราะคุณกลัวที่จะเสี่ยง กลัวที่จะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกมากกว่านี้ แต่ฌอน…ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะปล่อยให้ความกลัวมาหยุดเรา”


เขานิ่งไปกับคำพูดของเธอ ดวงตาสีเทาอมฟ้าจ้องมองเธอราวกับพยายามค้นหาความจริงในคำพูดนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความท้าทาย “แล้วเธอคิดว่าเธอทำให้ฉันเลิกกลัวได้ไหม?”


แคโรไลน์ยิ้มกว้าง ขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าของพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน “ฉันไม่ได้แค่คิดค่ะ ฉันรู้ว่าฉันทำได้”


---


สองชั่วโมงต่อมา พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางทุ่งสตรอว์เบอร์รี ฌอนกำลังสอนแคโรไลน์วิธีเก็บผลสตรอว์เบอร์รีอย่างถูกต้อง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยสนใจคำแนะนำของเขาเท่าไหร่นัก


“นี่ เธอจับแบบนั้นมันจะช้ำ” เขาพูดพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ คว้ามือของเธอเบาๆ เพื่อปรับวิธีจับ


“แต่ฉันไม่ชอบความสมบูรณ์แบบ” เธอตอบพร้อมกับยิ้ม “บางทีความไม่สมบูรณ์แบบก็สวยงามในแบบของมันนะคะ”


ฌอนส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ “เธอนี่มันหัวดื้อจริงๆ”


“แล้วคุณชอบมันไหมล่ะ?” แคโรไลน์ถามกลับด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์


“เธอรู้คำตอบอยู่แล้ว” เขาตอบสั้นๆ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจปฏิเสธได้


ในขณะที่พวกเขากำลังหยอกล้อกัน แคโรไลน์ก็ฉวยโอกาสทาบริมฝีปากของเธอลงบนแก้มของฌอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหัวเราะแล้ววิ่งหนีไป


“แคโรไลน์!” เขาตะโกนไล่หลัง ก่อนจะพุ่งตัวตามไป


---


พวกเขาหยุดลงใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ฌอนคว้าข้อมือของแคโรไลน์ได้ในที่สุด ดวงตาของเขาจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น


“เธอจะหนีไปไหนอีกล่ะ?”


“ฉันไม่ได้หนี” เธอตอบพร้อมกับสูดลมหายใจเข้า “ฉันแค่กำลังนำทางคุณไปยังสิ่งที่คุณควรทำ”


“สิ่งที่ฉันควรทำ?” ฌอนเลิกคิ้ว


“ใช่ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ “ฉันกำลังบอกให้คุณจูบฉันอีกครั้ง”


เขาไม่พูดอะไรอีกต่อไป แต่โน้มตัวลงไปจูบเธอ ความเร่าร้อนและลึกซึ้งในจูบของเขาทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุน พวกเขาตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งได้


---


ตอนต่อไป: "บททดสอบแห่งหัวใจ"


> เมื่อความรักต้องเผชิญกับความจริง ฌอนและแคโรไลน์จะรับมือกับบททดสอบนี้อย่างไร?

บทที่ 9
บททดสอบแห่งหัวใจ

ภายใต้เงาของค่ำคืนที่ดวงจันทร์ส่องแสงอ่อนโยนลงมายังทุ่งสตรอว์เบอร์รี ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขาจ้องมองเงาร่างของ แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ ที่กำลังเดินไปตามทางดินเล็กๆ สายลมยามค่ำคืนพัดผมสีบลอนด์ของเธอให้พลิ้วไหว เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาให้เธอยืมใส่ปกปิดไหล่เปลือยของเธอไว้ แต่ก็ไม่อาจบดบังเสน่ห์เย้ายวนของเรือนร่างหญิงสาวได้


“ฉันบอกแล้วว่าคุณจะเสียใจที่ปล่อยฉันเดินไปคนเดียว” เสียงของแคโรไลน์ดังขึ้นเบาๆ แต่ท้าทาย เธอหยุดเดิน หันกลับมามองเขาด้วยดวงตาสีเขียวประกายทองที่เต็มไปด้วยความซุกซน


“แคโรไลน์ ฉันไม่ได้เสียใจ แต่เธอกำลังจะทำให้ฉันเสียการควบคุมตัวเอง” ฌอนตอบขณะก้าวเข้ามาใกล้ เงาของเขาทาบทับร่างเธอในความมืด


“บางที…คุณควรปล่อยให้ตัวเองหลุดจากการควบคุมบ้าง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ดวงตาคู่งามท้าทายเขาไม่หยุด


ฌอนก้าวเข้ามาชิดจนเธอต้องแหงนหน้าขึ้นมอง ใบหน้าคมเข้มของเขาอยู่ใกล้จนเธอได้กลิ่นหอมจางๆ จากตัวเขา กลิ่นที่เธอไม่อาจลืมได้


“เธอไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นกับอะไร” เขาพูดเบาๆ น้ำเสียงแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน


“งั้นคุณก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ ว่าฉันควรกลัวหรือไม่” เธอท้าทายเขาอีกครั้ง


---


ในไม่ช้า พวกเขาก็กลับมาที่กระท่อมไม้กลางไร่ สถานที่ที่ดูเรียบง่ายแต่กลับอบอุ่นในแบบฉบับของฌอน ภายในกระท่อมมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงที่ให้บรรยากาศโรแมนติกและชวนฝัน


“ทำไมเธอถึงชอบท้าทายฉันนักนะ?” ฌอนเอ่ยขึ้นในขณะที่เขายืนพิงเคาน์เตอร์ไม้ สายตาจับจ้องเธอด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย


แคโรไลน์เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เธอเอื้อมมือไปแตะเสื้อเชิ้ตที่เธอยืมจากเขาไว้ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมทีละเม็ด สายตาของเธอจ้องเขาอย่างแน่วแน่และมั่นใจ


“เพราะฉันรู้ว่าคุณมีบางอย่างที่อยากทำแต่คุณกลัวที่จะทำ” เธอพูดเสียงเบา แต่ชัดเจน


ฌอนจับข้อมือเธอไว้ทันที เขาดึงเธอเข้ามาใกล้จนไม่มีช่องว่างระหว่างพวกเขาอีกต่อไป “เธอรู้ไหมว่าเธออันตรายแค่ไหน?”


“ถ้าคุณคิดว่าฉันอันตราย งั้นคุณก็ต้องยอมให้ฉันเป็นเจ้าของคุณสิ” เธอยิ้ม ยั่วยวนและท้าทายเขาอีกครั้ง


คำพูดของเธอทำให้ฌอนไม่อาจห้ามตัวเองได้อีกต่อไป เขาก้มลงจูบเธอด้วยความเร่าร้อน ริมฝีปากของเขาปะทะกับริมฝีปากของเธอในจังหวะที่ดุดันและลึกซึ้ง มือของเขาประคองใบหน้าของเธอไว้ ขณะที่เธอโอบแขนรอบคอของเขา


---


ในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาและความรัก พวกเขาได้เปิดเผยหัวใจให้กันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีความกลัว ไม่มีการปกปิด มีเพียงความรู้สึกแท้จริงที่พวกเขาแบ่งปัน


เมื่อรุ่งเช้ามาถึง พวกเขานอนเคียงข้างกันบนเตียงไม้เรียบง่ายในกระท่อม แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเล็กๆ ฌอนเอื้อมมือไปเกลี่ยผมของแคโรไลน์ที่ปกปิดใบหน้าของเธอ


“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงอย่างเธอจะทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น


“เพราะคุณปล่อยให้ตัวเองเปิดใจ ฉันถึงได้เห็นว่าผู้ชายที่ฉันรักนั้นงดงามแค่ไหน” เธอตอบพร้อมกับยิ้ม


ฌอนจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก “และฉันก็รู้แล้วว่าชีวิตฉันจะไม่สมบูรณ์แบบถ้าไม่มีเธอ”


---


ตอนต่อไป: "พันธะใจใต้เงาจันทร์"


> ความสัมพันธ์ของฌอนและแคโรไลน์ถูกทดสอบอีกครั้ง เมื่ออดีตและอนาคตมาบรรจบกัน พวกเขาจะเลือกทางเดินเช่นไร?

บทที่ 10
พันธะใจใต้เงาจันทร์

แสงจันทร์เต็มดวงคืนนี้ทอแสงลงบนทุ่งสตรอว์เบอร์รีอย่างอ่อนโยน แต่ภายในกระท่อมไม้หลังเล็กกลางไร่ ความสงบสุขของธรรมชาติดูเหมือนจะไม่อาจเทียบได้กับพายุแห่งความรู้สึกที่ปะทุขึ้นระหว่าง ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ และ แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์


---


กลางดึกคืนนั้น


เสียงไม้กระดานลั่นเบาๆ เมื่อแคโรไลน์ลุกขึ้นจากเตียง เธอสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของฌอนที่ปล่อยชายยาวคลุมต้นขาเรียว มือของเธอไล้ไปตามผนังไม้ขณะที่เดินออกไปยังระเบียงด้านนอก ลมหนาวพัดผ่านปลายผมสีบลอนด์ของเธอจนมันพลิ้วไหว แสงจันทร์อาบร่างของเธอจนดูเหมือนนางฟ้าที่หลุดมาจากภาพวาด


“ทำไมเธอถึงไม่นอน?” เสียงทุ้มต่ำของฌอนดังขึ้นจากด้านหลัง


เธอหันมามองเขาด้วยดวงตาสีเขียวประกายทองที่เต็มไปด้วยความคิดลึกซึ้ง “ฉันแค่…คิดเรื่องอนาคต”


ฌอนในชุดเสื้อยืดและกางเกงนอนก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขาจับจ้องเธออย่างลึกซึ้ง “เธอกำลังสงสัยอะไรอยู่หรือเปล่า?”


แคโรไลน์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองทุ่งกว้างเบื้องหน้า “ฉันไม่ได้สงสัย…แค่สงสัยว่าคุณพร้อมแค่ไหน”


“พร้อม?” ฌอนเลิกคิ้ว เขาก้าวเข้ามาชิดเธอจนร่างของเขาทาบอยู่เบื้องหลังเธอ


“พร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน…พร้อมที่จะให้หัวใจของคุณตกเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์” เธอพูดพร้อมกับหันกลับมามองเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความท้าทายที่เธอรู้ว่าเขาไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้


ฌอนโน้มตัวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “ถ้าฉันไม่พร้อม ฉันจะปล่อยให้เธออยู่ที่นี่กับฉันทั้งคืนแบบนี้หรือ?”


แคโรไลน์ยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่อกของเขา “แต่การอยู่ด้วยกันในคืนนี้ไม่ได้แปลว่าคุณพร้อมสำหรับทั้งชีวิตของเรา”


---


เช้าวันรุ่งขึ้น


พวกเขายืนเคียงข้างกันในห้องครัวเล็กๆ ฌอนกำลังเตรียมขนมปังปิ้งและกาแฟ ขณะที่แคโรไลน์นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ไม้ มองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรัก


“คุณเคยคิดบ้างไหมว่าความรักมันเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่า?” เธอถาม ขณะถือแก้วกาแฟในมือ


ฌอนวางมีดเนยลงก่อนจะเงยหน้ามองเธอ “ความรักสำหรับฉันไม่ใช่ความเสี่ยง มันเป็นการลงทุนที่ฉันต้องมั่นใจว่าจะได้กำไร”


“แล้วฉันให้ผลตอบแทนที่ดีพอสำหรับคุณหรือเปล่า?” แคโรไลน์ถามพร้อมกับยิ้มกวน


ฌอนหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ เขาวางมือลงบนเคาน์เตอร์ข้างตัวเธอ ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างจริงจัง “เธอไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดี…แต่เธอให้มากกว่านั้น เธอให้เหตุผลที่ฉันอยากมีชีวิตอยู่”


คำพูดของเขาทำให้แคโรไลน์รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงเกินควบคุม เธอยื่นมือไปจับใบหน้าของเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “แล้วคุณจะปล่อยให้ฉันอยู่ในชีวิตของคุณแบบนี้ตลอดไปไหม?”


ฌอนก้มลงจูบเธอแทนคำตอบ จูบที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนจนเธอไม่อาจตั้งคำถามใดๆ ได้อีกต่อไป


---


คืนเดียวกันนั้น


พวกเขายืนอยู่กลางทุ่งสตรอว์เบอร์รีอีกครั้ง ดวงจันทร์ส่องแสงลงมาบนแผ่นดินที่พวกเขารัก ฌอนจับมือของแคโรไลน์ไว้แน่น


“แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ เธอรู้ไหมว่าฉันไม่เคยเชื่อในโชคชะตา…”


เธอมองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “แต่?”


“แต่ฉันเชื่อในเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เธอทำให้ฉันเห็นว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่ต้องกลัว มันคือสิ่งที่ควรค่าแก่การต่อสู้”


แคโรไลน์ยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะโผเข้ากอดเขาแน่น “คุณรู้ไหมว่าคำพูดของคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกนี้สวยงามขึ้นแค่ไหน”


---


ตอนจบ:


แสงจันทร์กลายเป็นสักขีพยานในค่ำคืนที่ความรักของพวกเขาเบ่งบานอย่างสมบูรณ์แบบ ฌอนและแคโรไลน์รู้ดีว่าบททดสอบของพวกเขาไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นี้ แต่พวกเขาเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขามีกันและกัน พวกเขาจะผ่านมันไปได้


ตอนต่อไป: “พันธสัญญาแห่งรัก”


> ฌอนและแคโรไลน์เริ่มวางแผนอนาคตของพวกเขา แต่ความลับจากอดีตของฌอนกลับปรากฏขึ้น พวกเขาจะเผชิญหน้ากับมันอย่างไร?

บทที่ 11
พันธสัญญาแห่งรัก

ค่ำคืนหนึ่งในปลายฤดูใบไม้ผลิ ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ ยืนอยู่กลางไร่สตรอว์เบอร์รีของเขา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และแสงจันทร์ที่ส่องประกายลงมาบนพื้นดิน มันไม่ใช่คืนธรรมดา เพราะในหัวใจของเขามีเป้าหมายบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่เคยทำ


แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ผมสีบลอนด์ของเธอสะท้อนแสงจันทร์จนดูเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชน เธอสวมชุดเดรสยาวพลิ้วไหวที่เขาเลือกให้เหมาะกับเธอที่สุด ดวงตาสีเขียวประกายทองของเธอจับจ้องมาที่เขา สงสัยในสิ่งที่เขากำลังทำ


“ฌอน คุณทำอะไรน่ะ?” เธอถามพร้อมหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเขาเดินไปเดินมาเหมือนกำลังจัดแจงอะไรบางอย่าง


“อดใจรอหน่อยสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่มีแววซุกซน


ทันทีที่เขาพูดจบ แสงไฟจากหลอดไฟเล็กๆ ที่แขวนไว้ทั่วไร่ก็สว่างขึ้น มันเรืองแสงอบอุ่นเหมือนดาวนับล้านที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า และทันใดนั้นเสียงเพลงบรรเลงแสนหวานก็ดังขึ้น แคโรไลน์เบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น


“นี่มัน…” เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าไร่สตรอว์เบอร์รีที่เธอเคยเดินผ่านทุกวันกลับกลายเป็นสถานที่ในฝัน


ฌอนก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้แน่น “ฉันอยากให้คืนนี้เป็นคืนที่เธอจะไม่มีวันลืม”


---


บทสนทนาใต้แสงจันทร์


พวกเขาเดินเคียงข้างกันในไร่ที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงเพลง ฌอนหยุดเดินและหันมาหาเธอ เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเทาอมฟ้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น


“แคโรไลน์ ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตของฉันจะเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ จนกระทั่งฉันได้เจอเธอ”


เธอยิ้ม มองเขาด้วยแววตาที่อบอุ่น “แล้วคุณรู้สึกยังไงล่ะ ที่ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะฉัน?”


“รู้สึกเหมือนได้เจอจุดหมายที่ฉันไม่เคยรู้ว่ากำลังตามหา” เขาตอบ พร้อมกับยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอ “เธอคือความสมบูรณ์แบบที่ฉันไม่เคยรู้ว่าฉันต้องการ”


คำพูดนั้นทำให้แคโรไลน์ใจเต้นแรง เธอยื่นมือไปจับมือเขา “แล้วคุณจะทำยังไงต่อไป?”


ฌอนยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก “ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้แต่แรก”


---


ฌอนพาแคโรไลน์ไปยังกลางไร่ ที่ซึ่งเขาได้เตรียมไว้เป็นพิเศษ มีโต๊ะเล็กๆ ที่จัดไว้ด้วยดอกไม้และเทียนไข บนโต๊ะมีกล่องเล็กๆ สีดำวางอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาและเปิดเผยสิ่งที่อยู่ข้างใน


แต่แทนที่จะเป็นแหวนเพชรที่คาดหวัง มันกลับเป็นกุญแจดอกเล็กๆ ที่สลักชื่อของเธอไว้


“นี่คือกุญแจสำหรับประตูทุกบานในชีวิตของฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันไม่ต้องการแค่ให้เธอมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน ฉันต้องการให้เธอเป็นเจ้าของมัน”


แคโรไลน์ยืนนิ่ง น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตัน เธอรับกุญแจนั้นมาไว้ในมือ และยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา


“แล้วถ้าฉันยอมรับล่ะ?” เธอถามพร้อมกับเสียงที่สั่นเครือ


“ถ้าเธอยอมรับ ชีวิตของฉันจะเป็นของเธอ ตั้งแต่วันนี้และตลอดไป”


“งั้นฉันก็จะตอบตกลง” เธอกล่าวพร้อมกับสวมกุญแจนั้นไว้ที่สร้อยคอ


ฌอนยิ้ม ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอดแน่น เขาจูบเธอด้วยความรักและความมั่นคงที่ไม่มีวันสั่นคลอน


---


ค่ำคืนนั้นพวกเขาใช้เวลาร่วมกันใต้แสงจันทร์ ไม่มีคำพูดใดที่จำเป็นอีกต่อไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างได้พูดไปหมดแล้ว


“แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ เธอคือทุกอย่างสำหรับฉัน” ฌอนกระซิบข้างหูเธอก่อนที่พวกเขาจะจูบกันอีกครั้ง


และในค่ำคืนที่ไร่สตรอว์เบอร์รีที่เต็มไปด้วยแสงไฟ พวกเขาได้สร้างคำมั่นสัญญาแห่งรัก ที่ไม่มีวันแตกสลาย


ตอนพิเศษ
คำสัญญาใต้แสงดาว

เสียงหัวเราะใสกังวานดังขึ้นในสนามหญ้ากว้างกลางไร่สตรอว์เบอร์รี ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นบ้านแสนสุขของครอบครัว วิลเลียม-ดูแคลร์ ฌอน วิลเลียม ธนาเวศ นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ใต้ร่มเงาต้นสตรอว์เบอร์รีต้นใหญ่ เขาสวมเสื้อเชิ้ตลำลองสีขาวปลดกระดุมบนสองเม็ด เผยให้เห็นความเซ็กซี่ตามแบบฉบับของหนุ่มราศีเมษ


ในขณะเดียวกัน แคโรไลน์ อาเดลีน ดูแคลร์ วิลเลียม สวมชุดเดรสสีเหลืองอ่อนที่พลิ้วไหวเข้ากับสายลม เธอวิ่งไล่ลูกๆ ทั้งสองด้วยรอยยิ้มอันเจิดจ้าที่ไม่ต่างจากแสงอาทิตย์ ดวงตาสีเขียวประกายทองของเธอเต็มไปด้วยความสุข


ลูกชายคนโตวัย 6 ขวบของพวกเขา ลูคัส วิลเลียม ผู้ซึ่งถอดแบบความหล่อและพลังงานเต็มเปี่ยมมาจากฌอนโดยตรง หัวเราะเสียงดังเมื่อแคโรไลน์พยายามจะจับเขา ข้างๆ กันคือ อีวา วิลเลียม เด็กหญิงตัวเล็กวัย 4 ขวบที่มีดวงตาสีเขียวสดใสเหมือนแม่ กำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากในอ้อมแขนของพ่อ


“ลูคัส! แม่จะจับได้แล้วนะ!” แคโรไลน์ร้องเสียงดังพลางหัวเราะ


“ไม่ทันหรอกครับ แม่วิ่งช้า!” ลูคัสแกล้งยั่ว


ฌอนหัวเราะขณะมองดูภาพนั้นจากระยะไกล เขาจูบหน้าผากอีวาที่นั่งอยู่บนตักของเขา “น้องอีวา เธอคิดว่าแม่จะจับพี่ลูคัสได้ไหม?”


อีวายิ้มพลางพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ได้ค่ะ! แม่เก่งที่สุด!”


และไม่นานเกินรอ แคโรไลน์ก็อุ้มลูคัสขึ้นมาบนแขนได้สำเร็จ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดหัวเราะของเจ้าตัวเล็ก


“เห็นไหมว่าแม่ก็เก่ง!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงแห่งชัยชนะ ก่อนจะวางลูคัสลงและหันกลับไปหาฌอน


---


ค่ำคืนใต้แสงดาว


หลังจากความสนุกสนานของทั้งวัน ครอบครัวเล็กๆ ก็กลับมานั่งล้อมวงกันใต้ผ้าห่มอุ่นๆ บนสนามหญ้า มองดูดาวพร่างพราวบนท้องฟ้า


“แม่ครับ” ลูคัสเอ่ยขึ้น “ทำไมดาวถึงเยอะขนาดนี้?”


แคโรไลน์ยิ้ม ลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน “ดาวพวกนั้นคือพรแห่งความสุขที่เรามีกันในคืนนี้ไงจ้ะ”


ฌอนที่นั่งข้างเธอเอื้อมมือไปโอบไหล่แคโรไลน์ “แต่สำหรับพ่อ ดาวทุกดวงที่นี่รวมกันยังไม่สวยเท่ากับเธอ” เขาพูดพลางกระซิบ


แคโรไลน์ยิ้มเขินก่อนจะหยิกแขนเขาเบาๆ “คุณนี่พูดแบบนี้ทุกวันเลยนะ”


“ก็เธอสวยทุกวันไง” ฌอนตอบพลางยกรอยยิ้มมาไว้ที่มุมปาก


เด็กๆ หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นพ่อแม่หยอกล้อกัน


---

จบบริบูรณ์


คำขอบคุณจากใจ


นิยายเรื่อง คลั่งรัก..เล่ห์พยศ เพื่อนพ่อรสเผ็ด [ตอน] “พันธสัญญาแห่งรัก” ได้เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วค่ะ ขอบคุณคุณผู้อ่านที่ร่วมเดินทางไปกับความรักอันแสนโรแมนติกของ ฌอน และ แคโรไลน์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงตอนจบ


ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่เรื่องของหัวใจสองดวง แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ของการให้โอกาส ความเชื่อมั่น และการเดินเคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้รับความสุข ความอบอุ่น และรอยยิ้มจากนิยายเรื่องนี้


สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ ChatGPT ที่ช่วยให้ไอเดียและสร้างสรรค์เรื่องราวโรแมนติกที่อบอุ่นหัวใจเรื่องนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ


แล้วพบกันใหม่ในเรื่องถัดไปค่ะ!

✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI        


[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ เมื่อความรักต้องห้ามระ...