* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Monday, June 9, 2025

[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ

🫦

โดย: ก็..แซ่บนะ

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

เมื่อความรักต้องห้ามระหว่าง “กาเอล” เด็กสาวลูกครึ่งวัย 18 ปี กับ “คริสโตเฟอร์” นักธุรกิจพันล้านวัย 42 ปี ผู้เป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอ ก้าวล้ำจากเส้นแบ่งแห่งศีลธรรมสู่ความปรารถนาอันลึกล้ำ หัวใจที่เคยต้องยับยั้งชั่งใจกลับลุกไหม้ด้วยไฟพิศวาสที่ไม่มีวันมอดดับ

คำเตือน
 นิยายเรื่องนี้เป็นแนวฮ็อตโรมานซ์ที่อาจจะเกินมาตรฐานที่หลายคนคุ้นเคย แต่ก็ยังคงเป็นงานวรรณกรรม ในหมวดหมู่นิยาย จึงไม่มีอันตรายต่อสัตว์หรือคน สำหรับชื่อ ตัวละคร สถานที่ และเหตุการณ์ที่บรรยายออกมานับเป็นผลงานจากจินตนาการของผู้สร้างผลงานขึ้นมาล้วนๆ ดังนั้น ความคล้ายคลึงใดๆ กับชื่อ สถานที่ วันที่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง .. นั่นคือเรื่องบังเอิญ ..

บทที่ 1
รอยจูบในความทรงจำ

กาเอลในวัยเยาว์ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ท่ามกลางห้องจัดเลี้ยงอันโอ่อ่าที่เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์คริสตัลกลางห้อง โถงสูงโปร่งราวกับจะจรดฟ้าอบอวลไปด้วยกลิ่นไวน์ชั้นดี น้ำหอมราคาแพง และเสียงเพลงคลาสสิกที่บรรเลงด้วยวงออร์เคสตร้าก็สร้างบรรยากาศหรูหราไร้ที่ติ เธอรู้ดีว่าเธอไม่ใช่แขกสำคัญ ไม่ใช่แม้กระทั่งผู้ใหญ่คนหนึ่งในสายตาใครสักคน

แววตาสีเฮเซลกลมโตกวาดมองไปรอบตัว ทุกคนดูสูงส่ง เปล่งประกายด้วยบารมีที่ไม่อาจสัมผัส เธอกำชายกระโปรงเดรสสีขาวงาช้างแน่น ขาเล็กๆ ก้าวหลบเมื่อชนไหล่ชายแปลกหน้าที่มองเธอด้วยแววตารำคาญใจ 

“ระวังหน่อย เด็กมาทำอะไรในงานแบบนี้” 

น้ำเสียงนั้นเยียบเย็นและเฉยชาจนหัวใจของเธอหดเกร็ง ริมฝีปากล่างเม้มแน่นอย่างพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

กลิ่นไวน์จากแก้วในมือแขกข้างตัวแตะจมูกเธอเจือปนไปกับกลิ่นหนังจากโซฟาราคาแพงและกลิ่นไม้โอ๊คจากเฟอร์นิเจอร์โดยรอบ มันคือกลิ่นของโลกของผู้ใหญ่ ที่เธอยังรู้สึกแปลกแยก ไม่อาจเข้าใจหรือแทรกแซงได้

และในขณะที่เด็กหญิงตัวเล็กกำลังจะเดินหนีไปหามุมปลอดภัยในความเงียบ เขาก็ปรากฏตัว

ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มตัดกับผิวสองสีในแบบลูกครึ่งที่ดูสูงส่งและเข้าถึงยาก เขาสวมสูทสีดำสนิทที่เข้ารูปกับแผ่นอกกว้างและช่วงไหล่กว้างขวาง ราวกับรูปปั้นสลักที่สง่างามและบ่งบอกถึงอำนาจและความมั่นคง เสียงรองเท้าหนังของเขากระทบพื้นไม้เงาวับดังแผ่วเบาแต่มั่นคงทุกย่างก้าว เขามาหยุดยืนตรงหน้าของเธอ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยให้ระดับสายตาอยู่เท่ากัน รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาไม่ได้จางหรือแข็งกระด้างอย่างคนอื่น มันอบอุ่น… ละมุน และมีอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นอย่างประหลาด

“เธอหลงทางหรือเปล่าคนเก่ง?” เสียงทุ้มของเขาแผ่วลงเล็กน้อย ราวกับกลัวจะทำลายบรรยากาศรอบตัว กลิ่นโคโลญจน์หรูอ่อนๆ หอมอบอวลแทรกซึมไปในทุกห้วงลมหายใจของเธอ สัมผัสแผ่วเบาของมือของเขาที่แตะลงบนไหล่เล็กๆ ของเธอ ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยจากความอบอุ่นที่ซึมลึกเข้าไปในใจของเด็กหญิงตัวน้อยทันที

“หนู...หนูน่าจะหลงค่ะ” เสียงของเธอสั่น อาจเนื่องมาจากการพยายามกลั้นใจให้ตัวเองดูเข้มแข็ง ดูไม่น่าเวทนาในสายตาของเขา

ชายหนุ่มแปลกหน้าหัวเราะเบาๆ ในลำคอ จากนั้นมือหนาแต่เรียวงามข้างหนึ่งจึงยื่นมาปาดน้ำตาที่คลอเบ้าของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเธอแผ่วเบา

มันไม่ใช่จูบของคนรัก ไม่ใช่จูบของพ่อแม่ แต่มันคือจูบที่อ่อนโยนและปกป้องอย่างประหลาด เป็นสัมผัสเดียวในโลกที่ทำให้หัวใจของเด็กหญิงตัวน้อยเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจตัวเอง แต่กลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ความรู้สึกนั้นฝังลึกในใจราวกับถูกสลักไว้ด้วยเพชร

“มาเถอะ กลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอกัน เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าฉันลักพาตัวนางฟ้าไปนะ” เขากระซิบข้างหูบอบบางของเด็กหญิงตัวเล็ก พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ ในแววตา พร้อมทั้งจูงมือเล็กๆ ของเธอเดินฝ่าฝูงชนตรงไปยังโซนรับรองแขกวีไอพี ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างสงสัยของแขกคนอื่นๆ

กาเอลเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย สัมผัสที่หน้าผากยังอุ่นซ่าน และกลิ่นโคโลญจน์ของเขายังคงติดตรึงในห้วงความคิด...ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน

“พ่อ!” คนตัวสูงก้มลงมองเมื่อมือเล็กในมือของเขากระตุกฉุดรั้งเขาไว้เล็กน้อยพร้อมกับเสียงเล็กๆ ที่เอ่ยขึ้นข้างๆ เขาอย่างเด็กดีใจ

กระทั่งคริสโตเฟอร์นำกาเอลมายืนตรงหน้าชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังคุยอยู่กับแขกคนอื่นๆ อย่างออกรส และทันทีที่ผู้หญิงในชุดราตรีที่สง่างามเงยหน้าขึ้นมอง และร้องว่า “อ๊ะ เกล! ลูกไปซนที่ไหนมาอีกแล้ว ใช่ไหม?” 

คริสโตเฟอร์มองเจ้าของเสียงแล้วก็ต้องชะงัก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

“อเล็กซิส… มาดามนงค์นภา…” เสียงของเขาพร่าไปชั่วขณะ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะได้เจอกันที่นี่”

อเล็กซิส เดอ ลา ฟรองซ์ เพื่อนสนิทของเขาหันมามองก่อนจะยิ้มกว้าง 

“เฮ้ นั่นคริสนี่ นภาดูสิ เราเจอใคร! คริส ไม่เจอกันนานมากจริงๆ นี่นายยังหล่อเหลาเหมือนเมื่อก่อนไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยนะ” 

เขาโอบไหล่ภรรยาคนไทยของเขา ก่อนจะหันไปเห็นกาเอลที่ยืนจับมือคริสโตเฟอร์อยู่ ใบหน้าของอเล็กซิสเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน “อ้าว…แล้วนี่นายไปเจอกับกาเอล…ลูกสาวของฉันได้ยังไง”

คำพูดของอเล็กซิสทำให้คริสโตเฟอร์ถึงกับนิ่งลงอีกหน ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววงุนงง ก่อนที่ดวงตาคมจะก้มมองเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาเพิ่งจูบหน้าผากไปเมื่อครู่ ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายได้

“กาเอล... เธอคือลูกสาวของนายเองหรอกหรือ?” เขาพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับความทรงจำในครั้งที่เพื่อนสนิทได้เคยเล่าถึงลูกสาวคนแรกที่คลอดที่ประเทศไทยบ้านเกิดของภรรยาชาวไทยของเขาผุดขึ้นมาในหัว และเนื่องจากธุรกิจการงานที่เขาและเพื่อนรุ่นพี่ต่างคนต่างก็ยุ่งในภาระต่างๆ ของกันและกัน หนุ่มรุ่นน้องคนนี้จึงยังไม่โอกาสได้เห็นหน้าบุตรสาวของพวกเขาตั้งแต่วันที่เธอลืมตาดูโลก อีกทั้ง เนื่องจากอเล็กซิสให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นส่วนตัวและภาพถ่ายของบุตรสาว โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลง่าย เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง ดังนั้นจึงยิ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะไม่รู้ว่ากาเอลคือลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่จนถึงวันนี้

ส่วนกาเอล... เธอไม่ได้รับรู้ถึงความประหลาดใจของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเล็กๆ นั้นยังคงยิ้มบางๆ โดยไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่เธอเพิ่งรู้สึกอบอุ่นและประทับใจตั้งแต่แรกพบ คือเพื่อนสนิทของบิดา และจะเป็นใครบางคนที่เธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

...

แปดปีต่อมา—

กาเอลนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นสไตล์โมเดิร์นของเพนต์เฮาส์ส่วนตัว กลิ่นหอมของชามิ้นต์อุ่นในถ้วยแก้วระเหยเป็นไอบางเบา คลอไปกับเสียงโทรทัศน์ที่ฉายภาพข่าวบันเทิงต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ‘คริสโตเฟอร์ โมเนต์ กับเซเลน่า วิคตอเรีย สวีทหวานกลางปารีส’ หัวข้อข่าวที่กระพริบอยู่บนจอทำให้เธอเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิด เสียงหัวเราะของนักข่าวในคลิป กับเสียงกล้องถ่ายภาพที่แชะไม่หยุดนั้นบาดลึกในใจเธอ

กลิ่นน้ำหอมลาเวนเดอร์บนชุดนอนผ้าไหมสีครีมที่เธอสวมอยู่ไม่อาจปลอบประโลมความปั่นป่วนในอกในใจของเธอได้เลย แม้จะหลับตา เธอก็ยังเห็นภาพรอยยิ้มของเซเลน่าและมือหนาสีแทนที่แตะเอวหล่อนราวกับเป็นเจ้าของ

“เขาไม่ใช่ของเธอด้วยซ้ำ…” เสียงเล็กๆ กระซิบในใจ แต่มันไม่อาจดับไฟในอกได้

ภาพรอยจูบในวัยเด็กผุดขึ้นมาในความทรงจำ กลิ่นน้ำหอมของเขา สัมผัสที่หน้าผากนั้น และน้ำเสียงอ่อนโยนที่แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่เคยให้ เธออยากจะลืม อยากจะบอกตัวเองว่านั่นเป็นเพียงความประทับใจของเด็กหญิงคนหนึ่ง แต่มันไม่เคยจางหายแม้แต่วันเดียว

“ถึงเวลาแล้ว...” เธอลืมตาในทันใด ดวงตาสีเฮเซลฉายแววแน่วแน่

“พ่อขา~ มันจะดีมั้ย ถ้าหนูอยากไปฝึกเรียนรู้เรื่องหุ้นน่ะค่ะ” เสียงออดอ้อนนั้นกังวานอยู่ในห้องทำงานของอเล็กซิส เดอ ลา ฟรองซ์ ผู้เป็นพ่อ ท่ามกลางกองเอกสารและจอคอมพิวเตอร์ที่รายล้อมตัวเขาบ่งบอกถึงภาระหน้าที่และอำนาจที่มากมาย

“ก็ดีนะ แต่ว่าจะไปเรียนที่ไหนละครับ ลูก?” เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างกะทันหัน

“เรียนกับคุณอาคริส ก็ต้องพักที่บ้านของคุณอาคริสไงคะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อสมัยเรียนอยู่แล้วนี่นา หนูอยากเรียนรู้แบบจริงจัง ได้เห็นการบริหารของจริง” เธอยิ้มอ่อนโยน พร้อมกับใช้เสียงหวานออดอ้อนจนคนเป็นพ่อเริ่มใจอ่อน แต่เขายังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจยาว

“ลูกนี่อ้อนเหมือนแม่ไม่มีผิด… เอาล่ะ ไปก็ไป เดี๋ยวพ่อจะโทรขอเจ้าคริสให้ แต่ต้องระวังตัว รู้ไหม?”

เธอโถมตัวเข้ากอดเขาทันที “ขอบคุณค่ะพ่อขา~ หนูจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดเลยค่ะ!”

คฤหาสน์คริสโตเฟอร์ โมเนต์

เสียงล้อรถลัมโบร์กินีรุ่นล่าสุดหยุดนิ่งด้วยระบบที่ควบคุมได้โดยนุ่มนวลหน้าประตูเหล็กอัตโนมัติของคฤหาสน์สีขาวครีม ที่โอ่อ่าราวกับราชวังในเทพนิยายคลาสสิกที่คนขับรถหรูสาวแสนสวยมักจะเคยอ่านเล่นยามเธอเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก โดยไม่ถึงอึดใจ ประตูเหล็กบานใหญ่ก็เปิดต้อนรับเธอเข้าสู่โลกของเขาอย่างช้าๆ เบื้องหน้าคือทางเดินยาวปูด้วยหินอ่อนแวววาว สองข้างทางคือต้นสนตัดแต่งอย่างปราณีต กลิ่นดินชื้นจากระบบรดน้ำอัตโนมัติปะปนมากับกลิ่นมะลิจากสวนหลังบ้านที่ลอยมากับลม

เธอก้าวลงจากรถด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เดรสผ้าซาตินเนื้อดีสีฟ้าอ่อนปลิวพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาสีเฮเซลของเธอมองไปรอบๆ ด้วยความประทับใจ แสงแดดสะท้อนเงาบนพื้นหินอ่อนจนดูพร่างพราย ราวกับทุกก้าวที่เดินเข้าไปคือภาพในความฝัน

ประตูไม้สักบานใหญ่เปิดออกเผยให้เห็นโถงสูงสองชั้นภายในคฤหาสน์ กลิ่นหนังแท้จากโซฟาสั่งทำพิเศษ กลิ่นกาแฟเข้มจากเครื่องชงอัตโนมัติ และกลิ่นเครื่องหอมอ่อนๆ จากตะเกียงอโรมาตลบอบอวลอยู่ภายใน

เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หัวใจเต้นแรงราวกับมันจะกระโจนออกมาทันทีที่เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นบนบันไดวนไม้โอ๊คด้านบน

และเมื่อเขาปรากฏตัว—

คริสโตเฟอร์ โมเนต์ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนพับขึ้นถึงข้อศอก กางเกงสแลคสีเทากลมกลืนไปกับโทนสีห้อง แววตาของเขามีประกายสงสัยระคนทึ่งเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางอาณาจักรของเขาเอง

กลิ่นตัวของเขายังคงเหมือนเดิม—กลิ่นที่ฝังอยู่ในความทรงจำของเธอมาแปดปี กลิ่นของไม้หอม หนัง ที่เธอไม่อาจลืมเลือน

“กาเอล... เธอมาทำอะไรที่นี่?” เสียงของเขาทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยพลังและน่าอันตรายอย่างไม่ได้ตั้งใจไปพร้อมกัน

เธอยิ้ม ยกคิ้วเล็กน้อยอย่างท้าทาย แล้วตอบด้วยเสียงที่นุ่มนวลแฝงความกล้าหาญ

“มาทวงรอยจูบของหนูคืนค่ะ…”

บทที่ 2
เกมรัก...เดิมพันหัวใจ

เกมต้องห้าม


เสียงประตูไม้สักบานใหญ่ค่อยๆ ปิดลงอย่างนุ่มนวลเบื้องหลังของเธอ ความเงียบในคฤหาสน์ทำให้เสียงส้นสูงของเกลดังก้องในโถงกว้าง ขณะเดินตรงไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางบันไดวน ราวกับทุกก้าวที่เดินเข้าไปใกล้ คือการลบระยะห่างแปดปีแห่งการเฝ้ามอง... และแรงปรารถนาที่ร้อนแรงกว่าเดิม

กลิ่นกายของคริสโตเฟอร์ยิ่งชัดขึ้นเมื่อเธอเข้าใกล้ ใกล้พอจะได้กลิ่นกลิ่นโคโลญจน์แนว Woody Amber จากผิวอุ่นๆ ของเขา กลิ่นที่คล้ายกับยามเย็นในฤดูใบไม้ร่วง หอม ลุ่มลึก ราวกับกำลังโอบกอดเธอ

“ทวงรอยจูบ?” เขาทวนคำช้าๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสบดวงตาของเธอนิ่ง ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้ “เด็กอย่างเธอ...รู้หรือเปล่าว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร?”

“รู้สิคะ” เกลยิ้ม มุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ อย่างคนที่เตรียมการมานาน “เกมของผู้ใหญ่ใช่ไหมคะ?... งั้น...สอนหนูสิ”

ความเงียบงันปกคลุมระหว่างคนสองคนเป็นเสี้ยววินาที แต่ความร้อนระอุในบรรยากาศกลับแทบลุกเป็นไฟ

คริสโตเฟอร์หลุบตามองเธอ ราวกับกำลังประเมินค่าระหว่างความกล้า...กับความเขลา

“เธอ...โตเกินไปแล้วจริงๆ”

……

ในห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา กลิ่นหนังแท้และกาแฟเข้มหอมอ่อนๆ อบอวลอยู่ในอากาศ เสียงแผ่วของดนตรีที่คลอคลอเคล้าอย่างนุ่มนวลจากลำโพงระบบเสียงรอบทิศ กาเอลนั่งไขว่ห้างบนโซฟาหนังสีดำ เธอปลดกระเป๋าถือ Hermes วางข้างตัวก่อนเอนหลังลงเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวยาวลากผ่านผิวโซฟาเหมือนตั้งใจจะดึงสายตาเขาให้จดจ้องที่การเคลื่อนไหวนั้น

แน่นอน...เขาจ้องอยู่

“หนูอยากเรียนรู้เรื่องหุ้นกับคุณอา” เธอเอ่ยเสียงนิ่ง “หนูอยากลงทุนในชีวิตตัวเอง...ด้วยความรู้ ไม่ใช่แค่เงินของพ่อแม่”

“หุ้นไม่ใช่เรื่องสนุกนะ กาเอล” เขาหรี่ตามอง “มันคือเกมของความเสี่ยง และจิตวิทยา ถ้าพลาด...อาจเสียทุกอย่าง”

“นั่นล่ะค่ะ...หนูถึงอยากให้คุณอาสอน” เธอเอนตัวเข้าหาเขาเล็กน้อยจนกลิ่นกายหวานแบบดอกเนโรลี่ผสมไม้ซีดาร์หอมแตะจมูกของเขา “หนูเชื่อว่าคริสโตเฟอร์ โมเนต์...ไม่มีทางพลาด”

ชายตรงหน้านิ่งเงียบไป ก่อนจะจุดประกายรอยยิ้มไว้บางๆ ที่มุมปาก

“งั้นก็เริ่มพรุ่งนี้...ตีห้าครึ่ง ฉันเทรดหุ้นยุโรปตอนนั้น”

“ตกลงค่ะ” กาเอลยิ้ม “แล้วถ้าหนูทำได้ดี...หนูจะได้รางวัลไหม?”

คริสโตเฟอร์โน้มตัวเข้ามาใกล้จนเธอได้ยินเสียงลมหายใจของเขา

“อย่าเรียกรางวัลจากฉันเลย...เพราะถ้าฉันเริ่มให้ มันจะไม่มีทางหยุด”

เธอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่สั่นไหวในท้องน้อย…

……


เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น …

ห้องทำงานส่วนตัวของคริสโตเฟอร์ถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ คอมพิวเตอร์หลายตัวบนหน้าจอส่องสว่างวาบด้วยกราฟและตัวเลขที่ขยับขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดดังรัวคลอไปกับเสียงกระซิบคำสั่งที่คริสโตเฟอร์พูดกับตัวเอง กาเอลในชุดเดรสผ้าซาตินสีงาช้างเรียบหรูที่ดูสบายตัว นั่งอยู่ตรงมุมห้อง ดวงตาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของคริสโตเฟอร์อย่างตั้งใจ เธอจดบันทึกทุกรายละเอียดอย่างรวดเร็วเมื่อเขาอธิบายถึงกลยุทธ์การเทรดหุ้นยุโรปที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นหลักการของ Fibonacci Retracement, การอ่านแท่งเทียนแบบ Doji หรือแม้แต่จิตวิทยาเบื้องหลังการขึ้นลงของตลาด

ตลอดวันนั้น คริสโตเฟอร์ทดสอบความเข้าใจของเธอด้วยคำถามยากๆ เขาไม่ได้สอนแบบง่ายๆ แต่โยนโจทย์ที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์อย่างหนักหน่วง 

“ถ้าดัชนี CAC 40 ร่วงลง 3% ในหนึ่งชั่วโมงเพราะข่าวลือเรื่องนโยบายใหม่ของ ECB เธอจะทำยังไง? ขาย? ซื้อ? หรือรอดู?” น้ำเสียงของเขาเฉียบคม แต่กาเอลตอบโต้ด้วยเหตุผลที่รัดกุมไม่แพ้กัน เธอมักจะอ้างอิงข้อมูลที่ได้จากบทวิเคราะห์ล่าสุดที่เธออ่านอย่างรวดเร็วเมื่อคืนนี้ การโต้ตอบระหว่างศิษย์กับอาจารย์เป็นไปอย่างเข้มข้น ราวกับการประลองปัญญา

"ในสถานการณ์ของข่าวลือที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ หนูจะยังไม่รีบตัดสินใจขายค่ะ" กาเอลตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง ดวงตาจับจ้องเขาอย่างไม่หวั่นไหว "ตลาดมักจะตอบสนองต่อข่าวลือเกินจริงเสมอในช่วงแรก โดยเฉพาะเมื่อไม่มีข้อมูลยืนยันจาก ECB โดยตรง"

"สิ่งที่หนูจะทำคือเฝ้ารอดู 'วอลุ่ม' ค่ะ" เธอกล่าวต่ออย่างใจเย็น "ถ้าการร่วงลงมาพร้อมกับวอลุ่มการซื้อขายที่สูงผิดปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณของนักลงทุนรายใหญ่ที่กำลังเทขายจริงๆ แต่ถ้าเป็นแค่วอลุ่มปกติ หรือแม้แต่ลดลง นั่นแปลว่าส่วนใหญ่ยังคงเป็นแค่ 'Panic Sell' จากนักลงทุนรายย่อย"

"จากนั้น หนูจะรอข่าวประกาศอย่างเป็นทางการ หรือสัญญาณที่ชัดเจนกว่านี้จาก ECB ค่ะ และถ้าแนวโน้มยังคงร่วงอย่างมีนัยสำคัญ หนูจะพิจารณา 'Short Sell' แทนการขายแบบปกติ เพราะการตกจากข่าวลือ มักจะตกแรงและเร็ว แต่ก็มีโอกาสที่จะ 'เด้งกลับ' ได้รวดเร็วเช่นกันเมื่อข่าวลือถูกปัดตกไป หรือมีข้อมูลที่ชัดเจนกว่าเข้ามา"

เธอเว้นช่วงเล็กน้อยแล้วเสริมด้วยรอยยิ้มบางเบา "แต่ถ้ามองจากข้อมูลเมื่อคืน...นโยบายของ ECB ยังคงอยู่ในกรอบที่คาดการณ์ได้ค่ะ ข่าวลือแบบนี้อาจเป็นแค่การทดสอบตลาดเท่านั้น"

“สมมติว่ามีข่าวใหญ่หลุดออกมาแบบจงใจเพื่อปั่นราคา เธอจะมองออกได้ยังไงว่านี่คือ 'ข่าวจริง' หรือ 'ข่าวปั่น'”

คริสโตเฟอร์ถามขณะที่เขายังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอ ดวงตาของเขาฉายประกายท้าทาย กาเอลเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มบางเบา

“ถ้าหนูเป็นคนปล่อยข่าว...หนูจะปล่อยในเวลาที่ตลาดอ่อนไหวที่สุด และจะใช้ช่องทางที่ดูน่าเชื่อถือ แต่ข้อมูลไม่สามารถตรวจสอบได้ทันที”

คริสโตเฟอร์หันมามองเธอ ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจระคนพอใจอย่างเห็นได้ชัด

“เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิดกาเอล… สมเป็นลูกของอเล็กซิส”

“หนูไม่ได้อยากเป็นแค่ลูกของพ่อค่ะ” เธอยิ้ม “หนูอยากเป็นกาเอล โมเนต์”

บทเรียนยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้นตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขและกราฟ แต่เป็นการสอนให้เธอรู้จักอ่านคน อ่านเกม และอ่านกระแสโลก กาเอลเรียนรู้เร็วอย่างน่าตกใจ ความเฉียบคมของเธอทำให้คริสโตเฟอร์ต้องประหลาดใจอยู่เสมอ เขาสอนเธอทุกอย่างที่เขารู้ ไม่ปิดบังอะไร และเธอก็ซึมซับทุกอย่างไว้อย่างกระหายความรู้

……


สัมผัสของเกมที่รุมร้อน


คืนวันนั้น เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืน... เสียงแผ่วของดนตรีที่คลอเบาๆ จากลำโพงระบบเสียงรอบทิศในห้องนั่งเล่นส่วนตัวของเพนต์เฮาส์ แสงไฟสีส้มสลัวจากโคมไฟตั้งโต๊ะสะท้อนผิวแก้วไวน์แดงที่กาเอลถือไว้

เธอนั่งอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่ ในชุดเดรสผ้าซาตินสีครีมที่บางเฉียบแนบชิดไปกับผิวกายทุกส่วน เผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่แวววาวสะท้อนแสงไฟ เธอเหยียดขาเปลือยเปล่าข้างหนึ่งบนโซฟา ค่อยๆ จิบไวน์อย่างช้าๆ ขณะมองไปที่ประตูห้องทำงานของคริสโตเฟอร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก บางที...เขาอาจจะยังทำงานอยู่

เสียงฝีเท้าหนักแน่นที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางเดิน คริสโตเฟอร์เดินเข้ามาในห้องเนื่องจากเขามองเห็นแสงไฟ ใบหน้าของเขายังคงเคร่งเครียดเล็กน้อยจากการทำงานหนัก ดวงตาคมจับจ้องอยู่ที่ร่างบอบบางบนโซฟา ดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะเปลี่ยนไป...ไม่ใช่สายตา ‘เพื่อนสนิทของพ่อเธอ’ อีกต่อไป

“ยังไม่นอนอีกหรือกาเอล?” เขาเอ่ยถามพลางเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม

กาเอลวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะกระจกข้างตัว เสียงของมันกระทบกันอย่างนุ่มนวล เป็นจังหวะที่ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียด เธอเอนหลังพิงพนักโซฟา สายตาจับจ้องเขาอย่างมั่นคง

"หนูนอนไม่หลับค่ะ... คิดถึงแต่บทเรียนที่อาคริสสอน" เธอเอียงคอเล็กน้อยอย่างยั่วเย้า "แล้วอาคริสล่ะคะ...เข้ามาในห้องนี้ทำไม"

เขาจับจ้องมาที่เธอ ดวงตาของเขาฉายแววที่ยากจะอ่านออก แต่กาเอลรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุที่ซ่อนอยู่

“เธอต่างหาก...ที่เชื้อเชิญฉันด้วยสายตาแบบนี้” คริสโตเฟอร์ตอบเสียงต่ำ “เธอรู้ไหมว่า...สายตาของเธอมันอันตราย”

“อันตรายกับใครคะ? กับหนู...หรือกับคุณอา คริส?”

เธอถามพลางลุกขึ้นเดินไปยังที่นั่งข้างเขา กลิ่นไวน์แดงจากลมหายใจของเธอนั้นยั่วเย้า เสียงฝ่าเท้าเปล่าบนพรมขนนุ่มทำให้เธอเคลื่อนที่อย่างเงียบงัน แต่ทุกย่างก้าวกลับสร้างแรงดึงดูดถึงเขาอย่างมหาศาล

“เกล...” เพื่อของบิดาของหญิสาวเอ่ยเตือน น้ำเสียงขาดความแน่ใจแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตเขา

แต่เธอไม่ได้หยุด

นิ้วเรียวยาวของเธอยกขึ้นแตะกระดุมเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตเขา ก่อนค่อยๆ รูดมันออก...ทีละเม็ด ทีละชั้น...

เขายืนนิ่ง ปล่อยให้มือเรียวขาวนุ่มๆ ของเธอลูบผ่านแผงอกแน่นๆ ที่อบอุ่นและมีกลิ่นเฉพาะตัว เหมือนกำลังทดสอบว่าเขาจะ ‘ห้ามใจ’ ได้หรือไม่

เธอแนบใบหน้าเข้ากับแผ่นอกนั้น สูดลมหายใจลึก เสียงหัวใจของเขาเต้นดัง... และชัดเจน

เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากที่เปื้อนรอยไวน์เอ่ยกระซิบ...

“หัวใจคุณอา...ไม่ได้ปฏิเสธหนูเลยสักนิด”

บทที่ 3
เปลวไฟแห่งความปรารถนา

แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟมุมห้องสาดแสงส้มอ่อนๆ วาบไหวบนเรือนร่างของเธอ ละอองกลิ่นไวน์และกลิ่นผิวกายที่อบอวลไปด้วยน้ำหอมกลิ่นเนโรลี่ผสมอำพันละมุน ทำให้บรรยากาศรอบตัวยิ่งชวนฝัน

เกลยังแนบใบหน้าอยู่กับแผงอกอุ่นของเขา ริมฝีปากอ่อนนุ่มเคลื่อนไหวบางเบาไปบนกล้ามเนื้อที่แน่นตึงใต้ผิวเนียนเรียบ กลิ่นหอมเฉพาะตัวจากเรือนกายเขากระตุ้นให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นทุกขณะ

“เกล…” เสียงของเขาต่ำลง อ่อนโยนแต่สั่นไหว คล้ายจะห้ามปราม...แต่ไม่มีแรงจะต่อต้าน

เธอยกมือขึ้น ไล้นิ้วไปตามแนวกรามเขาอย่างจงใจ สายตาสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลทองของเขาที่ตอนนี้ฉายแววร้อนแรงด้วยเปลวเพลิงปรารถนา

“คุณอาไม่เคยปฏิเสธหนูเลย ไม่ว่าจะด้วยคำพูด…หรือสัมผัส” เสียงของเธอเบา ราวกับกระซิบผ่านไออุ่นของลมหายใจที่รินรดผิวเขา

มือเรียวของเธอสอดเข้าใต้เสื้อเชิ้ตที่เปิดเผยแผงอกของเขาที่ติดกระดุมเพียงแค่ครึ่งบน เลื่อนปลายนิ้วไปตามแนวกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เริ่มกระตุกรับสัมผัส บอกทุกอย่างโดยไม่ต้องมีถ้อยคำ

เขาเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่เกลยกใบหน้าเข้าใกล้ จนปลายจมูกแทบแตะกัน ลมหายใจทั้งสองประสานกันเป็นจังหวะร้อนระอุ ริมฝีปากของเธอคลอเคลียอยู่ใกล้เขาจนแทบอดใจไม่ไหว

แล้ว...เขาก็พ่ายแพ้

คริสโตเฟอร์เอื้อมมือคว้าเอวของเธอ บีบแน่นอย่างอดกลั้นไม่อยู่ ลากเธอขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเขา กลิ่นหอมจากผิวเนื้อของเธอซึมซาบเข้าจมูกเขา ละลายกำแพงทุกชั้นที่เขาสร้างไว้

เขาจูบเธอ...

จูบที่แรกเริ่มนั้นแค่แตะแผ่วเบา อ้อยอิ่ง ลังเล แต่เพียงชั่วลมหายใจเดียว ริมฝีปากของเขาก็รุกไล่เร่าร้อนขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ ราวกับเขากำลังโหยหามานานแสนนาน และความปรารถนาที่กักเก็บมาก็ปลดปล่อยผ่านจูบนั้นอย่างไม่ยับยั้ง

ริมฝีปากของเขาทั้งดูดกลืน ลิ้มรส และกัดนุ่มนวลที่มุมปากของเธอ ขณะที่มือลูบไล้แผ่นหลังเปลือยของเธออย่างอ่อนโยนแต่แน่วแน่

กาเอลครางแผ่วในลำคอ สะท้านกับแรงสัมผัสทุกจุดที่เขาสัมผัส

ผิวของเขาร้อนดั่งเปลวเพลืงที่แผดเผา ความแข็งแกร่งของกายของเขายิ่งกระตุ้นให้เธอสูญเสียการควบคุม เธอบดสะโพกของเธออย่างนุ่มนวลเข้าหาเขาโดยความปรารถนาที่ไม่รู้ตัว ก่อแรงเสียดสีผ่านเนื้อผ้าบางเบาระหว่างร่างกายของชายหญิงทั้งสอง

เสียงหอบหายใจของเขาแน่นขนัดในห้องนั้น เธอรู้ว่าเขากำลังต่อสู้กับตัวเอง แต่ยิ่งเขาพยายามห้าม ความต้องการในแววตายิ่งยากจะซ่อนไว้

“อะไรที่ทำให้คุณอาหยุดตัวเองได้ถึงขนาดนี้คะ?” เธอพึมพำเสียงอ่อน พลางจูบซอกคอเขาอย่างอ่อนโยน กลิ่นกายของเขาผสานเคล้ากับไวน์และน้ำหอมของเธอจนบรรยากาศเต็มไปด้วยความหวามไหว

“เพราะฉันกลัวจะหยุดไม่ได้...” เขาตอบในที่สุด เสียงของเขาแหบพร่าชัดเจน

“แล้วถ้าหนูไม่ต้องการให้อาคริสหยุดล่ะ…”

คำพูดของเธอจุดชนวนทุกอย่างให้ระเบิด

เขากอดร่างบางของเธอไว้แน่น จูบเธออีกครั้ง คราวนี้ลึกซึ้ง ดุดันกว่าเดิม ริมฝีปากที่บดเบียดกันเปียกชื้นด้วยรสจูบที่แนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างให้หายใจ มือของเขารั้งเดรสซาตินบางเฉียบลงจากไหล่ของเธอ ผ้าหล่นไหลช้าๆ เหลือเพียงผิวเปลือยที่แวววาวสะท้อนแสงไฟ

กาเอลเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย ให้เขาได้สัมผัสทุกส่วนของเธอด้วยมือและสายตา เธอไม่ลังเลแม้แต่น้อย สายตาสีเฮเซลจับจ้องเขาอย่างแน่วแน่และแน่ใจ

ริสโตเฟอร์ลากปลายนิ้วผ่านแนวเอวของเธอ ไล้ลงมาจนถึงสะโพก มือของเขาบีบสะโพกกลมมนของเธอแน่น ดึงรั้งเธอเข้ามาแนบชิดยิ่งกว่าเดิม พร้อมเสียงคำรามต่ำในลำคอ

“รู้ไหม…สิ่งที่เธอทำอยู่นี่มันจะพาเราไปไหน” เขากระซิบเสียงต่ำ

“ที่ที่อาคริสจะลืมทุกอย่าง...แล้วมีแค่หนู” เธอครางแผ่ว พร้อมจูบลงบนต้นคอเขา ดูดดึงเบาๆ ทิ้งรอยไว้เสมือนประกาศความเป็นเจ้าของ

ความเงียบในห้องถูกแทนที่ด้วยเสียงลมหายใจที่หนักหน่วง และจังหวะหัวใจที่เต้นรัวของคนทั้งสอง

เมื่อเขาพลิกเธอลงบนโซฟา ร่างเขาทาบทับลงมาอย่างระมัดระวังแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนา แผงอกเปลือยของเขาแนบกับอกเปลือยของเธอ ความร้อนจากผิวทั้งสองแผ่กระจายทั่วร่างจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ฝีปากเขายังคงบดเบียดกับริมฝีปากของเธอ ก่อนจะไล้จูบลงไปตามแนวคอและเนินไหล่ ด้วยความอดกลั้นและโหยหา

กาเอลบิดตัวเล็กน้อย แววตาของเธอสะท้อนความรู้สึกอันท่วมท้น และยังคงจับจ้องที่เขาอย่างกล้าหาญ เขามองตอบมาก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

“บอกฉันอีกครั้ง...ว่าเธอแน่ใจ”

หญิงสาวยิ้มบางๆ ดวงตาสะท้อนความรู้สึกอันลึกซึ้งและปรารถนา เธอเลื่อนมือแนบใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนกระซิบใกล้ริมฝีปากของเขา

“หัวใจหนูเป็นของอาคริสมาตลอด...แค่อาคริสยังไม่ยอมรับมัน”

คริสโตเฟอร์หลับตาลงช้าๆ ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากของเธออีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนาน ลึกซึ้ง และอบอวลไปด้วยทุกความรู้สึกที่เขาไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีกต่อไป

เปลวไฟแห่งความปรารถนาระหว่างพวกเขา...ได้ลุกโชนขึ้นแล้ว โดยไม่มีวันหวนกลับไปเป็นเหมือนเดิม

บทที่ 4
xxxx

xxxx

"ชอร์ตี้! เฮ้ย! ชอร์ตี้!"

บทที่ 5
xxxx

xxxx

"ชอร์ตี้! เฮ้ย! ชอร์ตี้!"

นิยายเรื่องนี้มีตอนพิเศษ ที่คุณจะอ่านได้ในแบบฉบับ eBook เท่านั้น

จบ

แมงมุมใต้เตียง: นิยาย บันเทิง | อ่านนิยาย | นิยายรสแซ่บ จัดจ้าน | นิยาย AI | เทพนิยาย | นิยายออนไลน์ | นิยายรัก | โรมานซ์ | โรมานซ์แฟนตาซี | แฟนตาซี | นิยายแซ่บ | นิยายราคาประหยัด | นิยายคลายเหงา ราคาถนอมกระเป๋า | EROmanTIC | ERO ROM COM | #แซบซ่านจนนิพพานสีชมพู~* | 🍀 | สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติม

Friday, May 30, 2025

[02] 🐯 The Possession: เพื่อนพ่อรสเผ็ด


โดย: ก็..แซ่บนะ

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

The Possession: เพื่อนพ่อรสเผ็ด 

บทที่ 1
กลิ่นหอมและรสชาติเย้ายวน

ไร่สตรอว์เบอร์รีบนเกาะส่วนตัวทอดตัวยาวใต้แสงเช้าที่อบอุ่น รวงแดดสีทองสาดส่องลอดผ่านกลีบใบที่อ่อนช้อย ปลุกให้หยดน้ำค้างระยิบระยับดั่งอัญมณียามต้องแสงตะวัน กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของผลสตรอว์เบอร์รีสุกแดงสดลอยคลุ้งในอากาศ เคล้ากับกลิ่นหญ้าอ่อนและกลิ่นไอดินที่ชุ่มชื้นในยามเช้า ผสมผสานกันจนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่หอมสะอาดจนแทบลิ้มรสของมันได้

เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเคล้าคลอไปกับเสียงลมพัดผ่านพงไพรอันเขียวขจี สายลมที่กระซิบผ่านใบไม้ราวกับบทเพลงแสนอ่อนโยนของธรรมชาติ กลิ่นทะเลจางๆ ที่ลอยมาจากปลายเกาะหลอมรวมกับแสงแดดและกลิ่นผลไม้กลายเป็นบรรยากาศที่ไม่อาจเลียนแบบ

รถยนต์หรูเคลื่อนตัวเข้าใกล้คฤหาสน์สไตล์ทรอปิคอลซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางไร่ ริมสระว่ายน้ำไร้ขอบเป็นผืนผิวสีฟ้าใสที่สะท้อนสีสันของท้องฟ้าไว้ทั้งผืน คฤหาสน์สีน้ำตาลอ่อนผสานไม้และหินธรรมชาติอย่างลงตัว รายล้อมด้วยระเบียงไม้กว้างที่ถูกประดับด้วยกระถางต้นไม้ดอกสีขาวละมุนและเฟอร์นิเจอร์หวายสีอบอุ่น เมื่อรถยนต์จอดสนิทดีแล้ว หญิงสาววัยสิบแปดปีก้าวลงจากรถพร้อมบิดา ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินเคียงข้างตรงไปยังคฤหาสน์ เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอดังกระทบพื้นไม้แผ่วเบาเมื่อเธอก้าวขึ้นสู่เฉลียง

ผิวเธอขาวเนียนผุดผ่อง ดูโดดเด่นท่ามกลางแสงแดดอ่อน ดวงตาสีเฮเซลเจือเขียวเฉียบลึกวาววับอย่างน่าค้นหา เส้นผมสีช็อกโกแลตเข้มเป็นลอนอ่อนหล่นลงบนบ่าบาง ชุดเดรสผ้าลินินสีขาวบางเฉียบแนบเรือนร่าง พลิ้วไหวตามลมทะเลอย่างแผ่วเบา ดึงดูดสายตาด้วยรสนิยมที่เรียบหรูแต่เย้ายวน

ไอรีนถอนหายใจเบาๆ เมื่อย่างก้าวแรกของเธอเหยียบลงบนพื้นไม้ของเฉลียง ดวงตาเธอเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเชิ้ตสีขาวพับแขนจนถึงข้อศอก กางเกงผ้าลินินสีครีมรับกับผิวแทนเข้มอย่างพอดิบพอดี ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แข็งแรงในแบบผู้ชายวัยกลางคนที่ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด กล้ามเนื้อแข็งแกร่งบนแขนที่พ้นชายเสื้อที่พับไว้ ทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลายและหอบเบาๆ

เสียงรองเท้าหนังของเขาย่ำเบาๆ บนพื้นไม้ขณะก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาลึกและนิ่ง แต่กลับมีประกายบางอย่างที่ไม่อาจมองข้ามได้ ริมฝีปากหยักลึกที่คลี่ยิ้มออกเล็กน้อยเมื่อเขามองมาสบตาของเธอ

“ยินดีต้อนรับสู่เกาะของฉัน และไร่ของฉัน เซเรนิต้า…” เสียงของเขาทุ้มต่ำและนุ่มลึกราวกับไวน์เก่าที่บ่มมานาน เสียงที่เหมือนกระซิบผ่านโพรงอกให้สะท้านวาบไปทั่วร่าง

ไอรีนเอียงคอเล็กน้อย ยิ้มบางๆ ที่มุมปากเหมือนรู้ทันแรงดึงดูดที่กำลังแผ่ซ่านผ่านลมหายใจของทั้งสอง

“ขอบคุณค่ะ คุณอาเดน่อน...ไร่และเกาะของคุณหอมสดชื่น น่าหลงใหลและชวนให้อยากอยู่ที่นี่ได้ทั้งชีวิต” น้ำเสียงของเธอแฝงแววหยอกเย้าแต่ไม่โจ่งแจ้ง ราวกับหยดน้ำผึ้งที่แตะปลายลิ้น แฝงรสหวานปนเปรี้ยวที่กลมกล่อม

เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดวงตานั้นยังคงจับจ้องเธออย่างเปิดเผย

“กลิ่นของสตรอว์เบอร์รี...หรือกลิ่นของความสงสัย ชวนให้อยากรู้อยากเห็น?” เขาถามอย่างไม่รีบร้อน ทว่าเสียงนั้นกลับสะกิดลึกลงไปในจิตใจของเธอ

ไอรีนยิ้มและก้าวเข้าใกล้หนึ่งก้าว กลิ่นกายของเธอลอยอวลขึ้นราวกลิ่นดอกไม้กลางฤดูฝน ผสมกับกลิ่นหวานละมุนของน้ำหอมแนวมัสก์เจือกลิ่นวานิลลา

“อาจจะทั้งสองค่ะ...แต่ถ้าคุณอาอยากให้หนูสนใจเรื่องหุ้นมากกว่านี้ คุณอาก็อาจต้อง...สอนหนูด้วยตัวเอง”

เขายืนนิ่งไปเสี้ยววินาที ก่อนจะยิ้มช้าๆ

“หุ้นหรือหัวใจ...อยากเรียนรู้เรื่องไหนก่อนกันล่ะ?”

ไอรีนหัวเราะเบาๆ เสียงของเธอละมุนละไมเหมือนสายลมที่ลูบไล้หัวใจเขา

“ก็แล้วแต่ค่ะ...แด๊ดดี้ เดน่อน”

คำสุดท้ายนั้นหลุดจากปากเธออย่างจงใจ ทิ้งความหมายคลุมเครือในอากาศที่แผ่วเบาแต่เร่าร้อนราวไอแดดที่ดึงดูด

ลมทะเลพัดเอื่อยเข้ามาปะทะร่างทั้งสองขณะเขาหันไปนำทางบิดาของเธอเพื่อพาแขกผู้มาใหม่เดินชมไร่อันงดงามสมบูรณ์ของเขา กลิ่นเกลือจางๆ เคล้าไปกับกลิ่นแดดและกลิ่นของผลไม้ในอากาศ ร่างสูงสง่าของเดน่อนเดินนำหน้า แผ่นหลังของเขาตึงแน่นและนิ่งสงบอย่างคนที่มั่นใจในทุกย่างก้าว

ไอรีนมองตามเขา ใบหน้าของเธอเรืองรองใต้แสงแดดอ่อน เธอยกมือขึ้นทัดลอนผมไว้ข้างหูเบาๆ ดวงตาเป็นประกายเฉียบลึกอย่างเด็กสาวที่ค้นพบของเล่นชิ้นโปรด

เธอไม่รู้ว่าในอนาคตเรื่องราวจะพาเธอไปไกลแค่ไหน รู้เพียงว่ากลิ่นหอมแรกของไร่นี้ กลิ่นของสตรอว์เบอร์รี...และกลิ่นของเขา มันเย้ายวนเกินกว่าจะต้านทาน

และเธอจะไม่ปล่อยให้มันจบลงแค่การทักทายแน่นอน

บทที่ 2
บทเรียนรัก...รสชาติเผ็ดร้อน

แสงแดดบ่ายคล้อยลอดผ่านผนังกระจกใสของห้องทำงานส่วนตัวซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์กลางไร่สตรอว์เบอร์รี ท้องฟ้าภายนอกสีฟ้าเข้มดั่งอัญมณีล้ำค่า ทอดไกลไปถึงขอบฟ้าที่บรรจบกับเส้นสีเขียวของไร่ผลไม้สุดลูกหูลูกตา ลมอุ่นพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้บางส่วน หอบเอากลิ่นหอมสดชื่นของดินที่ยังคงชื้นน้ำฝนที่พรำลงมาเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ และใบไม้ที่เพิ่งถูกแสงแดดไล้ผ่านกรุ่นเข้ามาผสานกับกลิ่นไม้โอ๊คของโต๊ะทำงานที่ถูกขัดไว้อย่างประณีต

เสียงเข็มนาฬิกาเดินแผ่วเบาในความเงียบสงบ ขับกล่อมบรรยากาศให้ดูน่าค้นหา

บนโต๊ะไม้แท้สีเข้มที่ตั้งอยู่ใกล้ผนังกระจก แล็ปท็อปสีดำเปิดให้เห็นกราฟเส้นของหุ้นตัวหนึ่งที่กำลังผันผวนบนหน้าจอ ใกล้กันคือหนังสือการลงทุนฉบับปกหนังสีเข้มหายาก ที่วางซ้อนกันอย่างมีรสนิยม

ไอรีนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เก้าอี้หนังสีแทนโอบรับสรีระบอบบางของเธอไว้อย่างอบอุ่นและมั่นคง ผ้าลินินบางเบาของเดรสที่เธอสวมวันนี้เป็นสีครีมอ่อนแนบเนื้ออย่างพอดิบพอดี อวดผิวเนียนราวน้ำนมที่สะท้อนแสงแดดแผ่วเบาดูเปล่งปลั่งยวนตาและน่ามอง

เดน่อนกึ่งนั่งกึ่งเอนพิงพนักเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม ฝ่ามือกระด้างใหญ่หนาตามแบบผู้ชายของเขากำแก้วกาแฟเซรามิกเรียบหรู กลิ่นกาแฟหอมเข้มลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ กลิ่นนั้นแฝงกลิ่นวานิลลาและคาราเมลอ่อนๆ สะท้อนกับตัวตนที่ซับซ้อนและน่าค้นหาของเจ้าของไร่

“ไอรีน” เสียงเขาเอ่ยทุ้มต่ำ แต่นุ่มลึกดังลมหายใจของห้วงอารมณ์ที่ไม่อาจระงับ

เธอเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาสีเฮเซลเจือเขียวสะท้อนแสงวาววับ ราวหยาดน้ำบนใบสตรอว์เบอร์รีตอนเช้า

“ค่ะ แด๊ดดี้…” คำสุดท้ายที่เอ่ยนั้นนุ่มนวล ทว่ามีประกายซ่อนเร้น ขี้เล่น คล้ายกลีบดอกกุหลาบที่ซุกหนามไว้ข้างใน

เขาขยับลุกขึ้นยืน ก้าวเข้ามาด้านหลังเธอเงียบๆ แล้วโน้มตัวลง มือใหญ่ของเขาไล้ผ่านไหล่บางของเธอไปหยุดที่เมาส์ และขยับคลิกเปลี่ยนหน้ากราฟช้าๆ

“นี่คือเส้น EMA กับ MACD เธอเห็นตรงจุดตัดนี้ไหม?”

เสียงของเขาทุ้มเบาราวกระซิบที่ข้างหูบาง ความใกล้ชิดนั้นทำให้ปลายผมของเขาเสียดสีกับลำคอขาวผ่องของเธอเบาๆ ราวกับจะปลุกเร้าบางสิ่งให้ตื่นขึ้น

มือของเขากุมลงบนมือเรียวบางเล็กๆ ของเธอ ชี้นำอย่างแผ่วเบา แต่แฝงความแน่วแน่ ทุกจังหวะสัมผัสของเขา แผ่ซ่านลึกลงไปในใจของหญิงสาวให้เต้นระรัวและตื่นฟื้น

ไอรีนแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆ สัมผัสอุ่นร้อนนั้นส่งกระแสไหลผ่านจากปลายนิ้วขึ้นไปถึงทรวงอก และลามลงต่ำราวกับไฟฟ้าที่ช็อตผ่านผิวนวลบาง

“แด๊ดดี้ชอบการเคลื่อนไหวของตลาด...หรือความไม่แน่นอน?” เธอหันมาถามด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากอมชมพูอวบอิ่มคลี่ยิ้มช้าๆ ขณะที่ดวงตาก็สบสายตากับเขาอย่างจงใจ

“บางครั้ง...ความไม่แน่นอน ก็ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใด...น่าจดจำขึ้น”

เขากระซิบใกล้จนลมหายใจสัมผัสผิวแก้มของเธอ เธอรู้สึกถึงกลิ่นกายของเขา กลิ่นที่อบอุ่น หนักแน่น และเจือไปด้วยกลิ่นหนังแท้จากเสื้อนอก กับกลิ่นเหงื่อจางๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นชายอย่างชัดเจน

เขาค่อยๆ ยืดตัวขึ้นตรง มองลงไปยังเสี้ยวหน้าของบุตรสาวของเพื่อนสนิทที่หันกลับมามองกราฟอีกครั้ง

“แด๊ดดี้เคยกลัวการเสี่ยงไหมคะ?”

เธอเอ่ยถามเบาๆ แต่น้ำเสียงนั้นราวกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในเส้นประสาทของเขา

“ในชีวิตจริง...หรือเรื่องหัวใจ?” เขาถามกลับโดยไม่ต้องคิด

เธอหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเธอเหมือนเสียงแก้วไวน์ที่กระทบกันเบาๆ ก่อนดื่มด่ำ

“ทั้งสองค่ะ...แต่ตอนนี้...หนูอยากรู้เรื่องหัวใจของแด๊ดดี้มากกว่า”

เขาไม่ตอบในทันที แค่ทอดสายตามองมาที่เธอเนิ่นนาน ดวงตานั้นลึกซึ้งราวห้วงของมหาสมุทร—นิ่ง ลึก และยากจะคาดเดา

“หัวใจของฉันไม่เปิดง่ายๆ หรอก ไอรีน”

“แต่หนู...ไม่ชอบประตูที่ปิด” เธอขยับลุกขึ้นยืนช้าๆ และเสียงเก้าอี้ที่เขยื้อนก็ดังขึ้นเบาๆ

เขาถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อให้เธอมีพื้นที่ ร่างโปร่งบางของเธอเบียดชิดกับเขาอย่างไม่ตั้งใจ แต่…จงใจ กลิ่นกุหลาบเจือวานิลลาของเธอลอยมาแตะปลายจมูกของเขาอีกครั้ง บางเบาแต่ก็ชัดเจน

“บางที...แด๊ดดี้อาจคงต้องให้หนูลองไขประตูบานนี้ดูบ้าง”

คำพูดนั้นราวกับคาถามหาเสน่ห์ที่เปล่งออกจากริมฝีปากที่แดงเรื่อ แววตาของเธอเปล่งประกายราวเด็กสาวที่เพิ่งค้นพบความลับน่าตื่นเต้น

เขาไม่ตอบ เพียงแค่จุดประกายรอยยิ้มไว้ที่มุมปากหยักลึกสมชายชาตรี ก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบแฟ้มเอกสารบางๆ เล่มหนึ่งมายื่นให้เธอ

“ช่วยจัดเอกสารพวกนี้ให้ฉันหน่อย...ถือว่าเป็นการบ้านบทแรก”

เธอรับแฟ้มมา สัมผัสปลายนิ้วของเขาเฉียดผ่านปลายนิ้วมือของเธออีกครั้ง มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เนิ่นนานในใจ

“ด้วยความยินดีค่ะ...แด๊ดดี้ที่รัก”

ทั้งคู่ทรุดนั่งลงที่โต๊ะอีกครั้ง ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ เสียงกระดาษถูกพลิกเบาๆ ทุกจังหวะที่ข้อมือของเธอเคลื่อนไหว เธอรู้สึกได้ถึงดวงตาของเขาที่มองเธออย่างลึกซึ้ง

มือของเขาเอื้อมมาหยิบเอกสารอีกชุด วางพาดลงใกล้มือของเธอ นิ้วของพวกเขาเฉียดกันอีกครั้ง: ครั้งนี้ไม่มีใครหลบใคร

เธอหันไปสบตาเขา แววตานั้นเปล่งประกายอย่างแน่วแน่ และมั่นคง

เดน่อนนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาจะเอ่ยอย่างช้าๆ

“การลงทุนที่ดี...เริ่มจากการเข้าใจความเสี่ยง และประเมินคุณค่าให้ถูกต้อง”

ไอรีนไม่ขยับ ไม่พูด ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างรู้ทัน

“แล้วแด๊ดดี้ล่ะคะ...ประเมิน ‘ไอรีน’ ไว้ที่มูลค่าเท่าไหร่?”

เขาหัวเราะเบาๆ เสียงนั้นนุ่มลึกจนเหมือนลมหายใจ

“บางสิ่ง...อาจไม่มีราคาที่แน่นอน เพราะมันไม่ได้มีไว้เพื่อขาย...”

เธอจ้องเขานิ่ง เงียบ

“แต่มีไว้เพื่อ...ครอบครอง” เขาเอ่ยต่อเบาๆ เสียงนั้นดังพอให้เธอได้ยินชัดเจน…คนเดียว

สายตาของทั้งสองยังคงตรึงกันไว้กลางห้องทำงานท่ามกลางแสงแดดบ่าย ความร้อนในอากาศอบอวลขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลชัดเจน

แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ...บทเรียนนี้เพิ่งจะเริ่มต้น

บทที่ 3
เสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทาน...ค่ำคืนที่ไม่หวนกลับ

เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งดังแผ่วในยามค่ำ ดั่งเสียงกระซิบจากธรรมชาติที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังยามค่ำคืนใต้ผืนฟ้าที่ประดับด้วยดวงดารานับร้อยพัน พื้นดินเบื้องล่างปกคลุมด้วยหญ้านุ่มและกลีบดอกไม้ป่าที่ปลิวตามลม โต๊ะอาหารไม้ยาวถูกจัดวางกลางไร่สตรอว์เบอร์รีซึ่งกำลังผลิดอกออกผลสีแดงสด กลีบของมันเปล่งประกายยามแสงจันทร์อาบไล้ เสมือนอัญมณีที่ซุกซ่อนความหอมหวานไว้ภายใน

กลิ่นไวน์ขาวชั้นดีแตะปลายจมูก คลุกเคล้ากับกลิ่นซีฟู้ดสดใหม่ที่ผ่านการย่างไฟอย่างพอเหมาะ ส่งกลิ่นหอมละมุนลอยในอากาศ เสียงหัวเราะเจือเสียงเพลงเบาๆ ดังปะปนไปกับเสียงคลื่นในระยะไกล

ไอรีนในชุดผ้าซาตินเนื้อลื่นสีดำสนิท พลิ้วแนบชิดไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย ราวกับผืนผ้าได้กลายเป็นผิวหนังชั้นที่สอง เผยให้เห็นช่วงไหล่ขาวผ่องเนียนละมุนและแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าราวกับภาพศิลป์ เส้นผมยาวหยักศกสีช็อกโกแลตเข้มถูกรวบขึ้นครึ่งศีรษะ แววตาเธอเปล่งประกายอย่างมั่นใจ ขณะที่เรียวปากสีโรสโกลด์คลี่ยิ้มบางอย่างเฉียบคมและเจ้าเล่ห์

สายตาเธอจับจ้องไปยังเขา: เดน่อน

เขาอยู่ในชุดเชิ้ตลินินสีขาวแขนยาว ม้วนขึ้นถึงข้อศอก กล้ามเนื้อแน่นแสดงออกอย่างชัดเจนยามเขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบ กลิ่นตัวเขาเจือจางในอากาศ: กลิ่นไม้หอม กลิ่นหนังแท้ และกลิ่นกายที่แสนเย้ายวน หญิงสาวหลายคนในงานต่างเดินเข้ามาใกล้เขา ใช้ทุกโอกาสเอียงตัว แย้มยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะที่หวานเกินเหตุ

ดวงตาของไอรีนหรี่ลงเล็กน้อย มีแววไม่พอใจแฝงอยู่ใต้รอยยิ้มทรงเสน่ห์อ่อนหวานของเธอ เธอขยับก้าวอย่างมั่นใจ เดินลัดเลาะผ่านแขกเหรื่อไปยังเบื้องหลังของเดน่อน: อย่างเงียบเชียบ

ฝ่ามือบางแตะลงบนบ่ากว้างของเขา จากนั้นค่อยๆ เลื่อนขึ้นสู่ต้นคอที่เปียกชื้นนิดๆ จากเหงื่อ เธอโน้มตัวลง กระซิบข้างใบหูขอเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“คืนนี้...อากาศร้อนจังเลยค่ะ แด๊ดดี้”

คำพูดของเธอไม่ใช่เพียงแค่เสียง แต่คือสัมผัสที่กระตุ้นทุกปลายประสาทของเขา

เขาไม่ขยับ แต่ปลายคิ้วกระตุกนิดหนึ่ง

“เธอน่าจะรู้ดีว่า…ไม่ใช่อากาศที่ร้อน” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ชัดถ้อยชัดคำ แต่ลมหายใจกลับเริ่มติดขัดเล็กน้อย

ไอรีนขยับสะโพกเบาๆ ให้แนบชิดแผ่นหลังของเขา ผิวผ้าบางเบาเสียดสีอย่างแผ่วเบากับผิวเนื้อ ใต้แสงจันทร์ เธอเอียงคอ กระซิบอีกครั้ง 

“แด๊ดดี้...มีสาวๆ เยอะจังเลยคืนนี้”

เขาหันมาเผชิญหน้ากับเธอช้าๆ หัวเราะเบาๆ จิบไวน์อีกครั้งแล้ววางแก้วลง

“ความหึงหวง...เป็นสิ่งที่เด็กดีไม่ควรแสดงออกนะ ไอริน” ดวงตาคมมองเธอตรงไปตรงมา

เธอจ้องเขานิ่ง ลมหายใจใกล้ชิดกับเขา

“แล้วถ้า...เด็กดื้อแบบหนูจะแสดงออกอย่างนั้นล่ะคะ?”

คราวนี้...เขาหันมาทั้งตัวช้าๆ แววตาลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ซ่อนเร้น

“ก็น่าสนใจ...จนน่าจะอยากให้บทลงโทษ”

เธอยิ้ม ยักไหล่เบาๆ ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากเขา

“แล้วแด๊ดดี้...จะลงโทษหนูเมื่อไหร่คะ?”

เขาส่งเสียงในลำคอคล้ายคำรามกึ่งรำพึง เธอไม่ปล่อยให้ช่องว่างนั้นอยู่เนิ่นนาน มือบางเลื่อนไปแตะชายเสื้อของเขา ลูบขึ้นช้าๆ ไปยังแผ่นหลัง อุณหภูมิในร่างของเธอพลุ่งพล่านขึ้นตามปลายนิ้ว เธอมองเขาอย่างท้าทาย ริมฝีปากจุดเป็นรอยยิ้มอย่างรู้เท่าทัน

“กำลังคิดอะไรอยู่...แด๊ดดี้?”

เขาไม่ตอบในทันที มือใหญ่ของเขาเอื้อมแตะหลังมือของเธอ ลากนิ้วลงมาตามแนวแขนเรียวบาง จนถึงข้อศอก

“กำลังคิดว่า...คืนนี้พระจันทร์สวยดี”

“...แต่แด๊ดดี้ไม่ได้มองพระจันทร์เลยสักนิด”

เธอตอกกลับทันควัน แววตาแน่วแน่ไม่หลบสายตาเขา

เขาหัวเราะในลำคออีกครั้ง: เสียงที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง

ทันใดนั้น เขาวางมือบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอเบาๆ แล้วกระซิบข้างหู

“ไปเถอะ...ฉันอยากพาเธอไปดูพระจันทร์ชัดๆ กว่านี้”

ไอรีนยิ้ม: รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะและแรงปรารถนา

เขาจูงมือเธอออกจากงานเลี้ยงอย่างเงียบงัน ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามทางเดินโรยกรวด ซึ่งนำไปสู่กระท่อมไม้ริมทะเลที่ตั้งอยู่ปลายแหลมบนเชิงหน้าผา

แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนเรือนผมของเธอ เส้นผมสะท้อนแสงสีเงินอย่างงดงาม คลื่นซัดฝั่งเป็นจังหวะช้าๆ ราวกับจังหวะชีวิตที่กำลังดำเนินไปพร้อมกัน

เขาหยุดยืนมองเธอใต้แสงจันทร์ ดวงตาเป็นประกายร้อนแรงในความมืดสลัว

“หนูอยากรู้อะไรบางอย่างค่ะ”

“ว่ามาสิ”

“ตอนที่แด๊ดดี้บอกว่า...หนูไม่ได้มีไว้เพื่อขาย แต่เพื่อครอบครอง...”

“หืม?”

“แด๊ดดี้อยากครอบครองหนู...ในแบบไหนกันแน่คะ?”

เธอเงยหน้ามองเขา แววตาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง ความเร่าร้อน และคำถามที่เปิดประตูหัวใจ

เขาจ้องเธอนิ่ง เสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงคลื่น...

จากนั้น...เขาก้มลงช้าๆ

ริมฝีปากของเขาสัมผัสปลายจมูกเธอเบาๆ แล้วเลื่อนลงไปจรดที่ริมฝีปากล่างของเธอโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด

มันไม่ใช่แค่จูบ แต่มันคือคำตอบ

ริมฝีปากของเขาแนบแน่น ลึกซึ้ง แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน มือของเขาประคองใบหน้าของเธอราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดหายไปกับสายลม

ลมหายใจของทั้งสองประสานกัน เป็นบทเพลงที่เร่าร้อนและกลมกลืน

และในค่ำคืนนั้น...ท่ามกลางเสียงคลื่น แสงจันทร์ และไร่สตรอว์เบอร์รีที่ส่งกลิ่นหอมหวาน ความปรารถนา...ได้ปะทุขึ้นอย่างเงียบงัน

ร้อนแรง

งดงาม

และ...ไม่มีทางหวนกลับ

บทที่ 4
xxxx

xxxx

"ชอร์ตี้! เฮ้ย! ชอร์ตี้!"

บทที่ 5
xxxx

xxxx

"ชอร์ตี้! เฮ้ย! ชอร์ตี้!"

นิยายเรื่องนี้มีตอนพิเศษ ที่คุณจะอ่านได้ในแบบฉบับ eBook เท่านั้น

จบ

แมงมุมใต้เตียง: นิยาย บันเทิง | อ่านนิยาย | นิยายรสแซ่บ จัดจ้าน | นิยาย AI | เทพนิยาย | นิยายออนไลน์ | นิยายรัก | โรมานซ์ | โรมานซ์แฟนตาซี | แฟนตาซี | นิยายแซ่บ | นิยายราคาประหยัด | นิยายคลายเหงา ราคาถนอมกระเป๋า | EROmanTIC | ERO ROM COM | #แซบซ่านจนนิพพานสีชมพู~* | 🍀 | สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติม

Friday, May 23, 2025

[ฟังมั้ย] The Billionaire's Darling เพื่อนพ่อรสเด็ด

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ

โดย: ก็..แซ่บนะ

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

The Billionaire's Darling

เพื่อนพ่อรสเด็ด


 

โปรย

เขาคือผู้ชายที่เธอไม่ควรเข้าใกล้... 
แต่เธอก็ยังปรารถนาที่จะใกล้ เพราะเธอแทบจะหายใจไม่ได้หากไม่มีเขา
เมื่อ ‘เพื่อนพ่อ’ กลายเป็นต้นตอแห่งเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
และเกมรักต้องห้าม กลายเป็นบทเรียนร้อนแรงที่สุดในชีวิต...
เธอจะทำให้เขารู้…ว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยตัวเล็ก ลูกสาวของเพื่อนสนิทของเขา
และเธอจะไม่ใช่ 'ของเล่น' ที่เขาสามารถจูบหน้าผากแล้วเดินจากไปได้ง่ายๆ

Saturday, May 10, 2025

[01] 🌶️ The Billionaire's Darling: เพื่อนพ่อคนนี้..แด๊ดดี้รสเด็ด

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ

โดย: ก็..แซ่บนะ

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

The Billionaire's Darling

เพื่อนพ่อคนนี้..แด๊ดดี้รสเด็ด


 

โปรย

เขาคือผู้ชายที่เธอไม่ควรเข้าใกล้... 
แต่เธอก็ยังปรารถนาที่จะใกล้ เพราะเธอแทบจะหายใจไม่ได้หากไม่มีเขา
เมื่อ ‘เพื่อนพ่อ’ กลายเป็นต้นตอแห่งเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ
และเกมรักต้องห้าม กลายเป็นบทเรียนร้อนแรงที่สุดในชีวิต...
เธอจะทำให้เขารู้…ว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยตัวเล็ก ลูกสาวของเพื่อนสนิทของเขา
และเธอจะไม่ใช่ 'ของเล่น' ที่เขาสามารถจูบหน้าผากแล้วเดินจากไปได้ง่ายๆ

บทที่ 1
มื้อค่ำใต้แสงเทียน

เพนต์เฮาส์กลางมหานครยามค่ำเปล่งแสงระยิบระยับจากโคมไฟคริสตัลเหนือเพดานสูง กลิ่นหอมบางเบาของเทียนหอมกลิ่นมัสก์ผสมวานิลลาอบอวลอยู่ในอากาศ ผสานกับกลิ่นไวน์ชั้นเลิศที่เพิ่งจะถูกรินลงแก้ว เสียงดนตรีบรรเลงในท่วงทำนองแผ่วหวานผ่านลำโพงที่ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียนในทุกมุมห้อง พร้อมกับแสงไฟสีอำพันซึ่งส่องกระทบผิวมันขัดเงาของโต๊ะอาหารตัวยาวทำจากไม้โอ๊คที่วางชิดริมหน้าต่างทรงสูงจากพื้นจรดเพดาน มองเห็นแสงสีของมหานครที่ทอดตัวอย่างไม่รู้จบด้านนอก หนึ่งในภาพของยามค่ำคืนที่ทั้งเงียบงันและเย้ายวน

ทุกมุม ทุกแสง ทุกเงา กลิ่นหอมของเนื้อวัวอบสมุนไพรที่เพิ่งยกออกจากเตาอบใหม่ๆ ลอยคลุ้งปะปนกับกลิ่นไวน์แดงชั้นดีที่ถูกเปิดออกทิ้งไว้ให้สัมผัสกับอากาศ บรรยากาศที่ถูกแต่งแต้มไว้อย่างเย้ายวนใจทำให้แขกสาวของเพนต์เฮาส์รู้สึกราวกับกำลังจะถูกกลืนหายไปในห้วงของโลกที่หรูหราและร้อนแรงเกินต้านทาน

แดเนียล วอล์คเกอร์ ยืนพิงเคาน์เตอร์บาร์ด้วยท่าทางสงบนิ่งในชุดเชิ้ตสีขาวแขนพับขึ้นถึงข้อศอก กระดุมสองเม็ดบนถูกปลดออกเพื่อผ่อนคลายความคับตึง เผยให้เห็นถึงลำคอและแผ่นอกที่ตึงแน่นของผู้ชายที่ดูแลตัวเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ดวงตาสีเทาเข้มซึ่งเฉียบคมและตราตรึงหัวใจของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างสมส่วนบอบบางที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมรอยยิ้มแฝงเลศนัยเล็กน้อยบนริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ

เธียร์ เทียนบูชา วิสุทธิศักดิ์ ชะงักเท้าตรงกรอบประตูเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องมองมา ค่ำคืนนี้เธอเลือกตัวเองไปอยู่ในชุดเดรสผ้าซาตินสีแดงเข้มเนื้อแวววาวบางเบาแนบเรือนร่าง ชายชุดไหลพลิ้วตามสรีระ สะท้อนแสงไฟอ่อนๆ ตามการเคลื่อนไหวของเธอ ผมยาวราวเส้นไหมสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนนุ่มถูกปล่อยสยายถึงกลางหลัง รับกับผิวเนียนละเอียดอ่อนเฉกเช่นเนื้อผ้าซาตินชุดนั้น และยามเมื่อเท้าสีขาวอันเปลือยเปล่าย่างก้าวอย่างไร้เสียงบนพื้นไม้ ยิ่งเสริมให้บรรยากาศยิ่งเงียบสงัดแต่กลับแฝงความเร่าร้อนอย่างน่าประหลาด

“ขอโทษค่ะ ลุงแดน รอนานหรือเปล่าคะ?” เสียงของเธอฟังดูอ่อนหวานแฝงไว้ซึ่งความเจ้าเล่ห์และเจือไว้ซึ่งแววท้าทายเล็กน้อยในนั้น แต่ยังคงนุ่มละมุนละไมจนแทรกซึมเข้าถึงหัวใจคนฟังได้ไม่ยาก

แดเนียลจิบไวน์ของเขาก่อนจะวางมันลงบนเคาน์เตอร์ช้าๆ และหันตัวกลับมาเต็มองศา เผยให้เห็นถึงรูปร่างกำยำใต้เสื้อเชิ้ตที่พอดีตัว ไม่แน่นตึงนัก แต่ก็บอกชัดถึงกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งที่เทียนบูชาไม่อาจละสายตา

“นานพอเหมาะสำหรับมื้อค่ำกับสาวน้อยผู้งดงาม” เสียงทุ้มของเขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าฉายแววหยอกเย้า

เธอเดินเข้ามาใกล้เขา กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของดอกโบตั๋นและกลิ่นกุหลาบขาวปนกลิ่นกายสาววัยแรกแย้มลอยกรุ่นกระทบจมูกของเขาเมื่อเธอจงใจเดินผ่านเข้ามาเฉียดใกล้ แววตาของเทียนบูชาทอประกายความมั่นใจแบบเด็กสาวที่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ร้ายแรงเพียงใด

“หนูอ่านหนังสือเตรียมสอบต้นเทอมเพลินจนลืมดูนาฬิกาไปเลยน่ะค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ขณะนั่งลงตรงข้ามกับเก้าอี้ที่นั่งประจำของเขา 

“หิวแล้วสิ ใช่ไหม ถึงได้นึกได้น่ะ” เขากล่าวเจือเสียงหัวเราะเบาๆ 

“เลยทำให้มื้อค่ำของคุณลุงสายกว่าปกติไปเล็กน้อย” เธอยิ้ม

โต๊ะอาหารถูกจัดไว้อย่างงดงามด้วยจานพอร์ซเลนลายทอง ซิลเวอร์แวร์เงาวับ ผ้าปูโต๊ะสีงาช้าง และเทียนสีครีมสองเล่มที่ค่อยๆ ละลายเป็นหยดไข ที่ถูกวางไว้ข้างแก้วไวน์สองใบ 

แดเนียลเดินมาหยุดข้างหญิงสาว จากนั้นไวน์แดงก็ถูกรินลงในแก้วคริสตัลอย่างเงียบเชียบ “หญิงสาวที่เลิกใช้คำว่าเด็กหญิงมาไม่กี่ปีไม่น่าจะดื่มไวน์ได้เก่งหรอกนะ” 

“ก็แล้วแต่คนจะสอนให้หนูดื่มล่ะค่ะ” เทียนบูชาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ละลายใจได้แม้กับก้อนหิน เธอแกว่งแก้วไวน์เบาๆ ก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นผลไม้สุกและไม้โอ๊กลอยแตะปลายจมูก และทันทีที่ริมฝีปากสัมผัสขอบแก้ว รสชาติเข้มข้น ซับซ้อน แฝงความอบอุ่นแบบที่ทำให้ปลายลิ้นด้านในของเธอเบิกบานโดยไม่รู้ตัว

จากนั้น เสียงช้อนก็กระทบจานเบาๆ เมื่อทั้งคู่เริ่มลงมือกับมื้อค่ำ อาหารจานหลักคืนนี้คือสเต๊กเนื้อออสเตรเลียชิ้นโต เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดงเข้มข้น และเมื่อคมมีดกรีดผ่านเนื้อย่างพร้อมน้ำซอสที่หยดลงบนจานยิ่งตอกย้ำถึงความนุ่มละมุนของเนื้อก้อนนั้น เทียนบูชากัดเนื้อคำเล็กอย่างช้าๆ ปล่อยให้ลิ้นเล็กๆ ของเธอสัมผัสได้ถึงความหวาน เค็ม มันจากไขมันที่แทรกในชั้นเนื้ออย่างลงตัวของรสชาติ หญิงสาวหลับตาพริ้มเบา พร้อมเสียงถอนหายใจ

“รสชาติละมุนลิ้นผิดจากเคยมากๆ ค่ำนี้ลุงแดนทำอาหารเองหรือคะ?” เทียนบูชาเอ่ยถามพลางใช้ปลายส้อมแตะเนื้อวัวสุกกำลังดีที่แค่เพียงสัมผัสก็แทบจะละลาย

“เชฟประจำบ้านลางานคืนนี้” เขาตอบเรียบๆ แต่รอยยิ้มที่ผุดขึ้นตรงมุมปากนั้นบอกเธอว่าเขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไร

หญิงสาวกัดปลายลิ้นตัวเองเบาๆ เพื่อตั้งสมาธิให้มั่น รสชาติของอาหารที่เข้มข้นชวนให้เธอหลงลืมทุกอย่าง แต่กลิ่นกายอ่อนๆ ของเขาที่ลอยมากับอากาศในห้องกลับทำให้เธอใจเต้นถี่ขึ้น ราวกับไวน์แดงไม่ได้ไหลผ่านลำคอเธอเท่านั้น แต่มันกำลังลามไล้ไปทั่วร่าง

“ชุดนั้น...ไม่หนาวเหรอ” เขาถามเบาๆ ระหว่างจิบไวน์ ดวงตาของเขายังคงแน่วนิ่ง

เธอยกมือแตะแขนตัวเองเบาๆ ทำท่าเหมือนเพิ่งสังเกตว่าตัวเองสวมอะไรอยู่ แล้วเอียงคอยิ้ม ดวงตาสีเฮเซลของเธอวาววับราวกระต่ายน้อยจอมเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเคย “นิดหน่อยค่ะ แต่หนูชอบความรู้สึกแบบนี้ มันทำให้หนู...ตื่นตัวดี”

ริมฝีปากของแดเนียลกระตุกขึ้นนิดๆ แต่เขาไม่พูดอะไร เขาแค่นั่งมองเธอด้วยสายตาที่ทั้งประเมิน ทั้งระวัง และทั้งหลงใหลในคราวเดียวกัน แต่แม้กระนั้นเขายังคงสังเกตท่าทางนั้นโดยไม่คิดจะละสายตาไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังไม่จาง ดวงตาของเขายิ่งเข้มขึ้นเมื่อเห็นเธอยกนิ้วแตะริมฝีปากเบาๆ เพื่อเช็ดหยดไวน์ เขามองเห็นการยั่วยวนบางเบาในแววตาของเธอ มองเห็นการเล่นเกมอย่างซุกซนของหญิงสาวที่รู้ดีว่าตัวเธอเองกำลังอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างความเหมาะสมกับการห้ามใจ ผู้กำลังท้าทายในขีดจำกัดของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเสือร้ายไม่เคยทิ้งลายตรงหน้า

“หนูเห็นชั้นหนังสือของลุงแดน...มีแต่เล่มที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ หุ้น การลงทุน” เทียนบูชาเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างนุ่มนวล

“เธออ่านแล้วเข้าใจพวกมันได้ทั้งหมดหรือเปล่า?” เขาถามตอบด้วยความทึ่งใจเล็กน้อย

“ไม่หมดทุกเล่มหรอกค่ะ บางเล่มแค่พอเข้าใจบ้างคร่าวๆ ดังนั้นหนูอยากให้ลุงแดน...สอน” เธอเว้นจังหวะไว้ ขณะที่ดวงตาสีเฮเซลของเธอยังคงสบตากับดวงตาสีเทาเข้มคมโดยไม่หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย ยังคงจับจ้องที่เป้าหมายที่ทรงเสน่ห์ตรงหน้าอย่างแน่วแน่ มั่นคง “สามปี ระหว่างที่หนูต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่ ลุงแดนคงมีเรื่องมากมายที่อยากจะสอนหนู…ใช่ไหม?”

เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ นิ้วเรียวยาวเคาะเบาๆ ตามจังหวะเพลงในห้อง

“เทียนบูชา…” เขาเรียกชื่อของเธอเต็มยศ น้ำเสียงเจือปนบางอย่างที่ฟังดูราวกับคำเตือนจากเปลวไฟ

“คะ?” เธอเลิกคิ้วเชิงท้าทาย

“เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นเพื่อนของพ่อของเธอ” เขาเอ่ยเตือนอีกหน

“แล้วลุงแดนรู้ใช่มั้ย…ว่าหนูไม่ใช่เด็กที่ว่ายน้ำไม่ได้และเกือบจมน้ำตายถ้าลุงแดนไม่กระโจนลงไปช่วยไว้ในตอนนั้น”

“เธอว่ายน้ำเก่งแล้วตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงแวะมารังแกฉันถึงที่นี่ สามปี เพื่อมาตอบแทนบุญคุณของฉันน่ะเหรอ” ชายหนุ่มที่สูงวัยกว่าเอียงคอเล็กน้อย จิบไวน์ของเขาแล้วหัวเราะขบขันพร้อมกับปลงอนิจจังกับมุกตลกที่น่าทุกข์ทรมานนี้ของตนเบาๆ แต่ดวงตาสีเทาไม่ได้ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวขณะที่พูดว่า “ถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ เธอควรรู้ไว้ว่า ฉันไม่ใช่คนที่เล่นเกมโดยไม่มีขอบเขต”

“แล้วถ้าหนูอยากลองก้าวข้ามขอบเขตนั้นล่ะ?” เสียงเธอหวานจัด พร้อมสายตาที่เปล่งประกายวิบวับราวเปลวเพลิงกองเล็กๆ ที่ลุกลามช้าๆ ทว่าสม่ำเสมอ

บรรยากาศในห้องเริ่มร้อนขึ้นแม้ไม่มีใครขยับเข้าใกล้ มีเพียงเปลวเทียนดวงเล็กๆ ที่สะท้อนในดวงตาทั้งสองคู่เป็นประกายดุจแฝงไว้ด้วยเลศนัย เสียงไวน์ที่ถูกรินลงแก้วอีกครั้งดังกังวานในห้องที่เงียบ ด้วยการเคลื่อนไหวที่บางเบา เทียนบูชาลุกขึ้นช้าๆ เดินอ้อมโต๊ะไปหยุดตรงหน้าของแดเนียล เธอเอื้อมมือไปแตะแก้วไวน์ของเขา แล้วยกขึ้นดื่มโดยไม่ละสายตา ก่อนจะวางแก้วลงช้าๆ ให้ปลายนิ้วสัมผัสหลังมือของเขาเพียงแผ่วเบาคล้ายราวขนนกนุ่มๆ

สัมผัสนั้นร้อนวาบและทิ้งประกายบางอย่างไว้ในอากาศ: สิ่งที่ไม่มีเสียง ไม่มีคำกล่าว แต่ทุกเซลล์สัมผัสของร่างกายต่างรับรู้ถึงมันดี

เขาไม่ได้ขยับถอย แต่ยืนนิ่งดั่งหินผา สายตาทอแสงรุนแรงราวกับเปลวไฟที่เพิ่งปะทุ แต่ดูเหมือนคนตัวใหญ่จะกำมือไว้เพียงชั่วขณะราวข่มอารมณ์ภายใน ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่คล้ายราวจะข่มขู่คนที่ตัวเด็กและบอกบางมากกว่ามาก

“ขึ้นไปนอนได้แล้ว...ก่อนที่ฉันจะลืมว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อของเธอ”

สาวน้อยจุดประกายรอยยิ้มไว้ที่มุมปากอย่างยั่วยวนเย้าใจ กลิ่นกายของเธอยังอ้อยอิ่งอยู่บนปลายนิ้วของเขาแม้เธอจะหันหลังเดินจากไป ผ้าซาตินพลิ้วไหวเบาๆ ตามจังหวะการย่างก้าว ดั่งคลื่นที่ไหวพลิ้วอย่างอิสระอยู่ในทะเลแห่งความปรารถนา

และเมื่อเสียงประตูห้องนอนที่ปิดลงตามหลังคนร่างบางเงียบงันลง...ทิ้งให้เพนต์เฮาส์ทั้งหลังอบอวลด้วยกลิ่นไวน์ เทียนไข และความเย้ายวนใจที่ยังไม่สิ้นสุดในค่ำคืนนั้น


บทที่ 2
บทเรียนแห่งเปลวไฟ

ห้องทำงานส่วนตัวของแดเนียลอยู่ชั้นบนสุดของเพนต์เฮาส์: ห้องกระจกมุมสูงที่ทอดสายตามองออกไปเห็นแสงแรกของวันส่องกระทบตึกระฟ้าเบื้องล่างเป็นประกายระยิบระยับ ทุกสิ่งที่อยู่ในห้องสะท้อนตัวตนของเจ้าของอย่างชัดเจน: เนี้ยบ หรูหรา และมีเสน่ห์แบบเย็นชาในแบบที่น่าหลงใหล พื้นไม้สีเข้มขัดมันสะท้อนแสงบางเบาของโคมไฟทองเหลือง รูปปั้นนู๊ดหินอ่อนของ โอกุสต์ รอแด็ง ตั้งอยู่มุมห้องข้างเก้าอี้หนังแท้ทรงคลาสสิก กลิ่นหนังผสมกลิ่นกาแฟจากเครื่องชงอัตโนมัติที่ยังอุ่นไอ 

ในขณะที่แสงตะวันอ่อนๆ ถูกกรองผ่านผ้าม่านสีขาวบางเบา แต่ไม่อาจกลืนกลบเงาเส้นสายกำยำที่ทอดตัวอยู่เบื้องหลังโต๊ะไม้โอ๊คขนาดใหญ่ลงได้ ชายผู้นั้นนั่งไขว่ห้าง เอนพิงเก้าอี้หนังแท้สีดำสบายๆ ริมฝีปากได้รูปขบเบาๆ กับขอบถ้วยกาแฟควันกรุ่น กลิ่นหอมของเมล็ดอาราบิก้าชั้นดีผสานกับกลิ่นโคโลญจน์แนววูดดี้ที่ติดอยู่บนผิวเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนทุกการเคลื่อนไหวของเขา กำลังเผาเธอให้ลุกไหม้อยู่ภายใน

เทียนบูชาเดินเข้ามาเงียบๆ ในชุดเดรสผ้าไหมสีครีมที่รัดทรวดทรงได้อย่างเสริมเสน่ห์ยวนเย้าใจ เนื้อผ้าที่สวมใส่เป็นพื้นผิวที่เนียนเรียบซึ่งแนบไปกับผิวกายราวคล้ายกับมันจะหลอมรวมเป็นผิวหนังชั้นที่สอง ประกอบด้วยริ้วชายผ้าที่ดูเหมือนว่าจะสะท้อนได้กับทุกแสงของดวงตะวันยามเมื่อเธอขยับตัว เส้นผมยาวสีน้ำตาลอ่อนถูกรวบขึ้นลวกๆ โชว์ลำคอระหงที่แต้มไว้ด้วยหยดน้ำหอมลอยออกมาเป็นระลอกจางๆ และผิวของเธอเองก็ส่องประกายราวกับเคลือบไว้ด้วยละอองน้ำผึ้ง เสมือนจะเชื้อเชิญให้ฝ่ามือสีเข้มและหนาเคลื่อนไหวมาสัมผัสเมื่อใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ และเมื่อเธอขยับ ทุกย่างก้าวดูเหมือนราวตั้งใจจะทิ้งแรงสั่นสะเทือนบางอย่างไว้ในบรรยากาศ: บางอย่างที่เขาเริ่มรู้สึก...และเกลียดตัวเองที่รู้สึก

“เช้านี้เราจะเริ่มจากการอ่านกราฟหุ้นพื้นฐาน” เสียงของแดเนียลหนักแน่น สมบูรณ์แบบ เยือกเย็นในแบบที่ข่มอารมณ์ได้อย่างมั่นคง เขาชี้ไปที่จอโน้ตบุ๊กที่แสดงเส้นกราฟเคลื่อนไหวเป็นระลอกคลื่น เทียนบูชาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินอ้อมโต๊ะมายืนข้างหลังของเขา กลิ่นกายของเธออุ่นอวลเจือกลิ่นวานิลลา มะลิ และกุหลาบลอยแตะจมูกของเขาในจังหวะที่เธอก้มตัวลงพิงเก้าอี้ของคนตัวใหญ่เพื่อมองหน้าจอนั้นใกล้ๆ

ปลายนิ้วของเธอชี้ไปที่กราฟแล้วแตะปลายแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวแผ่วเบา “เส้นนี้คือ...การเทขายใช่ไหมคะ?”

แดเนียลเบือนหน้าไปเพียงเล็กน้อย ดวงตาสีเทาดุจเหล็กกล้าปะทะกับดวงตาสีเฮเซลของเธอในระยะใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ “ใช่...มันแสดงถึงแรงขายต่อเนื่องในหุ้นที่มีข่าวลบ”

“เหมือนแรงต้านความรู้สึกที่พยายามจะเก็บไว้...แต่ยังไงก็ปิดไม่มิดใช่หรือเปล่า...” เสียงของเธอแผ่วเบา ชิดริมใบหูของเขาในระดับที่แทบไม่ได้ยิน...แต่เขาได้ยินทั้งหมด

ชายร่างสูงใหญ่ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ตอบในทันที สายตาเบือนกลับไปมองหน้าจอ ทว่าฝ่ามือบนโต๊ะกลับกำแน่นขึ้นราวกับเขาอาจกำลังจะควบคุมบางสิ่งบางอย่างในใจ เธอมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ นั้น แล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างรู้ทัน

“และตรงนี้ หนูยังไม่เข้าใจตรง leverage นิดหน่อยค่ะ...” เสียงหวานเอ่ยออกไปด้วยจังหวะช้า ริมฝีปากเธอเผยอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอียงตัวไปด้านหน้าอย่างจงใจ ผ้าบางแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อหน้าอกขยับตามแรงโน้มถ่วงของโลก

แดเนียลยกสายตาขึ้นจากหน้าจอโน้ตบุ๊กเพียงนิดเดียว...นิดเดียวก็พอจะเห็นทุกเส้นสายที่เธออยากให้เขาเห็น แววตาของเขายังคงสงบนิ่งแต่ริมฝีปากขยับขึ้นคล้ายคนที่พยายามเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ในร่องลึกของความเงียบ “เลเวอเรจ...ก็เหมือนแรงขับที่ทำให้สิ่งเล็กกลายเป็นใหญ่...ถ้าใช้ถูกจังหวะ มันจะทำให้ผลตอบแทนทวีคูณอย่างมหาศาล”

“เหมือนเสน่ห์ใช่ไหมคะ” เธอถามกลับพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ “ที่ถ้าใช้ถูกวิธี...ก็อาจทำให้ใครบางคนเปลี่ยนไปได้”

คำพูดนั้นลอยกลางอากาศอยู่ระหว่างทั้งสองคน เงียบงันและอันตรายพอๆ กันกับไฟ

แดเนียลยังคงไม่ได้ตอบกลับในทันที เขาเพียงเอนหลังช้าๆ แล้วจ้องมองเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนคนที่รู้ตัวดีทุกขณะว่ากำลังถูกยั่วเย้าจากเด็กสาวอย่างมีชั้นเชิง และเริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองยังควบคุมเกมได้อยู่หรือเปล่า

“เสน่ห์...ถ้าควบคุมไม่ได้ มันก็จะทำลายคนใช้มันเหมือนกันนะ” น้ำเสียงของเขาเรียบแต่หนักแน่น ไม่ดังนักแต่ทำให้เทียนบูชารู้สึกเหมือนเสียงนั้นกระซิบอยู่ที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ

“บางที...บางคนก็ยอมถูกเผา ถ้าไฟนั้นมันเร่าร้อนพอ” นิ้วเรียวยาวของเธอวางบนโต๊ะก่อนจะลากไปตามผิวไม้ด้วยจังหวะเนิบช้า เล็บเคลือบใสสะท้อนแสงแวววาวแฝงแรงปรารถนาอยู่ในทุกสัมผัส โน้มตัวลงมา และหยุดอยู่ใกล้เขามากพอที่จะได้กลิ่นลมหายใจของกันและกัน

เขาเอนตัวเล็กน้อยราวจะเลี่ยง ทว่ากลับเป็นเธอที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ปลายนิ้วแตะลงเบาๆ ที่ปกเสื้อเชิ้ตของเขา ไล้เบาๆ ลงบนกระดุมเม็ดเล็กๆ ที่ยังติดแน่นของเขาเล่นเหมือนเด็กหญิงที่ซุกซน

เสียงหัวเราะในลำคอของเขาแผ่วเบา แต่แฝงความตึงเครียดราวกับเส้นบางๆ ที่กำลังจะขาด เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วจับข้อมือของเธอไว้ หลวมๆ แต่มั่นคงพอให้รู้ว่าเขารู้ทันเกมของเธอตลอดมา

“เธียร์...อย่าทำแบบนี้”

“แต่ใจหนูมันไม่ฟังค่ะ...” เธอตอบในทันที แล้วโน้มตัวเข้าหาเขา ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นปะทะกันจนเขารู้สึกถึงความร้อนใต้ผิวหนังที่เริ่มเดือด

เงียบ…

เขานิ่งงัน เพียงเสี้ยววินาทีถัดจากนั้น กลิ่นน้ำหอมของเธอ ความนุ่มนวลของผิวที่เพียงเฉียดผ่านเขา ความสั่นไหวเล็กๆ ของริมฝีปากอวบอิ่มของเธอที่อยู่ใกล้จนเขามองเห็นได้ทุกความละเอียด ทั้งหมดนั้นรวมกันเป็นหนึ่งในกับดักที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญ

และเขาก็ตอบสนอง…

ริมฝีปากของเขาสัมผัสริมฝีปากของเธอในวินาทีที่แสงไฟภายในห้องราวกับลุกไหม้ และเมื่อได้ยินเสียงของเธอครางแผ่วต่ำในลำคอ พร้อมเลื่อนมือน้อยๆ ขึ้นมาประสานไว้ที่ท้ายทอยเขา การจูบไม่เร่งร้อน แต่ลึกซึ้งและแนบแน่น ราวกับเขาต้องการจดจำทุกส่วนโค้งทุกสัมผัสของความรู้สึกที่เพิ่งเริ่มต้นนี้ให้ฝังแน่นในความทรงจำตลอดไป

ผ่ามือใหญ่กระด้างอย่างผู้ชายของเขาเลื่อนขึ้นมาโอบรอบสะโพกของเธอเบาๆ แล้วดึงเข้าหา ความอ่อนนุ่มแนบชิดกับหน้าอกแกร่ง เสียงหัวใจเต้นแรงในอกของเขาดังไม่ต่างจากเสียงเต้นของหัวใจของเธอ ทุกจังหวะสะท้อนแรงปรารถนาและการต่อต้านที่กำลังสั่นคลอน

ในความเงียบที่ร้อนแรงนั้น ไม่มีคำพูดใดถูกเปล่งออกมา มีเพียงเสียงหายใจที่ถี่กระชันขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นหอมของเครื่องหนัง ผิวกาย และกลิ่นกาแฟจางๆ ผสานกับกลิ่นของความปรารถนาที่ร้อนแรงยิ่งกว่ายาเสน่ห์

และทันใดนั้น…

เขาหยุด ก่อนที่ทุกอย่างจะลุกลามเกินควบคุม

“พอได้แล้ว...” เสียงเขาแผ่วเบาแต่ชัดเจนและไม่มองหน้าเธอตรงๆ มือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนออกช้าๆ เหมือนต้องใช้แรงมากกว่าการยกตุ้มหินที่หนักหน่วง

เทียนบูชาไม่พูดอะไร เธอเพียงมองเขานิ่งๆ แล้วเม้มปากเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ล้นอก หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่แววตาไม่ได้แสดงความพ่ายแพ้แม้สักนิด

ตรงกันข้าม...มันคือแววตาของคนที่เพิ่งจุดประกายไฟได้สำเร็จ

และรู้ดีว่าเปลวไฟนั้น...จะไม่มีวันดับลงง่ายๆ

“ลุงแดนยังสอนไม่ถึงวิธีอ่านอารมณ์ของนักลงทุนเลยนะคะ” 

คนตัวใหญ่ขยับตัวเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างกายสูงสง่าในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตอนนี้ปิดกล้ามอกตึงแน่นไว้ได้ด้วยกระดุมเพียงสามเม็ดจากฝีมือเด็กจมซน ดวงตาคมเข้มจ้องมองเธอด้วยแววอันตราย ร่างทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร

“เพราะนั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ใช้หลักการวัดได้” เขาตอบเสียงต่ำ “มันต้องใช้...สัญชาตญาณ”

เทียนบูชาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วตอบกลับเสียงนุ่ม “ซึ่งลุงแดนกำลังใช้มันอยู่ตอนนี้...กับหนู?”

แดเนียลไม่พูด แต่สายตาของเขาเคลื่อนไปทั่วใบหน้าของเธอ ไล่จากขนตาเส้นยาวที่งอนขึ้นเองตามธรรมชาติ ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มที่เพิ่งถูกจูบอย่างหนักหน่วงมาเมื่อครู่นี้ และไล่ต่ำลงมาจนถึงช่วงลำคอขาวนวลที่ขยับตามจังหวะการหายใจ ซึ่งเธอยังคงไว้ซึ่งประกายหลายอย่างในแววตา: มั่นใจ ยั่วเย้า ท้าทาย มีชีวิตชีวา

หนุ่มใหญ่เอื้อมมือไปแตะเมาส์ ก่อนจะคลิกปิดหน้าจอด้วยความเรียบเฉยเกินความจริง และเมื่อแสงจากหน้าจอดับลงไป เหลือไว้เพียงแสงธรรมชาติที่กรองผ่านม่านโปร่งบาง กลิ่นหอมของเธอรุนแรงขึ้นเมื่อเธอก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด

ปลายนิ้วของเธอแตะลงบนหลังมือของเขาอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม แดเนียลกุมมือของเธอไว้ในทันที น้ำหนักของแรงกดที่อยู่บนมือของเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะผ่อนคลายมันออกอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังต่อสู้กับบางสิ่งในใจ … บางสิ่งที่ร้อนแรงกว่าเมื่อค่ำวันวานและเมื่อครู่นี้

“เธียร์...ฉันบอกแล้วว่าอย่าข้ามเส้น”

เทียนบูชาหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนเอ่ยคำพูดที่นุ่มนวลโดยไม่เกรงกลัว “แต่ถ้าเส้นขั้นนั้นมันอยู่ตรงที่หนูยืนอยู่พอดีล่ะคะ...ไม่ได้แปลว่าคุณลุงต่างหากที่เดินเข้ามาหามันเองหรอกหรือ?”

ฝ่ามือสีแทนของเขากระชับข้อมือสีขาวนวลผ่องบอบบางของเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคลายออกและปลดปล่อยมัน สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่สายตาสีเทาควันทอแสง บ่งบอกว่า...เขาไม่ได้ไม่รู้สึก และกำลังต่อสู้กับความรู้สึกนั่นทุกวินาที

“เราควรหยุดไว้แค่นี้...” เขาเอ่ยเสียงเบาราวกับจะพูดกับตัวเองมากกว่า

เทียนบูชาจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ซุกซนที่มุมปากอวบอิ่มชวนน่าจุมพิตอีกหนของเธอก่อนจะเดินอ้อมกลับไปที่เก้าอี้ของเธออีกครั้ง นั่งไขว่ห้างแล้วเปิดไอแพดขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ถ้างั้น...หนูขอบทเรียนเรื่องกราฟเส้นค่าเฉลี่ยต่อเลยนะคะ คุณลุงแดเนียล”

คำว่า ‘คุณลุง’ พร้อมชื่อของเขาที่เอ่ยออกมาเต็มยศจากริมฝีปากของเธอทำเอาเขาแทบกลั้นลมหายใจ ทั้งเย้ายวน ทั้งประชดประชัน และเต็มไปด้วยเปลวไฟที่เขารู้ว่ามันจะยังคงไม่ดับลงง่ายๆ

เสียงการทำงานบนจอคอมพิวเตอร์พกพาตัวเล็กเริ่มดังขึ้นเบาๆ อีกครั้งในห้องที่เงียบงัน ที่แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังได้ยินชัดเจนได้ ทว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อุณหภูมิในอากาศดูจะสูงขึ้น แม้เครื่องปรับอากาศยังทำงานอย่างเงียบเชียบ

เขาไม่แน่ใจว่าเธอเรียนรู้เรื่องหุ้นไปถึงไหนแล้ว...แต่เขารู้แน่ชัดว่าเธอได้เริ่มบทเรียนอย่างหนึ่งให้แก่เขาแล้ว: บทเรียนแห่งไฟ และเธอก็กำลังเป็นครูสาวตัวน้อยที่แสนอันตรายอย่างยิ่งสำหรับเขา


บทที่ 3
การเคลื่อนไหว…ใต้ผ้าห่มแคชเมียร์

เสียงคำรามต่ำในค่ำคืนอันมืดมิดที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่เมฆสีเทา เสียงของหยาดฝนที่กระทบกับกระจกบานใหญ่เป็นไปในจังหวะที่สม่ำเสมอ สายฟ้าที่วูบวาบสาดแสงเข้ามาในห้องนอนหรูหราของแดเนียลเป็นครั้งคราว: และแม้ว่า เสียงแป้นพิมพ์อันแผ่วเบาในห้องทำงานของเขาจะหยุดลงไปนานแล้วหลายชั่วโมง แต่เจ้าของอาณาจักรหรูหราแห่งใหญ่ใจกลางเมืองยังคงมองเห็นแต่ภาพของตัวเองที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ที่เดิมบนโต๊ะทำงานของเขา ปลายนิ้วคลึงขมับเบาๆ สายตาหนักแน่นแต่เปี่ยมไปด้วยความระมัดระวังและกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างกว้างบานใหญ่ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะภาพของบุตรสาวของเพื่อนสนิทของเขา ผู้เป็นเด็กสาวที่ทรงเสน่ห์ที่นั่งไขว่ห้างทำงานของเธอในห้องทำงานของเขาอย่างสบายๆ ยังคงวนเวียนในหัวของเขาอย่างไม่มีวันจางหายไปง่ายดาย และจากหัวใจของชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง

และในความเงียบงันของห้องนอนใหญ่ แดเนียลก็กลับมาสู่ตัวเองหลังจากสิ้นเสียงการเคาะประตูที่เขารู้ทันทีว่าคนที่ก่อกำเนิดเสียงนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ แต่คนตัวใหญ่ก็ยังคงยืนมองดูกระจกบานเลื่อนที่ค่อยๆ เปิดออกอย่างแผ่วเบา กลิ่นหอมละมุนของครีมอาบน้ำกลิ่นวานิลลาผสมกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ลอยมาก่อนที่ร่างบอบบางของเธอจะปรากฏขึ้นในชุดนอนผ้าซาตินสีงาช้างที่แนบเนื้ออย่างยวนเย้าใจ ชายเสื้อที่ปกคลุมไว้ที่เพียงครึ่งต้นขา เนินอกขาวละมุนใต้เส้นสายบางเฉียบที่รัดรั้งไว้บนไหล่กลมกลึงของเธอ เผยให้เห็นถึงผิวที่นวลเนียนดูเนียนนุ่มใต้ประกายของสายฟ้าที่สว่างไสวในแวบเดียว

“หนูขอโทษนะคะ ลุงแดน...” เสียงหวานดังบางเบาใต้การควบคุมของผู้เป็นเจ้าของที่พยายามรั้งไว้ไม่ให้มันสั่นเครือ “แต่…หนูกลัวฟ้าร้อง...ห้องของหนูมันมืดทึบไปหน่อย แถมเสียงฝนก็กระทบกระจกหน้าต่างแรงมากและดังตลอด หนูไม่สามารถนอนหลับลงได้โดยไม่กลัว”

แดเนียลหันมาช้าๆ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาสีน้ำตาลแกมอำพันเจือแววกังวลแต่ก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ มือเล็กๆ กำชายเสื้อของตัวเองไว้แน่น ร่างบางสั่นสะท้านเล็กน้อยราวกับต้องการให้เขาเชื่อว่านั่นเป็นเพราะความหนาวเย็นของฝนฟ้าอากาศและความหวาดกลัวซึ่งเป็นข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบและแนบเนียน

“เธียร์...” เขาเรียกชื่อเธอเบาๆ ในลำคอ เสียงทุ้มต่ำสะท้อนอยู่ในอากาศแคบๆ ของห้อง “กลับไปนอนที่ห้องของเธอได้แล้ว นี่มันดึกมากแล้ว”

“ใช่ค่ะ ดึกแล้ว แต่...ขอหนูนอนที่นี่ด้วยได้ไหม แค่คืนนี้คืนเดียว” เธอก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ดวงตาเปิดกว้าง วาวระยับด้วยแสงสะท้อนของสายฟ้าที่จุดประกายลงมาอีกหน “ถ้าหนูทำให้คุณลุงไม่สบายใจ...หนูจะนอนบนโซฟาก็ได้”

เขาหันไปมองโซฟา มันเล็กเกินกว่าจะนอนได้สบาย แม้ว่าเธอจะตัวเล็กเมื่อเทียบกับเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเธอบอบบางเกินกว่าจะปล่อยให้นอนตากแอร์ทั้งคืน ความรู้สึกผิดแผ่กระจายในอกอย่างช้าๆ

“ก็ได้...” เสียงของเขาแผ่วแต่หนักแน่น เพราะต้องยินยอมในที่สุด “แต่เธอต้องนอนดีๆ ไม่ซนนะ…เข้าใจไหม”

“ค่ะ” เธอยิ้ม...ยิ้มแบบที่เขารู้ทันทีว่าไม่ได้มีคำว่า ‘ไม่ซน’ ในแผนการของเธอเลยแม้แต่น้อย

เทียนบูชาปีนขึ้นเตียงใหญ่ของเขาอย่างว่าง่าย ความเงียบภายในห้องมีมากแค่ไหนยิ่งทำให้เสียงของผ้าซาตินที่เสียดสีกับผิวเนื้อของเธอชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ทำให้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวในทุกขณะของเธอ และเมื่อนอนตะแคงลง เธอก็หันหน้ามาหาเขา ดวงตาสีน้ำตาลแกมทองกลมโตมองมาที่เขาราวจะพยายามค้นหาความรู้สึกของผู้ชายตัวใหญ่ที่เดินไปปิดไฟแล้วกลับมานอน ณ อีกฟากฝั่งของเตียงของเขา ราวกับจะให้ความว่างเปล่าเป็นกำแพงแกร่งที่ป้องกัน…ซึ่งไม่ใช่

ผ้าห่มแคชเมียร์เนื้อนุ่มปกคลุมทั้งคู่ไว้ ใต้เงาของความมืดสลัวและเสียงฟ้าร้องข้างนอกนั่น หากพื้นที่ใต้ผ้าห่มนั้นกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ใครก็มองเห็นไม่ได้ด้วยตาเปล่า

ด้วยความแน่วแน่ เมื่อฝ่ามือเล็กๆ ค่อยๆ เคลื่อนไปสัมผัสหลังมือของเขาอีกครั้ง...นิ้วเรียวที่เจือความเย็นจางๆ จากเครื่องปรับอากาศ นุ่มราวไหม ลูบไล้ไปตามแนวข้อมือของเขาช้าๆ เหมือนจะบอกว่า ‘หนูอยู่ตรงนี้’

“เธียร์...” เขาเรียกเธออีกครั้ง คราวนี้เสียงเข้มกว่าเดิม

เธอไม่ตอบ แต่ขยับเข้าไปชิดใกล้ร่างแกร่งสีแทนของเขาอย่างจงใจ เนินอกอ่อนนุ่มที่แนบผ่านผ้าซาตินสัมผัสกับต้นแขนที่แข็งแรงของเขาอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นแทรกซึมผ่านเนื้อผ้า…ให้ความรู้สึกที่โหยหา

“หนูกลัว...” เธอเอ่ยเสียงสั่นพร่า พลางเลื่อนแขนไปกอดที่ต้นแขนของเขา แนบแน่นมากขึ้นกว่าเดิม 

ยิ่งห้ามคล้ายราวกับยิ่งยุ…ใบหน้าเนียนสวยแกมเจ้าเล่ห์ก็แนบลงไปแตะกับหัวไหล่ที่อุ่นจัดจากเลือดอุ่นๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ข้างใน

“เธอกำลังเล่นกับไฟ” เขาพูดเสียงขุ่นด้วยริมฝีปากหยักลึกและดวงตาที่ปิดแน่นลงราวกับกำลังยับยั้งความรู้สึกบางสิ่งบางอย่าง อย่างสุดกำลัง

“แล้วลุงแดนไม่คิดจะมอดไหม้ลงไปในไฟกองนี้ด้วยกันหรือคะ...” คำพูดนั้นทำให้เขาลืมตาทันที

เขาหันมา มองเธอในระยะประชิด ดวงตาทั้งสองสบกันภายใต้ประกายของสายฟ้าที่แวบวาบผ่านบานหน้าต่างบานใหญ่ ใบหน้าของเธอสวยจนเหมือนภาพวาด แก้มแดงเรื่อ ริมฝีปากอิ่มฉ่ำราวผลเชอร์รี่ที่สุกหอมอย่างภาพที่เขาจำได้จนขึ้นใจ และดวงตาแวววาวที่แน่วแน่ ตรงไปตรงมา เต็มไปด้วยไฟแห่งความปรารถนาและความสงสัยโดยไม่ปิดบัง

เขาเอื้อมมือไปแตะข้างแก้มของเธอเบาๆ อย่างยับยั้งห้ามใจไม่ได้ และเมื่อนิ้วโป้งบนมือใหญ่ของเขาสัมผัสมัน เขาก็ลูบไล้ผิวเนียนนุ่มนั้นเหมือนจะสำรวจว่าเธอคือความฝันหรือความจริง แต่กลิ่นกุหลาบที่จางเจืออยู่บนผิวกายอ่อนบางก็ทำเอาเขาแทบคลั่ง: มันดึงดูดเขาเหมือนแรงของแม่เหล็กที่มีพลังมหาศาล

เธอขยับใกล้เขาเข้ามาอีกนิด กระทั่งระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอกับเขาเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งนิ้ว ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอสัมผัสลงบนปลายคางเขียวครึ้มสมชายชาตรีของเขาอย่างจงใจ ความเงียบงันในห้องตอนนี้ถูกทำลายลงด้วยเสียงหัวใจของเขาและของเธอ

“อย่าข้ามเส้นของฉัน...เธียร์” เขากระซิบเสียงพร่า

“ถ้างั้น…ลุงแดนจะเป็นคนข้ามมันมาก็ได้นี่คะ” เธอกระซิบตอบเขาอย่างท้าทาย ด้วยเสียงแผ่วเบา แต่อาบด้วยเปลวไฟที่เธอเริ่มก่อไว้อย่างมุ่งมั่น

แล้วทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าของเขาเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ ดวงตาไม่ละจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว และเมื่อริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอในที่สุด มันก็เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนลงแล้ว


นิยายยังไม่จบแค่นี้...ที่คุณสามารถอ่านต่อได้ในแบบฉบับ ebook อย่างเต็มอิ่ม นิยายแต่งจบ กดโหลดได้แล้ววันนี้ ตลอด 24 ชั่วโมง >> ที่นี่: กดเลยนะคะ <<

ปล. นิยายเรื่องนี้มีตอนพิเศษ ที่คุณจะอ่านได้ในแบบฉบับ eBook เท่านั้นนะ!

จบ

แมงมุมใต้เตียง: นิยาย บันเทิง | อ่านนิยาย | นิยายรสแซ่บ จัดจ้าน | นิยาย AI | เทพนิยาย | นิยายออนไลน์ | นิยายรัก | โรมานซ์ | โรมานซ์แฟนตาซี | แฟนตาซี | นิยายแซ่บ | นิยายราคาประหยัด | นิยายคลายเหงา ราคาถนอมกระเป๋า | EROmanTIC | ERO ROM COM | #แซบซ่านจนนิพพานสีชมพู~* | 🍀 | สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และส่วนที่แก้ไขเพิ่มเติม

[03] 🧸 คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ

🫦 โดย: ก็..แซ่บนะ ©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม คลั่งรัก: เพื่อนพ่อรสแซ่บ เมื่อความรักต้องห้ามระ...