The Possession: เพื่อนพ่อรสเผ็ด
บทที่ 1
กลิ่นหอมและรสชาติเย้ายวน
ไร่สตรอว์เบอร์รีบนเกาะส่วนตัวทอดตัวยาวใต้แสงเช้าที่อบอุ่น รวงแดดสีทองสาดส่องลอดผ่านกลีบใบที่อ่อนช้อย ปลุกให้หยดน้ำค้างระยิบระยับดั่งอัญมณียามต้องแสงตะวัน กลิ่นหอมหวานอมเปรี้ยวของผลสตรอว์เบอร์รีสุกแดงสดลอยคลุ้งในอากาศ เคล้ากับกลิ่นหญ้าอ่อนและกลิ่นไอดินที่ชุ่มชื้นในยามเช้า ผสมผสานกันจนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่หอมสะอาดจนแทบลิ้มรสของมันได้
เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเคล้าคลอไปกับเสียงลมพัดผ่านพงไพรอันเขียวขจี สายลมที่กระซิบผ่านใบไม้ราวกับบทเพลงแสนอ่อนโยนของธรรมชาติ กลิ่นทะเลจางๆ ที่ลอยมาจากปลายเกาะหลอมรวมกับแสงแดดและกลิ่นผลไม้กลายเป็นบรรยากาศที่ไม่อาจเลียนแบบ
รถยนต์หรูเคลื่อนตัวเข้าใกล้คฤหาสน์สไตล์ทรอปิคอลซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางไร่ ริมสระว่ายน้ำไร้ขอบเป็นผืนผิวสีฟ้าใสที่สะท้อนสีสันของท้องฟ้าไว้ทั้งผืน คฤหาสน์สีน้ำตาลอ่อนผสานไม้และหินธรรมชาติอย่างลงตัว รายล้อมด้วยระเบียงไม้กว้างที่ถูกประดับด้วยกระถางต้นไม้ดอกสีขาวละมุนและเฟอร์นิเจอร์หวายสีอบอุ่น เมื่อรถยนต์จอดสนิทดีแล้ว หญิงสาววัยสิบแปดปีก้าวลงจากรถพร้อมบิดา ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินเคียงข้างตรงไปยังคฤหาสน์ เสียงรองเท้าส้นสูงของเธอดังกระทบพื้นไม้แผ่วเบาเมื่อเธอก้าวขึ้นสู่เฉลียง
ผิวเธอขาวเนียนผุดผ่อง ดูโดดเด่นท่ามกลางแสงแดดอ่อน ดวงตาสีเฮเซลเจือเขียวเฉียบลึกวาววับอย่างน่าค้นหา เส้นผมสีช็อกโกแลตเข้มเป็นลอนอ่อนหล่นลงบนบ่าบาง ชุดเดรสผ้าลินินสีขาวบางเฉียบแนบเรือนร่าง พลิ้วไหวตามลมทะเลอย่างแผ่วเบา ดึงดูดสายตาด้วยรสนิยมที่เรียบหรูแต่เย้ายวน
ไอรีนถอนหายใจเบาๆ เมื่อย่างก้าวแรกของเธอเหยียบลงบนพื้นไม้ของเฉลียง ดวงตาเธอเหลือบไปเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดเชิ้ตสีขาวพับแขนจนถึงข้อศอก กางเกงผ้าลินินสีครีมรับกับผิวแทนเข้มอย่างพอดิบพอดี ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แข็งแรงในแบบผู้ชายวัยกลางคนที่ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด กล้ามเนื้อแข็งแกร่งบนแขนที่พ้นชายเสื้อที่พับไว้ ทำให้เธอเผลอกลืนน้ำลายและหอบเบาๆ
เสียงรองเท้าหนังของเขาย่ำเบาๆ บนพื้นไม้ขณะก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาลึกและนิ่ง แต่กลับมีประกายบางอย่างที่ไม่อาจมองข้ามได้ ริมฝีปากหยักลึกที่คลี่ยิ้มออกเล็กน้อยเมื่อเขามองมาสบตาของเธอ
“ยินดีต้อนรับสู่เกาะของฉัน และไร่ของฉัน เซเรนิต้า…” เสียงของเขาทุ้มต่ำและนุ่มลึกราวกับไวน์เก่าที่บ่มมานาน เสียงที่เหมือนกระซิบผ่านโพรงอกให้สะท้านวาบไปทั่วร่าง
ไอรีนเอียงคอเล็กน้อย ยิ้มบางๆ ที่มุมปากเหมือนรู้ทันแรงดึงดูดที่กำลังแผ่ซ่านผ่านลมหายใจของทั้งสอง
“ขอบคุณค่ะ คุณอาเดน่อน...ไร่และเกาะของคุณหอมสดชื่น น่าหลงใหลและชวนให้อยากอยู่ที่นี่ได้ทั้งชีวิต” น้ำเสียงของเธอแฝงแววหยอกเย้าแต่ไม่โจ่งแจ้ง ราวกับหยดน้ำผึ้งที่แตะปลายลิ้น แฝงรสหวานปนเปรี้ยวที่กลมกล่อม
เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ดวงตานั้นยังคงจับจ้องเธออย่างเปิดเผย
“กลิ่นของสตรอว์เบอร์รี...หรือกลิ่นของความสงสัย ชวนให้อยากรู้อยากเห็น?” เขาถามอย่างไม่รีบร้อน ทว่าเสียงนั้นกลับสะกิดลึกลงไปในจิตใจของเธอ
ไอรีนยิ้มและก้าวเข้าใกล้หนึ่งก้าว กลิ่นกายของเธอลอยอวลขึ้นราวกลิ่นดอกไม้กลางฤดูฝน ผสมกับกลิ่นหวานละมุนของน้ำหอมแนวมัสก์เจือกลิ่นวานิลลา
“อาจจะทั้งสองค่ะ...แต่ถ้าคุณอาอยากให้หนูสนใจเรื่องหุ้นมากกว่านี้ คุณอาก็อาจต้อง...สอนหนูด้วยตัวเอง”
เขายืนนิ่งไปเสี้ยววินาที ก่อนจะยิ้มช้าๆ
“หุ้นหรือหัวใจ...อยากเรียนรู้เรื่องไหนก่อนกันล่ะ?”
ไอรีนหัวเราะเบาๆ เสียงของเธอละมุนละไมเหมือนสายลมที่ลูบไล้หัวใจเขา
“ก็แล้วแต่ค่ะ...แด๊ดดี้ เดน่อน”
คำสุดท้ายนั้นหลุดจากปากเธออย่างจงใจ ทิ้งความหมายคลุมเครือในอากาศที่แผ่วเบาแต่เร่าร้อนราวไอแดดที่ดึงดูด
ลมทะเลพัดเอื่อยเข้ามาปะทะร่างทั้งสองขณะเขาหันไปนำทางบิดาของเธอเพื่อพาแขกผู้มาใหม่เดินชมไร่อันงดงามสมบูรณ์ของเขา กลิ่นเกลือจางๆ เคล้าไปกับกลิ่นแดดและกลิ่นของผลไม้ในอากาศ ร่างสูงสง่าของเดน่อนเดินนำหน้า แผ่นหลังของเขาตึงแน่นและนิ่งสงบอย่างคนที่มั่นใจในทุกย่างก้าว
ไอรีนมองตามเขา ใบหน้าของเธอเรืองรองใต้แสงแดดอ่อน เธอยกมือขึ้นทัดลอนผมไว้ข้างหูเบาๆ ดวงตาเป็นประกายเฉียบลึกอย่างเด็กสาวที่ค้นพบของเล่นชิ้นโปรด
เธอไม่รู้ว่าในอนาคตเรื่องราวจะพาเธอไปไกลแค่ไหน รู้เพียงว่ากลิ่นหอมแรกของไร่นี้ กลิ่นของสตรอว์เบอร์รี...และกลิ่นของเขา มันเย้ายวนเกินกว่าจะต้านทาน
และเธอจะไม่ปล่อยให้มันจบลงแค่การทักทายแน่นอน
บทที่ 2
บทเรียนรัก...รสชาติเผ็ดร้อน
แสงแดดบ่ายคล้อยลอดผ่านผนังกระจกใสของห้องทำงานส่วนตัวซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์กลางไร่สตรอว์เบอร์รี ท้องฟ้าภายนอกสีฟ้าเข้มดั่งอัญมณีล้ำค่า ทอดไกลไปถึงขอบฟ้าที่บรรจบกับเส้นสีเขียวของไร่ผลไม้สุดลูกหูลูกตา ลมอุ่นพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้บางส่วน หอบเอากลิ่นหอมสดชื่นของดินที่ยังคงชื้นน้ำฝนที่พรำลงมาเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ และใบไม้ที่เพิ่งถูกแสงแดดไล้ผ่านกรุ่นเข้ามาผสานกับกลิ่นไม้โอ๊คของโต๊ะทำงานที่ถูกขัดไว้อย่างประณีต
เสียงเข็มนาฬิกาเดินแผ่วเบาในความเงียบสงบ ขับกล่อมบรรยากาศให้ดูน่าค้นหา
บนโต๊ะไม้แท้สีเข้มที่ตั้งอยู่ใกล้ผนังกระจก แล็ปท็อปสีดำเปิดให้เห็นกราฟเส้นของหุ้นตัวหนึ่งที่กำลังผันผวนบนหน้าจอ ใกล้กันคือหนังสือการลงทุนฉบับปกหนังสีเข้มหายาก ที่วางซ้อนกันอย่างมีรสนิยม
ไอรีนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เก้าอี้หนังสีแทนโอบรับสรีระบอบบางของเธอไว้อย่างอบอุ่นและมั่นคง ผ้าลินินบางเบาของเดรสที่เธอสวมวันนี้เป็นสีครีมอ่อนแนบเนื้ออย่างพอดิบพอดี อวดผิวเนียนราวน้ำนมที่สะท้อนแสงแดดแผ่วเบาดูเปล่งปลั่งยวนตาและน่ามอง
เดน่อนกึ่งนั่งกึ่งเอนพิงพนักเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม ฝ่ามือกระด้างใหญ่หนาตามแบบผู้ชายของเขากำแก้วกาแฟเซรามิกเรียบหรู กลิ่นกาแฟหอมเข้มลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ กลิ่นนั้นแฝงกลิ่นวานิลลาและคาราเมลอ่อนๆ สะท้อนกับตัวตนที่ซับซ้อนและน่าค้นหาของเจ้าของไร่
“ไอรีน” เสียงเขาเอ่ยทุ้มต่ำ แต่นุ่มลึกดังลมหายใจของห้วงอารมณ์ที่ไม่อาจระงับ
เธอเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาสีเฮเซลเจือเขียวสะท้อนแสงวาววับ ราวหยาดน้ำบนใบสตรอว์เบอร์รีตอนเช้า
“ค่ะ แด๊ดดี้…” คำสุดท้ายที่เอ่ยนั้นนุ่มนวล ทว่ามีประกายซ่อนเร้น ขี้เล่น คล้ายกลีบดอกกุหลาบที่ซุกหนามไว้ข้างใน
เขาขยับลุกขึ้นยืน ก้าวเข้ามาด้านหลังเธอเงียบๆ แล้วโน้มตัวลง มือใหญ่ของเขาไล้ผ่านไหล่บางของเธอไปหยุดที่เมาส์ และขยับคลิกเปลี่ยนหน้ากราฟช้าๆ
“นี่คือเส้น EMA กับ MACD เธอเห็นตรงจุดตัดนี้ไหม?”
เสียงของเขาทุ้มเบาราวกระซิบที่ข้างหูบาง ความใกล้ชิดนั้นทำให้ปลายผมของเขาเสียดสีกับลำคอขาวผ่องของเธอเบาๆ ราวกับจะปลุกเร้าบางสิ่งให้ตื่นขึ้น
มือของเขากุมลงบนมือเรียวบางเล็กๆ ของเธอ ชี้นำอย่างแผ่วเบา แต่แฝงความแน่วแน่ ทุกจังหวะสัมผัสของเขา แผ่ซ่านลึกลงไปในใจของหญิงสาวให้เต้นระรัวและตื่นฟื้น
ไอรีนแอบลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างช้าๆ สัมผัสอุ่นร้อนนั้นส่งกระแสไหลผ่านจากปลายนิ้วขึ้นไปถึงทรวงอก และลามลงต่ำราวกับไฟฟ้าที่ช็อตผ่านผิวนวลบาง
“แด๊ดดี้ชอบการเคลื่อนไหวของตลาด...หรือความไม่แน่นอน?” เธอหันมาถามด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากอมชมพูอวบอิ่มคลี่ยิ้มช้าๆ ขณะที่ดวงตาก็สบสายตากับเขาอย่างจงใจ
“บางครั้ง...ความไม่แน่นอน ก็ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใด...น่าจดจำขึ้น”
เขากระซิบใกล้จนลมหายใจสัมผัสผิวแก้มของเธอ เธอรู้สึกถึงกลิ่นกายของเขา กลิ่นที่อบอุ่น หนักแน่น และเจือไปด้วยกลิ่นหนังแท้จากเสื้อนอก กับกลิ่นเหงื่อจางๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็นชายอย่างชัดเจน
เขาค่อยๆ ยืดตัวขึ้นตรง มองลงไปยังเสี้ยวหน้าของบุตรสาวของเพื่อนสนิทที่หันกลับมามองกราฟอีกครั้ง
“แด๊ดดี้เคยกลัวการเสี่ยงไหมคะ?”
เธอเอ่ยถามเบาๆ แต่น้ำเสียงนั้นราวกับเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปในเส้นประสาทของเขา
“ในชีวิตจริง...หรือเรื่องหัวใจ?” เขาถามกลับโดยไม่ต้องคิด
เธอหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเธอเหมือนเสียงแก้วไวน์ที่กระทบกันเบาๆ ก่อนดื่มด่ำ
“ทั้งสองค่ะ...แต่ตอนนี้...หนูอยากรู้เรื่องหัวใจของแด๊ดดี้มากกว่า”
เขาไม่ตอบในทันที แค่ทอดสายตามองมาที่เธอเนิ่นนาน ดวงตานั้นลึกซึ้งราวห้วงของมหาสมุทร—นิ่ง ลึก และยากจะคาดเดา
“หัวใจของฉันไม่เปิดง่ายๆ หรอก ไอรีน”
“แต่หนู...ไม่ชอบประตูที่ปิด” เธอขยับลุกขึ้นยืนช้าๆ และเสียงเก้าอี้ที่เขยื้อนก็ดังขึ้นเบาๆ
เขาถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อให้เธอมีพื้นที่ ร่างโปร่งบางของเธอเบียดชิดกับเขาอย่างไม่ตั้งใจ แต่…จงใจ กลิ่นกุหลาบเจือวานิลลาของเธอลอยมาแตะปลายจมูกของเขาอีกครั้ง บางเบาแต่ก็ชัดเจน
“บางที...แด๊ดดี้อาจคงต้องให้หนูลองไขประตูบานนี้ดูบ้าง”
คำพูดนั้นราวกับคาถามหาเสน่ห์ที่เปล่งออกจากริมฝีปากที่แดงเรื่อ แววตาของเธอเปล่งประกายราวเด็กสาวที่เพิ่งค้นพบความลับน่าตื่นเต้น
เขาไม่ตอบ เพียงแค่จุดประกายรอยยิ้มไว้ที่มุมปากหยักลึกสมชายชาตรี ก่อนจะหันกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบแฟ้มเอกสารบางๆ เล่มหนึ่งมายื่นให้เธอ
“ช่วยจัดเอกสารพวกนี้ให้ฉันหน่อย...ถือว่าเป็นการบ้านบทแรก”
เธอรับแฟ้มมา สัมผัสปลายนิ้วของเขาเฉียดผ่านปลายนิ้วมือของเธออีกครั้ง มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เนิ่นนานในใจ
“ด้วยความยินดีค่ะ...แด๊ดดี้ที่รัก”
ทั้งคู่ทรุดนั่งลงที่โต๊ะอีกครั้ง ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ เสียงกระดาษถูกพลิกเบาๆ ทุกจังหวะที่ข้อมือของเธอเคลื่อนไหว เธอรู้สึกได้ถึงดวงตาของเขาที่มองเธออย่างลึกซึ้ง
มือของเขาเอื้อมมาหยิบเอกสารอีกชุด วางพาดลงใกล้มือของเธอ นิ้วของพวกเขาเฉียดกันอีกครั้ง: ครั้งนี้ไม่มีใครหลบใคร
เธอหันไปสบตาเขา แววตานั้นเปล่งประกายอย่างแน่วแน่ และมั่นคง
เดน่อนนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปของเขาจะเอ่ยอย่างช้าๆ
“การลงทุนที่ดี...เริ่มจากการเข้าใจความเสี่ยง และประเมินคุณค่าให้ถูกต้อง”
ไอรีนไม่ขยับ ไม่พูด ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างรู้ทัน
“แล้วแด๊ดดี้ล่ะคะ...ประเมิน ‘ไอรีน’ ไว้ที่มูลค่าเท่าไหร่?”
เขาหัวเราะเบาๆ เสียงนั้นนุ่มลึกจนเหมือนลมหายใจ
“บางสิ่ง...อาจไม่มีราคาที่แน่นอน เพราะมันไม่ได้มีไว้เพื่อขาย...”
เธอจ้องเขานิ่ง เงียบ
“แต่มีไว้เพื่อ...ครอบครอง” เขาเอ่ยต่อเบาๆ เสียงนั้นดังพอให้เธอได้ยินชัดเจน…คนเดียว
สายตาของทั้งสองยังคงตรึงกันไว้กลางห้องทำงานท่ามกลางแสงแดดบ่าย ความร้อนในอากาศอบอวลขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลชัดเจน
แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ...บทเรียนนี้เพิ่งจะเริ่มต้น
บทที่ 3
เสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทาน...ค่ำคืนที่ไม่หวนกลับ
เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งดังแผ่วในยามค่ำ ดั่งเสียงกระซิบจากธรรมชาติที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังยามค่ำคืนใต้ผืนฟ้าที่ประดับด้วยดวงดารานับร้อยพัน พื้นดินเบื้องล่างปกคลุมด้วยหญ้านุ่มและกลีบดอกไม้ป่าที่ปลิวตามลม โต๊ะอาหารไม้ยาวถูกจัดวางกลางไร่สตรอว์เบอร์รีซึ่งกำลังผลิดอกออกผลสีแดงสด กลีบของมันเปล่งประกายยามแสงจันทร์อาบไล้ เสมือนอัญมณีที่ซุกซ่อนความหอมหวานไว้ภายใน
กลิ่นไวน์ขาวชั้นดีแตะปลายจมูก คลุกเคล้ากับกลิ่นซีฟู้ดสดใหม่ที่ผ่านการย่างไฟอย่างพอเหมาะ ส่งกลิ่นหอมละมุนลอยในอากาศ เสียงหัวเราะเจือเสียงเพลงเบาๆ ดังปะปนไปกับเสียงคลื่นในระยะไกล
ไอรีนในชุดผ้าซาตินเนื้อลื่นสีดำสนิท พลิ้วแนบชิดไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย ราวกับผืนผ้าได้กลายเป็นผิวหนังชั้นที่สอง เผยให้เห็นช่วงไหล่ขาวผ่องเนียนละมุนและแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าราวกับภาพศิลป์ เส้นผมยาวหยักศกสีช็อกโกแลตเข้มถูกรวบขึ้นครึ่งศีรษะ แววตาเธอเปล่งประกายอย่างมั่นใจ ขณะที่เรียวปากสีโรสโกลด์คลี่ยิ้มบางอย่างเฉียบคมและเจ้าเล่ห์
สายตาเธอจับจ้องไปยังเขา: เดน่อน
เขาอยู่ในชุดเชิ้ตลินินสีขาวแขนยาว ม้วนขึ้นถึงข้อศอก กล้ามเนื้อแน่นแสดงออกอย่างชัดเจนยามเขายกแก้วไวน์ขึ้นจิบ กลิ่นตัวเขาเจือจางในอากาศ: กลิ่นไม้หอม กลิ่นหนังแท้ และกลิ่นกายที่แสนเย้ายวน หญิงสาวหลายคนในงานต่างเดินเข้ามาใกล้เขา ใช้ทุกโอกาสเอียงตัว แย้มยิ้ม ส่งเสียงหัวเราะที่หวานเกินเหตุ
ดวงตาของไอรีนหรี่ลงเล็กน้อย มีแววไม่พอใจแฝงอยู่ใต้รอยยิ้มทรงเสน่ห์อ่อนหวานของเธอ เธอขยับก้าวอย่างมั่นใจ เดินลัดเลาะผ่านแขกเหรื่อไปยังเบื้องหลังของเดน่อน: อย่างเงียบเชียบ
ฝ่ามือบางแตะลงบนบ่ากว้างของเขา จากนั้นค่อยๆ เลื่อนขึ้นสู่ต้นคอที่เปียกชื้นนิดๆ จากเหงื่อ เธอโน้มตัวลง กระซิบข้างใบหูขอเขาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“คืนนี้...อากาศร้อนจังเลยค่ะ แด๊ดดี้”
คำพูดของเธอไม่ใช่เพียงแค่เสียง แต่คือสัมผัสที่กระตุ้นทุกปลายประสาทของเขา
เขาไม่ขยับ แต่ปลายคิ้วกระตุกนิดหนึ่ง
“เธอน่าจะรู้ดีว่า…ไม่ใช่อากาศที่ร้อน” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ชัดถ้อยชัดคำ แต่ลมหายใจกลับเริ่มติดขัดเล็กน้อย
ไอรีนขยับสะโพกเบาๆ ให้แนบชิดแผ่นหลังของเขา ผิวผ้าบางเบาเสียดสีอย่างแผ่วเบากับผิวเนื้อ ใต้แสงจันทร์ เธอเอียงคอ กระซิบอีกครั้ง
“แด๊ดดี้...มีสาวๆ เยอะจังเลยคืนนี้”
เขาหันมาเผชิญหน้ากับเธอช้าๆ หัวเราะเบาๆ จิบไวน์อีกครั้งแล้ววางแก้วลง
“ความหึงหวง...เป็นสิ่งที่เด็กดีไม่ควรแสดงออกนะ ไอริน” ดวงตาคมมองเธอตรงไปตรงมา
เธอจ้องเขานิ่ง ลมหายใจใกล้ชิดกับเขา
“แล้วถ้า...เด็กดื้อแบบหนูจะแสดงออกอย่างนั้นล่ะคะ?”
คราวนี้...เขาหันมาทั้งตัวช้าๆ แววตาลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ซ่อนเร้น
“ก็น่าสนใจ...จนน่าจะอยากให้บทลงโทษ”
เธอยิ้ม ยักไหล่เบาๆ ก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากเขา
“แล้วแด๊ดดี้...จะลงโทษหนูเมื่อไหร่คะ?”
เขาส่งเสียงในลำคอคล้ายคำรามกึ่งรำพึง เธอไม่ปล่อยให้ช่องว่างนั้นอยู่เนิ่นนาน มือบางเลื่อนไปแตะชายเสื้อของเขา ลูบขึ้นช้าๆ ไปยังแผ่นหลัง อุณหภูมิในร่างของเธอพลุ่งพล่านขึ้นตามปลายนิ้ว เธอมองเขาอย่างท้าทาย ริมฝีปากจุดเป็นรอยยิ้มอย่างรู้เท่าทัน
“กำลังคิดอะไรอยู่...แด๊ดดี้?”
เขาไม่ตอบในทันที มือใหญ่ของเขาเอื้อมแตะหลังมือของเธอ ลากนิ้วลงมาตามแนวแขนเรียวบาง จนถึงข้อศอก
“กำลังคิดว่า...คืนนี้พระจันทร์สวยดี”
“...แต่แด๊ดดี้ไม่ได้มองพระจันทร์เลยสักนิด”
เธอตอกกลับทันควัน แววตาแน่วแน่ไม่หลบสายตาเขา
เขาหัวเราะในลำคออีกครั้ง: เสียงที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง
ทันใดนั้น เขาวางมือบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอเบาๆ แล้วกระซิบข้างหู
“ไปเถอะ...ฉันอยากพาเธอไปดูพระจันทร์ชัดๆ กว่านี้”
ไอรีนยิ้ม: รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะและแรงปรารถนา
เขาจูงมือเธอออกจากงานเลี้ยงอย่างเงียบงัน ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามทางเดินโรยกรวด ซึ่งนำไปสู่กระท่อมไม้ริมทะเลที่ตั้งอยู่ปลายแหลมบนเชิงหน้าผา
แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องลงบนเรือนผมของเธอ เส้นผมสะท้อนแสงสีเงินอย่างงดงาม คลื่นซัดฝั่งเป็นจังหวะช้าๆ ราวกับจังหวะชีวิตที่กำลังดำเนินไปพร้อมกัน
เขาหยุดยืนมองเธอใต้แสงจันทร์ ดวงตาเป็นประกายร้อนแรงในความมืดสลัว
“หนูอยากรู้อะไรบางอย่างค่ะ”
“ว่ามาสิ”
“ตอนที่แด๊ดดี้บอกว่า...หนูไม่ได้มีไว้เพื่อขาย แต่เพื่อครอบครอง...”
“หืม?”
“แด๊ดดี้อยากครอบครองหนู...ในแบบไหนกันแน่คะ?”
เธอเงยหน้ามองเขา แววตาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง ความเร่าร้อน และคำถามที่เปิดประตูหัวใจ
เขาจ้องเธอนิ่ง เสี้ยววินาทีที่ทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงคลื่น...
จากนั้น...เขาก้มลงช้าๆ
ริมฝีปากของเขาสัมผัสปลายจมูกเธอเบาๆ แล้วเลื่อนลงไปจรดที่ริมฝีปากล่างของเธอโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด
มันไม่ใช่แค่จูบ แต่มันคือคำตอบ
ริมฝีปากของเขาแนบแน่น ลึกซึ้ง แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน มือของเขาประคองใบหน้าของเธอราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดหายไปกับสายลม
ลมหายใจของทั้งสองประสานกัน เป็นบทเพลงที่เร่าร้อนและกลมกลืน
และในค่ำคืนนั้น...ท่ามกลางเสียงคลื่น แสงจันทร์ และไร่สตรอว์เบอร์รีที่ส่งกลิ่นหอมหวาน ความปรารถนา...ได้ปะทุขึ้นอย่างเงียบงัน
ร้อนแรง
งดงาม
และ...ไม่มีทางหวนกลับ
บทที่ 4
xxxx
xxxx
"ชอร์ตี้! เฮ้ย! ชอร์ตี้!"
บทที่ 5
xxxx
xxxx
"ชอร์ตี้! เฮ้ย! ชอร์ตี้!"